18 ส.ค. เวลา 13:31 • การเมือง

“ภูมิธรรม” ยันฟ้อง “กัมพูชา-ผู้นำ” รุกรานอธิปไตยไทย ลั่น ไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

“ภูมิธรรม” วอนประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อไอโอ เดินหน้าฟ้อง “กัมพูชา-ผู้นำ” รุกรานอธิปไตยไทย กระทบชีวิตทรัพย์สินประชาชน ย้ำเป็นการฟ้องในประเทศ ถ้าเข้าไทยเมื่อไหร่เจอจับ ลั่น ไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยใช้เวลาประชุมราว 3 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายภูมิธรรม แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุม สมช. ได้ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังต้องเฝ้าระวัง มีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่ ทางกองทัพและกระทรวงกลาโหมยังติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่การเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ ต้องรอการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) วันที่ 27 สิงหาคม 2568
และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) วันที่ 8-10 กันยายน 2568 ที่ประเทศกัมพูชา เราติดตามโดยให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งเตือนให้มากขึ้น ซึ่งต้องเป็นเอกภาพ สื่อสารประสานงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้มีการสร้างความสับสนแก่ประชาชน มีกระบวนการไอโอ (IO) อยากฝากให้พวกเราอย่าตกเป็นเหยื่อ รัฐบาลจะดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เอาประเทศชาติ อธิปไตย ชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไป อีกเรื่องที่ที่ประชุมพูดถึง คือเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์รุกรานอธิปไตยของไทย กระทบกับชีวิตทรัพย์สินประชาชน เราเตรียมฟ้องกัมพูชา รวมทั้งผู้นำกัมพูชา ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รับเรื่องแล้ว
และ ตร. มอบหมายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนและหน่วยราชการต่างๆ จากนั้นให้ส่งไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อรับหน้าที่ในการฟ้องร้อง โดยจะเป็นการฟ้องในประเทศ คือการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงและทรัพย์สินของประชาชน โดยผู้ก่อเหตุอยู่ภายนอกประเทศ เราจะฟ้องเฉพาะในประเทศเท่านั้น ไม่ไปฟ้องระหว่างประเทศ เพราะเราทำในหน้าที่กรอบตรงนี้ และไม่ทำก็ไม่ได้เพราะจะโดนข้อหามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามว่าการฟ้องภายในประเทศจะเอาผู้ต้องหาเข้ามาอย่างไร นายภูมิธรรม ตอบว่า เป็นการฟ้องที่สามารถดำเนินการได้ เป็นคดีที่มีการฝากขัง ถ้าเข้ามาในประเทศเจอเมื่อไหร่ก็จับ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะฟ้องทั้ง สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้อัยการสูงสุดไปดู และรวบรวมคดีดำเนินการตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
ขณะที่คำถามว่าจะฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า “ผมไม่ใช่ทนาย เป็นคดีทั้งอาญาและแพ่ง” ผู้สื่อข่าวถามต่อ ทำไมไม่ฟ้องโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อชีวิตทรัพย์สินในประเทศ รวมทั้งสถานที่ราชการต่างๆ แต่ว่าผู้ก่อเหตุอยู่นอกประเทศ วันนี้เราก็ดำเนินการภายในประเทศตามอำนาจหน้าที่ที่ทำได้เลย ส่วนต่างประเทศนั้นเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจของศาลโลก ฉะนั้นตรงนี้ก็ยังไม่ไปถึงตรงนั้น
ขณะที่คำถามว่าเราจะสืบหาเส้นทางการเงินของเครือข่ายนักการเมืองกัมพูชาในไทย หรือเส้นทางการเงินของ สมเด็จฮุน เซน สามารถทำได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณาให้เหมาะสม ถ้าจะทำก็ยังพูดไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรมาพูด เมื่อถามอีกว่าถ้าจะทำเขาก็อาจจะรู้ตัวใช่หรือไม่ถ้าเราพูด นายภูมิธรรม ตอบกลับว่าไม่ใช่ เรายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โฆษณา