เมื่อวาน เวลา 04:14 • ข่าวรอบโลก

“สันติภาพ” ไม่เท่ากับ “หยุดยิง”

เซเลนสกีรวมทีมผู้นำยุโรปเข้าเจอทรัมป์ที่ทำเนียบขาว กลางที่ประชุม “ทรัมป์ต่อสายหาปูติน” ทรัมป์ประกาศ “นัดเซเลนสกีเจอกับปูติน” ในอีกสองสัปดาห์
18 สิงหาคม 2025: “เซเลนสกี” กับ “ทรัมป์” ได้นั่งหารือกันที่ทำเนียบขาว นี่เป็นการเยือนวอชิงตันครั้งที่สองของเซเลนสกีหลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ครั้งแรกเมื่อกุมภาพันธ์ 2025 จบลงด้วยความล้มเหลว ทรัมป์ทะเลาะกับเซเลนสกีต่อหน้าสื่อมวลชน โดยกล่าวหาว่าเขาไม่สำนึกบุญคุณต่อสหรัฐอเมริกามากพอ และเซเลนสกีตอนนั้นยืนยันจะ “สู้ สู้ สู้”
ทำให้การเจรจาเมื่อช่วงต้นปีนี้ถูกขัดขวาง ทำเนียบขาวระงับความช่วยเหลือยูเครนชั่วคราว และเซเลนสกีต้องออกมาขอโทษกับทีมทรัมป์ภายหลังเมื่อเมษายน ประธานาธิบดีทั้งสองได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ โดยได้หารือกันที่นครวาติกัน (ในช่วงเข้าร่วมพิธีปลงพระศพโป๊ปฟรานซิส)
เครดิตภาพ: Reuters
การเยือนทำเนียบขาวของ “เซเลนสกี” ในรอบนี้มีบรรยากาศที่เป็นมิตรมากขึ้น เขาผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มอนุรักษนิยมอเมริกันในการเยือนครั้งก่อนหน้าว่าไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องแบบลายพรางเป็นชุดสูท ในครั้งนี้แต่งตัวดีขึ้นเขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำและชุดดำทั้งชุด และกล่าวขอบคุณทรัมป์ไม่ต่ำกว่าแปดครั้ง ในระหว่างการพูดคุยกับสื่อมวลชน
ประธานาธิบดีทั้งสองต่างสุภาพและพูดติดตลก ดังที่วอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุว่า “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์”
เซเลนสกีได้เข้าพบทรัมป์พร้อมกับผู้นำฝ่ายการเมืองยุโรปเพื่อหารือเรื่อง “การรับประกันความมั่นคงให้กับยูเครน” ทรัมป์ให้สัญญาว่ายูเครนจะได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น จากสหรัฐอเมริกาและยุโรป (โดยเฉพาะยุโรป) แต่ย้ำว่า “การเป็นสมาชิกนาโตไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
เซเลนสกีกล่าวว่าการสนทนาของเขากับทรัมป์ครั้งนี้ “สร้างสรรค์” และ ”ตรงประเด็น” และตัวทรัมป์เองก็แสดงความหวังว่าในวันนี้ เขา ผู้นำยูเครน และยุโรปจะเห็นพ้องต้องกัน “ในเกือบทุกประเด็น” ซึ่งจะเปิดประตูสู่การพบเจอกันโดยตรงระหว่าง “เซเลนสกี-ปูติน”
เครดิตภาพ: Getty Images
FT ได้เห็นเอกสารจากคณะผู้แทนยูเครนที่ระบุว่า “ยูเครนพร้อมที่จะซื้ออาวุธจากอเมริกามูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ” เพื่อรับประกันความมั่นคงจากสหรัฐอเมริกา เอกสารดังกล่าวซึ่งน่าจะจัดทำขึ้นก่อนการประชุม ยังเน้นย้ำว่ายูเครนจะไม่ยินยอมสละดินแดนให้รัสเซีย และยืนกรานให้มีการหยุดยิงเป็นก้าวแรกสู่ข้อตกลงสันติภาพ
ทรัมป์ได้ถอนตัวจากข้อเรียกร้องก่อนหน้า “เรื่องการหยุดยิง” เขาเคยกล่าวหลายครั้งว่าสันติภาพไม่จำเป็นต้องมีการหยุดยิงก่อน เขากล่าวว่าเขาได้พยายามให้เกิดการหยุดยิงในยูเครนเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิต แต่ “ในเชิงยุทธศาสตร์” การหยุดยิง “อาจไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย” ถ้อยแถลงนี้ถูกมองว่าเป็นการยอมอ่อนข้อให้กับปูติน ซึ่งยังคงไม่ยอมหยุดยั้งการโจมตียูเครน ผู้นำยุโรปต่างจากทรัมป์ยังคงยืนกรานต่อสาธารณชนถึงความจำเป็นของการหยุดยิง
ตามรายงานของสื่อต่างๆ ทรัมป์ขัดจังหวะการพูดคุยกับผู้นำยูเครนและยุโรปที่ทำเนียบขาวเพื่อโทรหาปูติน (เดิมทีเขาวางแผนที่จะโทรหาเขาหลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น) แหล่งข่าวจากรอยเตอร์กล่าวว่า ผู้นำยุโรปถือว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้เป็น “สัญญาณบวก” พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าทรัมป์มักสนับสนุนจุดยืนของคู่สนทนาที่เขาพูดคุยด้วยเป็นคนสุดท้าย ดังนั้นหลังจากทรัมป์ต่อสายกับปูตินแบบไม่คาดคิด พวกเขาจึงคิดว่ามีโอกาส
ทรัมป์กล่าวว่าเขาได้เริ่มเตรียมการสำหรับการนัดคุยเจรจาระหว่าง “ปูติน-เซเลนสกี” แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตกลงว่าผู้นำรัสเซียและยูเครนจะพบกันภายในสองสัปดาห์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างคำพูดของ “ฟรีดริช เมิร์ซ” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ขณะเดียวกันเมิร์ซแสดงความสงสัยว่าปูตินจะมีความกล้าที่จะพบกับเซเลนสกีหรือไม่ เซเลนสกีเองก็กล่าวว่าเขา “พร้อมที่จะพบกับปูติน” และจะหารือเรื่องดินแดนกับเขา
เครมลินยืนยันการโทรศัพท์ระหว่างปูตินกับทรัมป์ แต่ไม่ได้ยืนยันความพร้อมของประธานาธิบดีรัสเซียที่จะพบกับผู้นำยูเครน “ยูริ อูชาคอฟ” ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเพียงว่าปูตินและทรัมป์ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการ “ยกระดับ” การเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครน ก่อนหน้านี้ปูตินปฏิเสธที่จะพบกับเซเลนสกีเป็นการส่วนตัว
ที่มาภาพ: Truth @realDonaldTrump
  • บทสรุปและวิเคราะห์
การพบกันครั้งที่สองระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีในทำเนียบขาวนั้นเป็นไปตามคาด คีธ เคลล็อกก์ ผู้รับผิดชอบการเจรจากับเคียฟในทีมของทรัมป์ ได้ทำงานร่วมกับเซเลนสกีล่วงหน้า การทะเลาะออกสื่อเมื่อกุมภาพันธ์ถือเป็นความล้มเหลวของเขา และเป็นสิ่งสำคัญที่เคลล็อกก์จะต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก
ความคิดเห็นของทรัมป์ระหว่างการเจรจากับเซเลนสกีก็ไม่ได้สร้างความฮือฮาเช่นกัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโตซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นทางการแล้ว แต่ยูเครนจะได้รับการรับประกันความมั่นคงที่เป็นนามธรรมอีกครั้งตามเจตนารมณ์ที่เซเลนสกีได้รับจากรัฐบาลไบเดนก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าจะไม่เหมือนกับพันธสัญญาที่สหรัฐฯ มอบให้กับญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ แต่เราจะพูดถึงการกำหนดรูปแบบที่คลุมเครือตามเจตนารมณ์ที่สหรัฐฯ มอบให้กับอิสราเอลหรือไต้หวัน วอชิงตันขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่เข้าไปช่วยเหลือเคียฟโดยตรง การส่งมอบอาวุธจะผ่านยุโรปด้วยระยะเวลาที่อาจล่าช้ากว่า
ท่าทีของเซเลนสกีเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการจัดการเลือกตั้งในยูเครนยังเป็นเรื่องน่าสงสัยอย่างยิ่ง พรรครีพับลิกันผลักดันให้เซเลนสกีทำเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว กำลังมีการหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งในยูเครน ซึ่งหลังจากนั้นทีมของทรัมป์หวังว่าจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่พวกเขาสามารถบริหารจัดการได้เอง หลังจากนั้นจะสามารถตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยูเครนได้โดยไม่ผ่านเซเลนสกีอย่างนั้นหรือไม่
โดยทั่วไปแล้วแรงกดดันต่อยูเครนจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในบริบทของความจำเป็นในการสรุปข้อตกลงสันติภาพระยะยาว ตำแหน่งของนักล็อบบี้ยิสต์ชาวยูเครนกำลังถูกปรับเปลี่ยนอย่างมากเช่นเดียวกับกลุ่มการเมืองของยุโรป ภาพที่ออกมาในทำเนียบขาวในวันนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ ทั้งสำหรับชาวยูเครนและชาวยุโรป
เรียบเรียงโดย Right Style
19th Aug 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: AP Photo>
โฆษณา