20 ส.ค. เวลา 02:59 • ปรัชญา

ความน่ารัก (Likeability) ที่เพียบพร้อมด้วยคารพสัตยธรรม: น่ารักและจริงใจสูตรสำเร็จเร่งการเติบโต

ความเก่งอย่างเดียวไม่เพียงพอ อันเนื่องมาจากในปัจจุบันสิ่งนี้ถูกแทนที่ด้วย AI เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหากคุณเป็นคนเก่งที่คนไม่อยากทำงานด้วย คุณไปไม่รอดแน่นอน แต่หากคุณมีความน่ารักคนอยากทำงานร่วมด้วย แล้วคุณใช้ AI ในการค้นคว้าหาข้อมูลมีกรอบความคิดแบบเติบโตที่ใช้ความพยายาม และมองความล้มเหลวเป็นการเรียนรู้ คนนี้แบบนี่แหละที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต
ทำอย่างไรให้คนอยากทำงานร่วมมากขึ้น แม้การมีเสน่ห์ที่คนอยากร่วมงานด้วยจะเป็นตัวแปรสำคัญในโลกปัจจุบันและอนาคต แต่หากเรามีความจริง ความซื่อตรง จะเป็นทำให้ ความน่ารัก (Likeability) ไม่ตื้นเขิน ที่ดูหลอกลวงเอาใจเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความน่าคบที่ไว้วางใจได้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของการเติบโตทั้งคนและทีม
ผมเป็นคนที่เกลียดความดีจอมปลอม แต่ไม่เคยดูแคลนศีลธรรม หลายคนแสดงความน่ารักออกมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง ช่วยเหลือเพียงคนบางคนที่มีผลประโยชน์ต่อตนเอง สร้างความดีเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่จีรัง ยั่งยืน สักวันหนึ่งจะโดจับได้ และความน่ารักที่ครั้งหนึ่งผู้คนต่างชื่นชม จะกลายเป็นความอุบาทตลอดไป
ความน่ารักที่เพียบพร้อมด้วยคารพสัตยธรรม จึงเป็นสูตรสำเร็จสำหรับผม เพราะคารพสัตยธรรม คือ การยึดมั่นในความจริงและความถูกต้อง ทั้งในความคิด คำพูด และการกระทำ พุทธจิตวิทยามองว่านี่คือการฝึกจิตให้ตั้งอยู่บนสัจจะ ซึ่งหนึ่งในบารมี 10 ที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องสั่งสมเพื่อพัฒนาจิตสู่ความพ้นทุกข์ ผู้ที่รักษาสัตยธรรมจะมีจิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันหรือผลประโยชน์ชั่วคราว เพราะรู้ว่าความจริงคือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นหลักยึดที่ทำให้การดำเนินชีวิตมีความสงบและโปร่งใส
เมื่อนำมาหลอมรวมกับความน่ารักเสน่ห์จะไม่หยุดแค่ชอบ แต่ยกระดับเป็นไว้ใจและอยากร่วมแรง คนรอบตัวจะสบายใจที่จะบอกความจริง ขอความช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญ และยอมเสี่ยงไปกับเราในงานยาก ๆ เพราะเชื่อว่าเราพูดจริง ทำจริง และจะไม่ทิ้งกันกลางทาง นี่คือพลังที่ความน่ารักแบบมีสัจจะเติมออกซิเจนให้ทีมและโครงการ เติบโตเร็วขึ้น และยั่งยืนกว่าเสน่ห์ที่ฉาบฉวย
ด้วยเหตุนี้ ความน่ารักประกอบด้วย 3 ส่วนผสมหลัก— จริงใจ (คำพูด – น้ำเสียง – การกระทำสอดคล้อง), อบอุ่นและเข้าใจ (ฟังเชิงรุก – สะท้อนอารมณ์คู่สนทนา) และ สื่อสารชัด (ตอบตรง – ไม่คลุมเครือ) เมื่อสัญญาณทั้งสามปรากฏพร้อมกัน สมองของผู้ฟังจะปิดโหมดป้องกันแล้วเปิดใจรับทันที (Huang et al., 2017; Neal et al., 2021)
งานวิจัยยังชี้ว่าองค์ประกอบเหล่านี้รวมกันเป็นแรงโน้มถ่วงทางอารมณ์ที่ดึงดูดหัวหน้า เมนเทอร์ และเพื่อนร่วมงานให้เข้ามาเติมพลังให้ไอเดียและโครงการใหม่ ๆ ยิ่งเราน่ารัก ทีมสนับสนุนก็รวมตัวเร็วขึ้น (Cuddy et al., 2013; Huang et al., 2017) ผลลัพธ์คือศักยภาพส่วนตัวถูกคูณทวีกว่าการเก่งโดยลำพัง ซึ่งสอดคล้องกับ สิ่งที่ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ คุณโจ้พูดใน หัวข้อ "เคล็ดลับที่ AI ไม่มีวันทำได้! ทำไมคนที่ 'น่ารัก' ถึงประสบความสำเร็จมากกว่าคนเก่ง?" โดยเขาสรุปออกมาเป็น กัลยาณมิตร 4 ดังนี้
1) หัวหน้า ชอบคนทำงานสำเร็จ ไม่ใช่แค่ทำเสร็จ ลูกน้องที่ส่งของตามเป้าหมาย น่าเชื่อใจกว่าแบบรีบส่งแต่ไร้ภาพรวม
2) Mentor ชอบคนเอื้อเฟื้อ ไปมาหาสู่ เป็นผู้ให้ (Giver) ก่อนขอ สร้าง “เครดิตทางสังคม” ให้เมนเทอร์ (ส่งบทความ เครื่องมือ ช่วยงานย่อย) การสังเคราะห์งานวิจัยของ Eby & Allen (2008) พบว่า แนวทางนี้ เพิ่มโอกาสได้คำแนะนำลึกและคอนเน็กชันเกือบเท่าตัว เพราะความสัมพันธ์กลายเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ภาระฝ่ายเดียว
3) เพื่อนร่วมงาน ชอบคนมีน้ำใจ ข้อเสนอ เสนอว่า “ให้ช่วยอะไรไหม” ก่อนถูกขอจะทำให้ทีม เสร็จงานเร็วขึ้นเฉลี่ย 15% และ ความเชื่อมั่นภายในทีมจะสูงขึ้น (Google Project Aristotle, 2017) สมองอีกฝ่ายรับรู้ว่า “ไม่ได้สู้ลำพัง” เกิดแรงตอบแทน และคุณถูกมองเป็นตัวเชื่อมโยงของโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ
4) ลูกน้อง ชอบหัวหน้าแบบโค้ช ผู้นำที่ถามให้คิด ชี้เส้นเติบโต และ รับหน้าแทนทีมเมื่อพลาด ทำให้การมีส่วนร่วมสูงกว่าหัวหน้าเชิงสั่ง 45% และลดลาออกกลางปี 30% (Google Project Oxygen, 2021) เพราะเกิดพื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยา ทีมจึงกล้าลอง กล้าถาม ส่งผลให้นวัตกรรมเกิดเร็วขึ้น
ใช่ทั้งหมดนั้นคือพลังของผู้ให้ แต่สิ่งที่ยกระดับการเป็นผู้ให้ ไม่ใช่แค่ให้แล้วน่ารัก แต่คทิความจริงใจแบบคารพสัตยธรรม ที่พูดจริงด้วยเมตตา ทำจริงตามที่รับปาก โปร่งใสและตรวจสอบได้ เมื่อผู้ให้วางอยู่บนสัจจะ การให้จึงไม่กลายเป็นการเอาใจหรือสะสมบุญคุณ หากเป็นการร่วมสร้างคุณค่าอย่างเสมอหน้า และนี่เองที่จะยกระดับกัลยาณมิตร 4 ที่คุณโจ้ว่ามาได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
กับหัวหน้าความน่ารักที่มีสัจจะ คือสื่อสารความจริงพร้อมบริบทและทางออกไม่ใช่รีบส่งของให้ไวแต่ไร้ภาพปลายทาง รายงานผลแบบ Outcome-based สั้น ๆ สม่ำเสมอ บอกความเสี่ยงล่วงหน้า กล้ารับเมื่อพลาดและแนบแผนชดเชย นี่คือการ ทำก่อนพูดที่ทำให้หัวหน้าเห็นคุณเป็นคน "ทำสำเร็จ” ไม่ใช่แค่ “ทำเสร็จ”
กับเมนเทอร์ การเป็นผู้ให้ที่ยืนบนสัจจะ เริ่มจากประกาศเป้าหมายการเรียนรู้ให้ชัด บอกขอบเขตเวลา ทรัพยากรที่ทำได้จริง แล้วให้ก่อนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขาจริง ๆ เช่น บทความ เครื่องมือ คอนเนคชั่น โดยไม่คาดหวังทันที ความเอื้อเฟื้อที่ซื่อตรงทำให้ความสัมพันธ์เป็นการแลกเปลี่ยน มิใช่ภาระฝ่ายเดียว
กับเพื่อนร่วมงาน ความน่ารักแบบมีคารพสัตยธรรมคือ การช่วยเหลือแบบย่อม ๆ ที่จริงใจ เช่น "เดดไลน์ ช่วยเช็กสไลด์ 10 นาทีได้ตอนเที่ยง หลังจากนั้นผมต้องเข้าประชุม” พร้อมให้เครดิตอย่างใจกว้าง ต่อหน้า และ ขอโทษแบบรับผิด เมื่อทำให้ทีมช้า ความอบอุ่นที่ตั้งอยู่บนความตรงทำให้ทีมไว้วางใจและกล้าพึ่งพากันมากขึ้น
กับลูกน้องหัวหน้าแบบโค้ชที่ยึดสัจจะจะ ถามเพื่อให้คิดชี้เส้นเติบโต ชัดทั้งเกณฑ์งานและขอบเขตความรับผิด พร้อมรับหน้าแทนทีมเมื่อพลาด แล้วค่อยโค้ชแก้กระบวนการภายใน ความปลอดภัยทางอารมณ์เกิดจากวาจาจริงที่มีเมตตาและการรักษาคำอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่จากคำปลอบชั่ววูบที่คมคาย ผมได้กัลยาณมิตร 4 ที่มีสัตยธรรมมาแตกเป็นการปฏิบัติย่อยอด เรียกว่า "เทคนิคความน่ารักที่พร้อมด้วยคารพสัตยธรรม" มีรายละเอียดดังนี้
เทคนิคในการสร้างความน่ารักที่พร้อมด้วยคารพสัตยธรรม
1) วางฐานด้วยสัจจะก่อนเสน่ห์ ความน่ารักที่ยั่งยืนเริ่มจากการตั้งความคาดหวังตรงไปตรงมา บทบาท หน้าที่ เส้นตาย และเกณฑ์คุณภาพ เมื่อประกาศสิ่งใด ให้ถือเป็นสัญญาทั้งกับผู้อื่นและกับตนเอง การบอกข้อจำกัดตั้งแต่ต้นไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือหลักฐานของความจริงใจและความรับผิดชอบ "สัจจะ” จึงเป็นเสาเข็มให้เสน่ห์น่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่ชวนชอบแบบชั่วครั้งชั่วคราว
2) พูดและฟังด้วยความเมตตา การสื่อสารที่ดีไม่ใช่แค่ “จริง” แต่ต้อง “จริงแบบเกื้อกูล” เลือกเวลาและถ้อยคำให้เหมาะ ใส่ใจผลกระทบทางอารมณ์ พูดให้สั้น ชัด และจบด้วยทางออก เช่น รายงานปัญหาพร้อมสองทางเลือกที่ทำได้จริง ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมฟังอย่างเคารพ ตั้งใจฟังให้จบ สะท้อนสิ่งที่เข้าใจ และถามเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ เมื่อเมตตาจับมือกับสัจจะ ผู้คนจะกล้าพูดความจริง ทีมได้ข้อมูลเร็ว ปัญหาถูกพบไว และความร่วมมือเกิดขึ้นเอง
3) ทำก่อนพูดให้ผลงานเป็นภาษาแห่งความจริงใจ เสน่ห์ที่ทรงพลังที่สุดคือหลักฐานของการลงมือส่งมอบชิ้นเล็กที่ใช้งานได้แทนคำอธิบายยาว ๆ การทำก่อนพูดทำให้ถูกมองว่าไว้ใจได้ และแปลงความประทับใจให้กลายเป็นความไว้วางใจ เรียกได้ว่าเป็น "ทุนทางสังคมที่สำคัญของทีม"
4) รับผิดอย่างมีศักดิ์ศรี เมื่อพลาดจงยอมรับทันที ระบุสาเหตุ สิ่งที่จะปรับ และกำหนดเวลาให้ชัด การขอโทษที่ดีไม่ยืดเยื้อเพื่อแก้ตัว แต่ให้ความสำคัญกับการเยียวยาอย่างจริงใจ ความสามารถในการล้มแล้วลุกอย่างรับผิดชอบ ยกระดับทั้งความน่าคบและความน่าเชื่อถือในคราวเดียว
5) ให้เครดิตอย่างใจกว้าง ยกคนอื่นขึ้น แล้วคุณจะสูงขึ้นเอง ยกย่องผลงานผู้อื่นต่อหน้า ระบุที่มาไอเดียอย่างซื่อตรง และแบ่งสปอตไลต์อย่างจริงใจ การให้เครดิตไม่ได้ทำให้ด้อยลง ตรงกันข้ามมันทำให้คุณเป็นศูนย์รวมความไว้วางใจ คนเก่งอยากร่วมงาน และพลังใจของทีมเพิ่มขึ้น เสน่ห์จึงกลายเป็นตัวคูณผลงาน
6) สม่ำเสมอหน้าและหลังเวที ทำให้สิ่งที่พูดในที่ประชุมสอดคล้องกับสิ่งที่ทำเมื่อกลับโต๊ะ ความสม่ำเสมอคือ หลักฐานที่แสดงถึงคารพสัตยธรรม เวลาผ่านไป ผู้คนอาจจำไม่ได้ว่าคุณพูดอะไรยืดยาว แต่จะจำได้ว่าคุณ รักษาคำหรือไม่ ความน่ารักจึงค่อย ๆ งอกเป็นความนับถือ
ความน่ารักที่พร้อมด้วยคารพสัตยธรรมไม่ใช่ศิลปะในการทำให้คนพอใจชั่วคราว หากคือวินัยของใจที่ผสานเมตตากับสัจจะ พูดจริงด้วยความเกื้อกูล ทำจริงตามที่รับปาก โปร่งใสเมื่อทำพลาด และเรียนรู้อย่างเปิดเผย เมื่อเสน่ห์ยืนบนความจริง ความร่วมมือจะเกิดขึ้นเอง และความสำเร็จจะยั่งยืนกว่าที่คาดคิด
อ้างอิง
คาลอส บุญสุภา. (2568). ความน่ารัก (Likeability) : หนังสือเดินทางทางอารมณ์สู่ความสำเร็จ. https://sircr.blogspot.com/2025/07/likeability.html
คาลอส บุญสุภา. (2568). นิสัยแห่งความสำเร็จ : เพราะอะไรคนน่ารัก (Likeability) ถึงวิ่งแซงคนเก่งในยุค AI. https://sircr.blogspot.com/2025/07/likeability-ai.html
Cuddy, A. J. C., Kohut, M., & Neffinger, J. (2013). Connect, then lead. Harvard Business Review, 92-99. https://www.hbs.edu/faculty/Pages/item.aspx?num=44869
Eby, L. T., & Allen, T. D. (2008). Moving toward interdisciplinary approaches to mentoring research: Advances, challenges, and a future agenda. Industrial and Organizational Psychology, 1(3), 446-452.
Google. (2017). Project Aristotle: Understanding team effectiveness. Google re:Work.
Google. (2021). Project Oxygen update: What makes a great manager? Google re:Work.
Grant, A. (2014). Give and Take: Why Helping Others Drives Our Success. Penguin Books
Huang, K., Yeomans, M., Brooks, A. W., Minson, J. A., & Gino, F. (2017). It doesn’t hurt to ask: Question-asking increases liking. Journal of Personality and Social Psychology, 113(3), 430–452. https://doi.org/10.1037/pspi0000097
โฆษณา