9 ชั่วโมงที่แล้ว • ธุรกิจ

💰 ข่าวเงินเดือนหลักล้าน VS ข่าว Lay-off/Early retirement = "สองโลกของตลาดแรงงานไทยในยุค AI"

เมื่อ “แข่งกันแย่งชิงคน AI” กับ “การเลิกจ้างครั้งใหญ่” เกิดขึ้นพร้อมกัน และอนาคตของคุณอาจขึ้นอยู่กับโลกที่คุณเลือกจะอยู่?
====
🌍 โลกสองใบที่กำลังเดินสวนทาง
ในช่วงเวลาเดียวกันที่พาดหัวข่าว “บริษัทใหญ่ปลดพนักงาน-ลดขนาดองค์กร” ปรากฏเต็มหน้าสื่อ ผมได้รับโทรศัพท์จาก Headhunter 2 เจ้า — ทั้งคู่กำลังตามหาคนในตำแหน่งเดียวกัน คือตำแหน่ง “Chief AI Officer” ให้กับองค์กรยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
"ตำแหน่งนี้เสนอเงินเดือนเริ่มต้นที่มากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือนนะครับ (ยังไม่รวมตำแหน่งที่มีคำว่า AI แปะในชื่อตำแหน่งล้วนเงินเดือนระดับ 6 หลักทั้งสิ้น)"
ใช่ครับ…ในวันที่ใครหลายคนกำลังถูกเชิญออกจากงาน กลับมีตำแหน่งงานใหม่ที่ค่าตัวทะลุเพดาน และที่น่าคิดคือ ตำแหน่งงานเหล่านี้กลับไม่ได้เปิดกว้างสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะมันต้องการทักษะเฉพาะทางที่ลึกและใหม่อย่างมาก
นี่ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่คือหลักฐานของ “การเปลี่ยนโครงสร้างตลาดแรงงาน” หรือที่ World Economic Forum เรียกว่า “The Great Restructuring” — โลกของงานกำลังแยกตัวออกเป็นสองใบ
* "โลกใบเก่า" = งานที่ซ้ำได้ ทดแทนได้ ต้นทุนสูง ผลิตภาพต่ำ
* "โลกใบใหม่” = งานที่ใช้สมองมากกว่าแรง ใช้ AI เป็นพาร์ทเนอร์ ไม่ใช่ศัตรู
และเส้นแบ่งระหว่างสองโลกนี้ไม่ใช่ภูมิศาสตร์ แต่คือ “ทักษะ” และ “วิธีคิด” ของคุณ
====
📊 WEF ยืนยัน “งานไม่ได้หายไป แต่งานย้ายที่”
รายงาน Future of Jobs 2025 จาก World Economic Forum ชี้ว่า
* ตำแหน่งงานดั้งเดิมที่หายไปภายในปี 2030 ~ 92 ล้านตำแหน่ง
* ตำแหน่งงานใหม่ที่เกิดจาก AI, Green Economy และเทคโนโลยี ~ ถึง 170 ล้านตำแหน่ง
"คิดคณิตศาสตร์ง่ายๆ คือ ตำแหน่งงานในโลกจะเพิ่มถึงประมาณ 78 ล้านตำแหน่ง ทั่วโลก!!!"
ฟังดูเหมือนข่าวดีใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ “งานใหม่มีอยู่ — แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีทักษะพอจะรับมัน”
"Skills mismatch คือวิกฤตตัวจริง ไม่ใช่การว่างงาน” และกำลังกลายเป็นช่องว่างที่ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ที่ระบบการศึกษาและการฝึกอบรมภาคแรงงานยังปรับตัวไม่ทัน
* ตำแหน่งที่เติบโตเร็ว: AI Specialist, Data Analyst, Fintech Engineer, Automation Architect, Prompt Engineer, Digital Product Manager
* ตำแหน่งที่หายไปเร็ว: พนักงานธนาคาร, ป้อนข้อมูล, แคชเชียร์, ธุรการ, บัญชี, เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าระดับพื้นฐาน
ประโยคที่ตรงที่สุดคือ “งานไม่ได้หายไป แต่มันเปลี่ยนที่อยู่ และย้ายไปอยู่ในมือของคนที่ปรับตัวได้ก่อน”
====
🤖 "หัวหน้าที่ลูกน้องเป็น AI” = นิยามใหม่ของ “ผู้บริหาร”
ตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง Chief AI Officer (CAIO) อาจไม่ใช่แค่ “หัวหน้าด้านเทคโนโลยี” แต่คือ “ผู้บริหารทีมที่ไม่ได้เป็นคน” — เพราะลูกน้องส่วนใหญ่คือระบบอัตโนมัติ, Machine Learning Model, และ Algorithm ที่สามารถประมวลผลและตัดสินใจได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า
CAIO จึงต้องมีทักษะสำคัญ เช่น
1. เข้าใจ AI และเทคโนโลยีลึกพอจะรู้ว่าอะไรเป็นไปได้และควบคุมได้
2. เข้าใจธุรกิจลึกพอจะรู้ว่าอะไรสร้างมูลค่าได้จริง และวาง ROI ให้ชัด
3. เข้าใจมนุษย์พอจะออกแบบระบบที่คนอยากใช้ และไม่ต่อต้านในระยะยาว
องค์กรชั้นนำของโลกเดินเกมส์อย่างไร?
* Dell Technologies แต่งตั้ง John Roese เป็น Chief AI Officer ควบคู่กับ Global CTO เพื่อกำกับทิศทางและ ROI จากโครงการ AI ที่คัดเลือกจากกว่า 800 โปรเจกต์ทั่วโลก
* Accenture มี Lan Guan เป็น CAIO ที่เร่งสร้าง AI application ภายในองค์กรได้กว่า 300 รายการภายใน 10 เดือน พร้อมใช้ AI ร่วมกับลูกค้าระดับ Fortune 500
* PwC, Mastercard, IKEA, Walmart, UPS, BMW, Salesforce, S&P Global และอีกหลายองค์กร ได้สร้างตำแหน่งระดับบริหารที่รับผิดชอบการบูรณาการ AI เข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจโดยตรง
แนวโน้มนี้จะไม่ได้จำกัดแค่ C-Level อีกต่อไป แต่กำลัง “แทรกซึม” ลงมาถึงทุกสายอาชีพแน่นอนจากนี้ เช่น
* นักการตลาดต้องทำงานร่วมกับ Generative AI วิเคราะห์ customer insight แบบ real-time
* HR ต้องใช้ AI วิเคราะห์ soft skill จาก behavioral data ไม่ใช่แค่ resume
* Sales ต้องใช้ AI เขียน proposal อัตโนมัติ วิเคราะห์โอกาสปิดดีล และเตรียม pitch แบบเฉพาะเจาะจงตามลูกค้าแต่ละราย เป็นต้น
และในอนาคต ผู้จัดการที่ไม่เข้าใจว่า “AI คิดแบบไหน หรือจะใช้ให้ลูกน้อง AI ทำงานอย่างไร?” อาจกลายเป็นคอขวดขององค์กรโดยไม่รู้ตัว
====
🧭 ทางรอดของมนุษย์ทำงานในโลกที่ AI กำลังครองเกมส์?
คำถามไม่ใช่ “เราจะถูกแทนที่ไหม?” — แต่คือ “เราจะอยู่ร่วมและใช้ AI ได้ดีแค่ไหน?”
1. เลิกยึดติดกับคำว่า Job Title
อย่าถามว่า “เราทำอะไรอยู่ตอนนี้” แต่จงถามว่า “อีก 3 ปีข้างหน้า งานของเราจะหน้าตาเป็นอย่างไร และเราพร้อมแค่ไหน?”
2. รู้ลึกในสนามที่เลือก ไม่ใช่รู้รอบแบบกูเกิลได้
ในโลกที่ AI หาข้อมูลทั่วไปได้ทันที — คนที่รู้ตื้นแต่กว้างจะไม่ต่างจาก AI แต่คนที่ "รู้ลึกพอจะเชื่อมโยงและตัดสินใจได้" จะยังคงทรงคุณค่า
3. ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “คู่แข่ง”
มนุษย์ที่รอดในยุคนี้ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่คือคนที่ใช้เครื่องมือเก่งที่สุด และรู้ว่าเมื่อไรควรปล่อยให้ AI ทำงานแทน
4. สร้างแบรนด์ส่วนตัวให้โลกเห็น
ถ้าองค์กรไม่มั่นคง…จงทำให้ “ชื่อของคุณ” คือองค์กรที่คนอื่นอยากร่วมงานด้วย แบ่งปันความรู้ผ่าน LinkedIn, Medium, Podcast, หรือเวทีไหนก็ตามที่คุณเชื่อมต่อผู้คนได้
5. วางตัวเป็น “Chief of Yourself”
อย่ารอหัวหน้า อย่ารอองค์กร อย่ารอคำสั่งใดๆ — การพัฒนา AI literacy และ Digital Fluency ควรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเหมือนการออกกำลังกายหรือออมเงิน
====
✨ ดังนั้น อนาคตไม่มีความชัดเจน แต่จะมีโอกาสเสมอ!
อย่ากลัวข่าว Lay-off/Early retirement และอย่าหลงกับข่าวเงินเดือนล้าน — เพราะสองอย่างนี้คือ “ผลลัพธ์” ของการเปลี่ยนแปลงที่เดียวกัน
วันนี้คุณไม่จำเป็นต้องเป็น Chief AI Officer แต่คุณต้องเป็น “Chief of Your Own Future”
* อย่ารอให้บริษัท upskill ให้
* อย่ารอให้เจ้านายวางแผนชีวิตให้
* อย่ารอให้ AI มาแทนคุณจนสายไป
เพราะโลกสองใบกำลังแยกจากกันเร็วขึ้นเรื่อยๆ — และการเลือกอยู่ฝั่งไหน…เป็นของคุณ
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#AIisNow
#WorldEconomicForum
#ChiefAIOfficer
#ReskillOrRetire
#TheGreatRestructuring
#HumanWithAI
โฆษณา