22 ส.ค. เวลา 06:09 • ธุรกิจ

แผนการล้ม Nvidia ของ AMD เจาะลึกเส้นทางจากมวยรองสู่คู่ชิงบัลลังก์ AI โลก

ถ้ามีคนบอกเราเมื่อ 10 ปีก่อนว่า บริษัทที่กำลังจะล้มละลายแห่งหนึ่ง จะกลายเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 60 เท่าในทศวรรษต่อมา หลายคนคงอาจจะหัวเราะกับคำพูดนี้
แต่เรื่องเหลือเชื่อนี้ได้เกิดขึ้นจริงกับบริษัทอย่าง AMD
หากย้อนไปในปี 2014 ถ้าเรานำเงินประมาณ 3 แสนบาทไปลงทุนในบริษัทแห่งนี้ วันนี้เงินก้อนนั้นจะมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท
นี่คือเรื่องราวการพลิกฟื้นธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ Silicon Valley ที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Dr. Lisa Su
เธอไม่เพียงแต่กอบกู้บริษัทจากปากเหว แต่ยังหาญกล้าท้าชนกับยักษ์ใหญ่ของวงการถึงสองครั้งติดต่อกัน
ครั้งแรกคือการต่อสู้กับเจ้าบัลลังก์อย่าง Intel และครั้งที่สอง คือสงครามครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า กับบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกอย่าง Nvidia
นี่คือมหากาพย์การต่อสู้ทางธุรกิจ ที่มีอนาคตของโลก AI เป็นเดิมพัน
เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในปี 2014 ปีที่ Lisa Su ก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ของ AMD
สภาพของบริษัทในวันนั้น เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤต มีมูลค่าตามราคาตลาดเหลืออยู่เพียง 2 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่คู่แข่งตลอดกาลอย่าง Intel ครองตลาดอย่างสมบูรณ์ ด้วยมูลค่าบริษัทสูงถึง 180 พันล้านดอลลาร์
ช่องว่างที่ห่างกันถึง 90 เท่านี้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า AMD คงเหลือเวลาอีกไม่นาน
แต่ใครจะรู้ว่า Lisa Su มีบทเรียนสำคัญที่เรียนรู้มาจาก CEO ในตำนานอย่าง Lou Gerstner สมัยที่เธอยังทำงานอยู่ที่ IBM
บทเรียนนั้นคือ “อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คือการเล่นเกมยาว” การตัดสินใจในวันนี้ ไม่ได้ส่งผลในวันพรุ่งนี้ แต่มันจะกำหนดชะตาของบริษัทไปอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า
เมื่อเข้ารับตำแหน่ง สิ่งแรกที่เธอทำคือการผ่าตัดใหญ่ที่เจ็บปวดแต่จำเป็น เธอต้องลดจำนวนพนักงานลง และทำทุกวิถีทางเพื่อให้บริษัทมีเงินสดมาหล่อเลี้ยง
หนึ่งในนั้นคือการเจรจาเพื่อผลิตชิปให้กับเครื่องเกมคอนโซลของ Sony และ Microsoft ซึ่งช่วยต่อลมหายใจให้กับ AMD ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
แต่เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงการซื้อเวลา หนทางเดียวที่จะเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าได้ คือต้องเอาชนะด้วย “นวัตกรรม” เท่านั้น
และนั่นก็นำมาสู่การตัดสินใจที่บ้าบิ่นที่สุด เธอสั่งให้บริษัทหยุดพัฒนาและขายชิปสำหรับเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นสินค้าทำเงินในขณะนั้นทั้งหมด
เธอเลือกที่จะสละรายได้ในปัจจุบัน เพื่อทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปกับการสร้างเทคโนโลยีที่จะมา “เปลี่ยนเกม” ในอนาคต
ในช่วงเวลานั้น อุตสาหกรรมชิปกำลังเผชิญกับกำแพงครั้งใหญ่ ทุกบริษัทพยายามอัดทุกอย่างลงบนแผ่นซิลิคอนขนาดใหญ่เพียงแผ่นเดียว ซึ่งนับวันยิ่งซับซ้อนและมีต้นทุนสูงขึ้น
แต่ Lisa Su และทีมวิศวกรของ AMD กลับเลือกที่จะฉีกตำราเดิมทิ้งทั้งหมด
พวกเขากลับไปที่กระดาษเปล่า และตั้งคำถามกับทุกสิ่ง จนกระทั่งค้นพบแนวคิดที่จะกลายเป็นอาวุธลับเปลี่ยนโลก นั่นคือเทคโนโลยีที่เรียกว่า “Chiplets”
แนวคิดของ Chiplets นั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แทนที่จะสร้างชิปขนาดใหญ่ที่ทำทุกอย่างในตัวเดียว AMD เลือกที่จะสร้างชิปขนาดเล็กๆ หลายตัวที่เก่งเฉพาะด้าน แล้วนำมาเชื่อมต่อกันเหมือนการต่อตัวต่อเลโก้
ข้อดีของมันคือความยืดหยุ่นที่สูงกว่ามาก และที่สำคัญคือมันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างก้าวกระโดด เพราะการผลิตชิปเล็กๆ ให้สมบูรณ์แบบนั้นง่ายกว่าชิปขนาดใหญ่มาก
เมื่อสถาปัตยกรรม “Zen” ที่ใช้เทคโนโลยี Chiplets เปิดตัวสู่ตลาดในปี 2017 โลกทั้งใบก็ต้องหันมามอง เพราะมันไม่ใช่แค่ชิปที่พอจะแข่งขันกับ Intel ได้ แต่มันคือชิปที่ดีกว่าในหลายมิติ และมาในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า
Chiplets ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ AMD กลับมาผงาดในวงการอีกครั้ง
ในขณะที่ Intel ยังคงติดอยู่กับปัญหาการผลิตแบบเดิมๆ AMD ก็ค่อยๆ แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้อย่างต่อเนื่อง
1
จนกระทั่งในปี 2022 เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น เมื่อมูลค่าบริษัทของ AMD สามารถแซงหน้า Intel ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 53 ปี
Lisa Su ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนเคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นความจริง
แต่เรื่องราวยังไม่จบลงแค่นั้น
เพราะในขณะที่สมรภูมิกับ Intel กำลังจะสิ้นสุดลง ศัตรูคนใหม่ที่น่ากลัวกว่าหลายเท่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
การมาถึงของเทคโนโลยี Generative AI ในช่วงปลายปี 2022 ได้จุดประกายยุคตื่นทองทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ทุกบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างต้องการชิปประมวลผล AI ที่ทรงพลังมหาศาล และในตลาดตอนนั้น มีเพียงบริษัทเดียวที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด นั่นคือ Nvidia
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรในชั่วข้ามคืน AMD กลับไปอยู่ในฐานะผู้ท้าชิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายสิบเท่า
ความน่ากลัวของ Nvidia สะท้อนผ่านตัวเลขได้อย่างชัดเจน เพราะปีที่ผ่านมา Nvidia มีรายได้จากการขาย GPU สำหรับ AI สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ AMD ทำได้เพียง 5 พันล้านดอลลาร์
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือมูลค่าบริษัท ที่ Nvidia มีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทิ้งห่าง AMD ที่มีมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ไปไกลสุดลูกหูลูกตา
สงครามครั้งนี้จึงใหญ่กว่าครั้งที่แล้วอย่างเทียบกันไม่ได้ และที่น่าสนใจคือ ผู้นำของ Nvidia อย่าง Jensen Huang ก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆ กับ Lisa Su อีกด้วย
1
หากเปรียบเทียบเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัท ชิปเรือธง H100 ของ Nvidia ก็เปรียบเสมือนรถแข่ง Ferrari ที่เน้นความเร็วสูงสุด
ส่วนชิป MI300X ของ AMD จะเหมือนกับรถบรรทุกสินค้า ที่แม้ความเร็วสูงสุดจะเป็นรอง แต่มีความสามารถในการบรรทุกหรือหน่วยความจำที่มากกว่าถึงสองเท่า ซึ่งทำให้ชิปของ AMD มีความโดดเด่นในงาน AI บางประเภทที่ต้องการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล
1
แต่สงครามนี้ไม่ได้วัดกันที่ฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของ Nvidia คือสิ่งที่เรียกว่า “ระบบนิเวศ” หรือ Ecosystem
Nvidia มีแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า CUDA ซึ่งเปรียบเสมือนภาษากลางที่นักพัฒนา AI ทั่วโลกคุ้นเคยและใช้งานมานานนับทศวรรษ
การที่นักพัฒนาจะย้ายมาใช้แพลตฟอร์ม ROCm ของ AMD จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันหมายถึงการต้องเรียนรู้และเขียนโค้ดใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นต้นทุนและความเสี่ยงที่สูง
นี่คือปัญหาคลาสสิกแบบ “ไก่กับไข่” ที่ AMD กำลังเผชิญอยู่
ยังไม่นับรวมอำนาจในการสั่งผลิต ที่ Nvidia ได้จองกำลังการผลิตส่วนใหญ่จากโรงงานที่ดีที่สุดในโลกอย่าง TSMC ไปล่วงหน้าแล้ว
เมื่อเจอกับกำแพงที่สูงขนาดนี้ คำถามคือ Lisa Su จะนำพา AMD ผ่านไปได้อย่างไร?
คำตอบอาจอยู่ที่ปรัชญาเดิมที่เธอเคยใช้ นั่นคือ “การเล่นเกมยาว”
สัญญาณบวกเริ่มปรากฏให้เห็นผ่านตัวเลขต่างๆ รายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ AMD ซึ่งเกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง เติบโตขึ้นถึง 94% ในปีที่ผ่านมา
และที่น่าทึ่งที่สุดคือยอดขายชิป AI ที่เติบโตจาก 100 ล้านดอลลาร์ พุ่งทะยานไปสู่ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือเติบโตถึง 50 เท่า ภายในปีเดียว
นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่าตลาด AI นั้นใหญ่และเติบโตเร็วเพียงใด และ AMD ก็ได้เริ่มเข้ามามีที่ยืนในตลาดนี้แล้ว
นอกจากนี้ การที่ลูกค้ารายใหญ่อย่าง Microsoft และ Meta เริ่มนำชิปของ AMD ไปใช้งานมากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญ
เพราะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้ ต่างไม่ต้องการผูกขาดตัวเองไว้กับซัพพลายเออร์เพียงรายเดียว ดังนั้น การมี AMD เป็นตัวเลือกที่สองที่แข็งแกร่ง จึงเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในระยะยาว
เมื่อมองในมุมของการลงทุน การเดิมพันกับ AMD ในวันนี้ จึงเป็นการเดิมพันกับสองสิ่งสำคัญ
หนึ่ง คือการเดิมพันว่าตลาด AI จะเติบโตมหาศาลตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตลาดก็จะใหญ่พอสำหรับผู้ชนะหลายราย
AMD ไม่จำเป็นต้องโค่น Nvidia เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ แค่เพียงชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้จำนวนหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปได้อีกมหาศาล
และสอง คือการเดิมพันในตัวผู้นำอย่าง Lisa Su ว่าเธอจะสามารถนำปรัชญาการเล่นเกมยาว กลับมาสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้อีกครั้ง
แม้ว่าสงคราม AI ครั้งนี้จะเพิ่งเริ่มต้น และหนทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ Lisa Su ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า อย่าเพิ่งด่วนตัดสินผู้ที่เป็นรอง เพราะเกมนี้ยังอีกยาวไกล
References : [reuters, bloomberg, forbes, anandtech, theverge]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา