วันนี้ เวลา 03:00 • การตลาด

สรุป 5 เทคนิค ไลฟ์ขายสินค้า ปักตะกร้า ให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ปิดการขายได้ ในเสี้ยววินาที

หากลองนึกถึงกลยุทธ์การขายสินค้า ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก อย่างล้นหลามในช่วงนี้ ก็คงหนีไม่พ้น “การไลฟ์ขายสินค้า” อย่างแน่นอน
โดยกิมมิกที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือการไลฟ์ขายสินค้าด้วยวิธีการแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ใช้น้องหมาน่ารัก ๆ นั่งไลฟ์ขายสินค้าแทนคน
- เรียกความสนใจจากคนที่ดูไลฟ์ ด้วยการใช้เสียงดัง ๆ เพื่อให้คนที่เข้ามาดู ตอบโต้ด้วยการพิมพ์คอมเมนต์
- การแจกรางวัล เมื่อกดซื้อสินค้าในตะกร้าที่ปักไว้ในไลฟ์
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็ล้วนมีเป้าหมายเพื่อ “ปิดการขาย” อย่างรวดเร็ว และสร้างยอดขายภายในไลฟ์ให้ได้มากที่สุด
แล้วถ้าถามว่า นอกจากกลยุทธ์การไลฟ์ขายสินค้าแปลก ๆ เหล่านี้แล้ว ยังมีกลยุทธ์ไหนอีกบ้าง ที่ช่วยปิดการขาย และสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
ที่นักไลฟ์ หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จะสามารถนำไปใช้กับการขายสินค้าของตัวเองได้ ?
1. กลยุทธ์สร้างความขาดแคลน และความเร่งด่วน (Scarcity & Urgency)
เป็นกลยุทธ์ที่มีข้อดีตรงที่ช่วยกระตุ้น ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สุดคลาสสิก ที่ใช้ได้กับการขายแทบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์
เพราะไม่ว่าใครก็กลัวตกเทรนด์ หรือกลัวพลาดข้อเสนอดี ๆ ที่มีระยะเวลา หรือจำนวนจำกัดกันทั้งนั้น ตามหลักจิตวิทยาง่าย ๆ
โดยกลยุทธ์การสร้างความขาดแคลน และความเร่งด่วน เป็นกลยุทธ์ที่นักไลฟ์ สามารถนำมาใช้ได้บ่อย ๆ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ อย่างใน TikTok และ Shopee นักไลฟ์มักจะพูดว่า
- “ตอนนี้สินค้าตะกร้าที่ 1 ลดราคาไป 50% เหลืออีก 20 ชิ้น หมดแล้ว หมดเลย”
- “ตอนนี้ปล่อยโคดส่วนลดเพิ่มอีก ใครกดทัน หรือไม่ทัน มาคอมเมนต์โชว์กันหน่อย”
- “ปกติสินค้านี้ ไม่ค่อยเอามาลดราคานะ แต่ครั้งนี้ขอทำเพื่อคนดู”
ด้วยประโยคเด็ด ๆ ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจเหล่านี้ ก็มักจะทำให้ลูกค้าที่นั่งดูไลฟ์ ตัดสินใจซื้อสินค้าแทบจะทันที แม้ว่าจริง ๆ แล้ว อาจยังไม่รู้ว่าจะซื้อมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
2. จุดประเด็นด้วยปัญหาใกล้ตัว แล้วยั่วต่อด้วยราคา และประสิทธิภาพของสินค้า
เชื่อว่าหลายคนเวลานั่งไถเนื้อหาไลฟ์ขายสินค้าเพลิน ๆ มักจะมีสินค้าสักชิ้นที่ทำให้เราใช้เวลาดูไลฟ์นั้นนานขึ้น
โดยสินค้าที่เราหยุดดู มักจะเป็นสินค้าที่ช่วยแก้ปัญหาที่พบเจออยู่ในชีวิตประจำวัน หรือปัญหาที่เราไม่ทันคิดว่า “อ้าว เราก็เจอเหมือนกันนี่นา”
ดังนั้น ทริกการจุดประเด็นให้คนหยุดดูไลฟ์แบบง่าย ๆ คือ พยายามเน้นเรื่องคุณสมบัติของสินค้าที่แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ
อย่างในกรณีของ การขายโฟมขัดรองเท้า นักไลฟ์ควรเปิดประโยคที่เป็นการแก้ปัญหา ที่คนจำนวนมากกำลังเจอไปเลย ตัวอย่างเช่น
- “สำหรับคนที่ไม่มีที่ตากรองเท้าหลังซัก ต้องใช้นี่เลย”
- “รองเท้าใครเหลือง ไม่รู้ต้องจัดการอย่างไร ? ต้องใช้ตัวนี้”
ซึ่งหลังจากเปิดประเด็นด้วยปัญหาในชีวิตประจำวันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เสริมด้วยกลยุทธ์การสร้างความขาดแคลน หรือความเร่งด่วน ร่วมด้วย
เช่น “ซื้อภายในไลฟ์นี้ ถูกกว่าซื้อจากตะกร้า 50 บาท” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปิดการขายได้ทันที
3. สร้างคุณค่าตัวสินค้า ให้มากกว่าคุณสมบัติที่มี
การไลฟ์ขายสินค้า มีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ช่วยทำให้คนดูรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังดู เป็นความจริง เรียล ๆ ไม่มีการตัดต่อ และดูมีความน่าเชื่อถือ
ดังนั้น การแนะนำคุณสมบัติของสินค้า ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมภายในไลฟ์ จะทำให้คนดูรู้สึกถึงคุณค่า และเพิ่มมูลค่าทางความรู้สึกให้กับตัวสินค้าได้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าปลาแดดเดียวปรุงรส ก็ให้ไลฟ์โดยเสริมคุณประโยชน์อื่น ๆ เข้าไป เช่น นำไปทานคู่กับข้าวต้ม ช่วยเสริมรสชาติให้น้ำซุป แต่ก็สามารถทานเปล่า ๆ เป็นของว่างได้
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ อย่าทำให้สินค้า 1 ชิ้น มีคุณสมบัติแค่อย่างเดียว เพราะการไลฟ์โดยเสริมคุณสมบัติหรือวิธีใช้งานที่มากขึ้น จะยิ่งส่งผลให้คนดูรู้สึกถึงความคุ้มค่าของสินค้าที่มากยิ่งขึ้น
4. ใช้ความน่ารัก หรือความแปลกใหม่ กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างกับ การเลือกใช้น้องหมา หรือไก่ มาไลฟ์แทนคนเพื่อขายสินค้า โดยใช้เพียงแค่เสียงของคนที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อพูดถึงคุณสมบัติของสินค้าเท่านั้น
โดยเหตุผลในการตัดสินใจซื้อของคนดูนั้น มีเพียงไม่กี่อย่าง
หนึ่งในนั้นเป็นเพราะความน่ารัก หรือความแปลกใหม่ ดูได้จากการไลฟ์ขายสินค้าด้วยวิธีนี้ มักมีคนดูคอมเมนต์ว่า “น้องน่ารักจัง สนับสนุนค่าขนมให้นะ” อยู่เสมอ หรือเจอสินค้าที่ตรงกับความต้องการพอดี
ซึ่งนอกจากการไลฟ์ขายสินค้าด้วยวิธีนี้จะช่วยสร้างยอดขายได้เหมือนวิธีอื่น ๆ แล้ว ยังสามารถทำให้ใครหลายคนใช้เวลากับการดูไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะโดนตกด้วยความน่ารัก หรือความแปลกใหม่ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนั่นเอง
5. ใช้การแจกรางวัล เพิ่มยอดการรับชม และกระตุ้นให้คนอยู่ดูไลฟ์นาน ๆ
สำหรับวิธีนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจคุ้นเคยกันดี และอาจเคยตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะกลยุทธ์นี้ไปแล้ว
โดยการเลือกใช้กลยุทธ์การแจกของรางวัล มักมี Pattern ตามลำดับดังนี้
- เปิดไลฟ์โดยการปักหมุดข้อความให้เห็นเลยว่า ภายในไลฟ์จะมีการแจกรางวัลอะไรบ้าง ?
- สร้างเงื่อนไขในการแจกรางวัล เช่น จะแจกรางวัลก็ต่อเมื่อ มีแชร์ถึง 500 แชร์ หรือรอคนดูถึง 100,000 คน
- คนดูจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และในระหว่างนี้ หน้าที่ของนักไลฟ์ก็คือ ให้เริ่มโปรโมตขายสินค้าได้เลย
โดยเน้นการสร้างความขาดแคลน และความเร่งด่วน เช่น การใช้คำพูดว่า “จากราคาเต็ม 500 เหลือ 70 บาท มีให้ 200 ชิ้น ใครกดทันเอาไปเลย”
เมื่อถึงเงื่อนไขที่กำหนด เช่น คนดูถึง 100,000 คนแล้ว ก็ให้ทยอยแจกรางวัลเป็นรอบ ๆ เพื่อทำให้คนที่ยังไม่ได้รางวัล เพราะกดไม่ทัน ยังคงอยู่ในไลฟ์ และให้ความสนใจกับไลฟ์ของเราต่อไป
ที่สำคัญคือ การแจกรางวัลต้องแจกผ่านการติดตะกร้าสินค้าให้เห็นจริง ๆ เท่านั้น เพื่อจะทำให้คนดูเห็นว่ามีการแจกรางวัลไปจริง และมีคนได้รางวัลนั้นไปแล้ว
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าการไลฟ์ขายสินค้าในปัจจุบัน กำลังเป็นเทรนด์อย่างแท้จริง จนทำให้เกิดวิธีการไลฟ์ขายสินค้าแปลก ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยยังคงกลยุทธ์คลาสสิก ที่ใช้ได้อยู่ตลอดทุกยุคทุกสมัย นั่นคือ กลยุทธ์การสร้างความขาดแคลน และความเร่งด่วน ที่สามารถหยิบมาใช้ร่วมด้วยได้เสมอ
แต่สุดท้ายแล้ว การที่จะไลฟ์ขายสินค้าได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องคำนึงถึงความซื่อสัตย์ ทำการค้าอย่างถูกต้อง ขายสินค้าที่ดี มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้จริง และมีคุณสมบัติ หรือประสิทธิภาพตรงกับที่โฆษณาไว้ในไลฟ์ เป็นพื้นฐานสำคัญ
แล้วทีนี้ การที่จะขึ้นไลฟ์ขายสินค้าในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ?
- TikTok
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะสามารถเริ่มไลฟ์ขายสินค้าได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ติดตามขั้นต่ำ 1,000 คนขึ้นไป
แต่สำหรับร้านค้า สามารถเข้าไปสมัคร TikTok Shop Seller แล้วรอยืนยันตัวตน หากยืนยันตัวตนสำเร็จก็สามารถเริ่มไลฟ์ขายสินค้าได้ทันที
- Shopee
สามารถเปิดร้าน แล้วเริ่มไลฟ์ขายสินค้าได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามขั้นต่ำ หรือยอดขายขั้นต่ำ และการขึ้นไลฟ์ จะสามารถปักตะกร้าสินค้าได้มากสุด 200 ชิ้น
โดย Shopee แนะนำว่าควรใช้ระยะเวลาในการไลฟ์ขายสินค้าอย่างต่ำ 30 นาที และแนะนำสินค้าอย่างน้อย 5 ชิ้น เพื่อดึงดูดความสนใจจากคนดู
- Lazada
มีเงื่อนไขคือ ต้องมี Seller Center หรือก็คือมีร้านค้าภายใน Lazada ก่อน หลังจากนั้นก็สามารถเริ่มต้นไลฟ์ขายสินค้าได้เลย
ซึ่งจะเห็นได้ว่า แพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ได้มีข้อจำกัดในการไลฟ์ขายสินค้าที่มากนัก เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดนักไลฟ์ ขายสินค้าในแพลตฟอร์มของตัวเอง ตามความนิยมที่กำลังเกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้ ก็คือ 5 กลยุทธ์การไลฟ์ขายสินค้า ที่นักไลฟ์ หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ สามารถนำไปปรับใช้ได้แบบไม่ยาก
โฆษณา