22 ส.ค. เวลา 17:15 • ความคิดเห็น
ได้ซิ ควรมากๆ ด้วย
เอาเบื้องต้นของสิ่งที่กระทบกับคุณ ขอเน้นไปที่ส่วนของนาม(ความรู้สึกนึกคิดจินตนาการเรื่องราวที่สับสนแต่หนหลัง เรื่องที่อยากให้ควรต่อไปในอนาคต บลาๆ ฯ)
จะมีโถ 3 ใบอยู่ตรงหน้าคุณ
1 เพื่อใส่ของเสีย(เรื่องทุกข์ )
1 เพื่อใส่ของน่าพอใจ(เรื่องสุข )
1 เพื่อไม่ใส่ทั้งสุขและทุกข์
ถ้าจะพูดที่เน้นหนักไปในส่วนของคนที่เป็นซึมเศร้าก็คือเขาและผมเองด้วย เมื่อครั้งยังไม่รู้จักและนำธรรมะมาใช้ เราจะมักนำความรู้สึกนึกคิดต่างๆไปใส่โถของเสีย เปรียบเทียบตัวเองตำหนิตัวเองว่ายังไม่ดีพอยังไม่ดีเท่าคนนั้นคนนี้ เอาคำด่าของคนที่พ่นมันออกมาแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดนั้นๆเลยมาคิดอยู่เป็นวันเป็นสัปดาห์ มีคำเปรียบว่าไอ้ความรู้สึกนึกลบแบบนี้ก็เหมือนกับมีดที่แทงเรา ก็พอฟังเข้าท่าแต่เราเองนั่นแหละที่เป็นคนอนุญาตให้มีดนั้นแทงซ้ำซ้ำๆซ้ำๆ
ธรรมะที่ผมเจอแล้วนำมาใช้มันก็คือเรา"รู้ปัจจุบัน"อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอามีดมาแทงความรู้สึกของเรา *อันนี้ไม่ใช่การไม่รับฟังคำติเตือนแล้วไม่พัฒนาแต่ถ้าถูกด่าด้วยอารมณ์แล้วพิจารณาไม่เห็นถึงเหตุผลในการพัฒนาก็ควรละความรู้สึกนั้นไปเสีย นี่แหละปัญญาที่ได้จากธรรมะ
คำเปรียบที่ผมมักจะระลึกและนำมาใช้คือเจ้าสิ่งทั้งมวลที่ให้ความรู้สึกเป็นลบเปรียบเหมือนมีดหรืออุจจาระผมจะไม่ยอมให้ชีวิตผมต้องทนดมสิ่งของเสียอะไรแบบนี้ไปตลอดหรอก(ปัญญาอย่างบางๆ ที่ได้รู้ แต่ช่วยพ้นทุกข์ได้หลายคราว)
การทำสติและสมาธิมีส่วนช่วยในการใช้ชีวิตต่อมาต่อมาเป็นอย่างมาก เรียกว่าถ้าไม่พบคำสอนของพระพุทธองค์ชีวิตคงทุกข์และพังชนิดไม่อยากจะนึกภาพ
ผมเชื่อว่าธรรมะเป็นสิ่งมีค่ามหาศาลส่วนจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับใครอันนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอีก คือการรับฟังคำสอน การใคร่ครวญและการศรัทธาต่อผู้สอนนั้นด้วย
โฆษณา