Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Side Stories
•
ติดตาม
23 ส.ค. เวลา 17:11 • ดนตรี เพลง
วัน แบงค็อก ฟอรัม
"POTATO HEAD CONCERT: ผิว เนื้อ ราก ผล และกองไฟ"
“บนเส้นทางดนตรีที่เดินมาถึงช่วงวัยนี้
ทำอะไรมาแล้วหลายอย่าง
หลังจากนี้เลยอยากจะทำผลงานใหม่
ตามเสียงหัวใจตัวเองจริงๆ สักครั้ง”
.
.
.
.
.
ประโยคนี้ของพี่ปั๊บที่เคยบอกผม
ในกิจกรรม POTATO Cup วันนั้น
ผ่านมา 2 ปี ก็ได้ผุดขึ้นในใจผมอีกครั้งวันนี้
ท่ามกลางห้วงเวลาเพียงหลักนาที
ที่ได้ยืนคุยกันข้างสนาม
ด้วยสีหน้า ท่าทางจริงจัง
อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากศิลปิน
ผู้เป็นไอดอลระดับตำนานของใจ
ราวกับได้สัมผัสตัวตนอีกด้าน
ผ่านมุมมองชีวิตจริง นอกเหนือจาก
ภาพที่เคยได้เห็นบนเวที
วันนั้นแม้ยังไม่ได้เข้าใจมาก
แต่ผมก็ยังแอบยินดี
ที่จะได้เห็นพี่เขาและเพื่อนๆ
ได้ลงมือทำอะไรตามสิ่งที่อยู่ข้างในจริงๆ
จนเมื่อได้มาคอนเสิร์ต “ในหัวมัน”
เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา
ความสงสัยในประโยคของพี่ปั๊บวันนั้น
ก็ค่อยๆ ได้รับการปะติดปะต่อ
ออกมาเป็นภาพชัดเจนขึ้นมาทันใด
ตั้งแต่ในวินาทีที่เริ่มก้าวเท้าเข้าฮอลล์
แล้วได้สัมผัสกับภาพบรรยากาศรอบๆ
ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้ามาอยู่ในหัวของพี่ๆ
เป็นมันสมองซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยเยื่อบุ
โครงข่ายและชุดความคิดทั้ง 5 เข้าด้วยกัน
พริบตานั้นผมพลันรู้สึกเนื้อเต้น
สั่นสู้ไปกับความหนาวเหน็บของแอร์ด้านใน
ระหว่างที่นั่งรอเวลาเริ่มก็ได้หันไปเจอกับ
ข้อความบนหน้าจอที่ถูกฉายไว้นิ่งๆ
มองเผินๆ ไม่มีศิลปินมาเล่า
ตอนนั้นย่อมไม่มีใครสนใจ
แต่สำหรับผมนี่คือคลังข้อมูลชั้นดี
ราวกับพี่ๆ กำลังบอกว่าจงดื่มด่ำกับโชว์
และเรื่องราวในหัวมันที่วงกำลังจะเล่าออกมา
รับรู้ได้ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะต่างออกไป
จากทั้งหมดที่เคยได้สัมผัสจริงๆ
เลยอยากชวนแฟนเพลง “POTATO” ด้วยกัน
ลองปล่อยวาง ปล่อยใจในทุกสิ่ง
ทิ้งเรื่องกังวลต่างๆ ลงไปทุกอย่าง
แล้วมาดื่มด่ำกับประสบการณ์ครั้งใหม่
ของวงร็อคหัวมันผู้เต็มไปด้วยหัวใจ
อยากจะใช้ทั้งมันสมองความคิดสร้างสรรค์
และใจกลั่นความรู้สึกออกมามากกว่าที่เคย
“คอนเสิร์ตครั้งนี้ จะพาคุณร่วมการทดลองสิ่งใหม่
เรื่องราวจากการเดินทาง และการเติบโต”
เอาล่ะ เราจะค่อยๆ มาสัมผัสกับแก่นเบื้องลึก
ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละช่วงของคอนเสิร์ต
รวมถึง Easter Eggs ต่างๆ อย่างหมดเปลือก
ไม่ว่าคุณจะเป็นทีม Day 1-2-3-4-5
ก็เชื่อเหลือเกินว่าจะรู้สึกดื่มด่ำไม่ต่างกัน
.
.
.
1. “ผิว: Skin”
- นับตั้งแต่ปี 2544 ที่พาให้เราได้มารู้จักวงดนตรีวงหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความ Iconic สดใส วัยทีน ป๊อบร็อคย่อยง่าย โจ๊ะๆ มันๆ ตรงไปตรงมา โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า นั่นเป็นเพียง “ผิว” ที่สังคม ค่านิยมชมชอบของวงการเพลงและคนฟัง หล่อหลอมให้พวกเขาต้องเป็นศิลปินในแบบพิมพ์นิยม
รวมถึงความเป็นศิลปินดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรง อยากจะทำสิ่งที่ใครเขาว่าดี ทำแบบนี้คนชอบแน่นอนก็ทำมันออกไป ทั้งที่ข้างในอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว ในองก์แรกของคอนเสิร์ตในหัวมัน จึงเปรียบเสมือนการพาแฟนเพลงทั้งเก่าใหม่ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปด้วยกันในวันวาน กับ 11 บทเพลงที่พาพวกเราทุกคนมารู้จักวง POTATO กัน
ท่ามกลางห้วงเวลาอันแสนหวานครั้งนั้น ได้เคลือบแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่เคยถูกตัดสิน สบประมาทว่าเป็นวงลูกกวาดที่เน้นหน้าตามากกว่าฝีมือ หรือบนพื้นผิวความสดใสก็แอบเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ความไม่แน่ใจ พร้อมการจากไปของนักร้องนำอย่าง “พี่ปีย์” ที่สะเทือนขวัญและกำลังใจสมาชิกทุกคนจนวงต้องพักใจไปแรมปี แต่ก็ใช้พลังและความรักทั้งหมดที่มีในเสียงดนตรี กรุยทางสู่วงการเพลงไปด้วยกันในชุด Go…On
โดยโชว์ได้เริ่มด้วย 1 ในเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง “ขอบคุณที่รักกัน” ในเวอร์ชันที่พี่ๆ ทั้ง 5 คน มายืนร้องกันทีละคนปนความเขินและน่ารักเบาๆ พอได้มาฟังเสียงพี่โอม พี่กานต์ พี่หั่ง พี่อั้มบ้างก็แอบยิ้มตาม เสียงดีกันทุกคนเลย ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องผ่านเพลงในอัลบั้มชุดแรก อย่าง “ทำนองที่หายไป” ถัดมาไม่น่าเชื่อว่าแค่เพลงที่ 3 อย่าง “คนดีไม่มีที่อยู่” ก็ทำเอาน้ำตาไหลพรั่งพรูอย่างไม่มีสาเหตุ สลับกับชุดใหม่ๆ ที่สื่อถึง “ผิว” เปลือกที่วงเคยเป็นมาก่อน
ทำให้ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงในอัลบั้มชุดแรกอีกครา ก็ชวนให้รู้สึกราวกับพี่ๆ กำลังบอกพวกเราว่าวงดนตรีวงนี้ เคยเป็นมายังไง สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น หรือแม้แต่สิ่งที่เป็น เราก็อาจเห็นกันเพียงผิวๆ คล้ายมันฝรั่งที่ผ่านการปรุงรสให้ถูกปาก ยังไม่อาจลงลึกลิ้มรสไปถึงเนื้อถึงแก่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความผิวในครั้งนั้นแหละ ในอัลบั้มชุดแรก “POTATO” ที่ทำให้เราได้มารู้จักและรักวงนี้ เข้ามาอยู่ในความทรงจำของเหล่าเด็กหนวดที่ยังคงรู้สึกเหมือนได้กลับไปใส่ชุด นร. กระโดดโลดเต้น อกหัก ร้องไห้ สดใสกันเหมือนเดิม
###
2. “เนื้อ: Core”
- เมื่อเดินทางผ่านชั้นผิวหนังมาแล้ว ก็เป็นเวลาของการได้สัมผัสกับ “เนื้อ” อันเป็นส่วนหนึ่งของแก่นแท้ ที่ค่อยๆ เผยความเป็นตัวตนของ POTATO มากขึ้นอีกขั้น ผ่านชุดเพลย์ลิสต์ที่มีทั้งเพลงแรร์สุดๆ อย่าง “เร็วมาก” ในอัลบั้มแรก แทบไม่เคยได้เล่นที่ไหนก็มาเล่นที่นี่ เร็วมากตกใจมากเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดีกรีความร็อคหนักหน่วงเข้ามาอย่างเร่าร้อนจนเวทีลุกเป็นไฟ ใส่ทั้งลูกเล่นต่างๆ ในซาวด์ดนตรีและการร้อง ตามประสบการณ์และเวลาที่วงได้เติบโต ทำให้เห็นว่าบางทีเพลงเก่าก็อาจถูกเล่าใหม่ได้ในแบบที่ต่างออกไป
เช่นกันกับเพลงอย่าง “ชู้ ปี ดู วับ” เพลงฟังสบาย โทนอะคูสติกเบาๆ ก็ถูกนำมาเล่าในแบบร็อคโจ๊ะๆ กระโดดโลดเต้นกันครื้นเครง แม้จะเคยฟังเพลงนี้ในแบบป๊อบร็อคมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน อย่างในคอนเสิร์ต PACK4 แต่ครั้งนี้กลับให้อารมณ์ลิงโลด อกหักแบบปล่อยจอย ไปอยู่กับชู้ปีดูวับปัํบชู้ฮู้ฮูวววของเธอไป55+
ตามด้วย “ลาลาลา” ที่นานๆ ครั้งจะได้ฟังแต่ก็ยังมันกระแทกถึงกลางใจ นึกถึงตัวเองในวัยว้าวุ่น แอบรัก แอบลุ้น ตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าเขาจะรักไม่รักกันนะ? มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นแต่ก็มีความสุขจนล้นออกมาเป็นทำนองของใจจริงๆ ภาพที่พี่ปั๊บเดินมาโซน A1 ทางผม แล้วโยนไมค์ให้แฟนเพลงร้องลาลาลาและโยกเต้นเต็มอารมณ์ไปด้วยกัน ทำเอารู้สึกเหมือนคืนวันอันครั้งนั้นมันยังไม่เคยเปลี่ยนไป
และแล้วก็มาถึงจุดที่เนื้อๆ เน้นๆ กระแทกใจแฟนๆ เมื่อ Intro กีต้าร์ที่คุ้นเคย ค่อยๆ ขึ้นมา เพราะนี่คือเพลงแจ้งเกิดของ POTATO ในฐานะวงร็อคเต็มตัว ผ่านอัลบั้ม Go…On ก่อนที่พี่ปั๊บจะกล่าวเชิญแขกคนสำคัญขึ้นมาร่วมแจมกันบนเวที ทั้งสีหน้า แววตา และรอยยิ้มที่คุ้นเคย
ไม่นึกเลยว่าจะได้มีโอกาสเจอ “พี่โน้ต” 1 ในมือกีต้าร์ยุคบุกเบิกของวงอีกครา ทำให้ “กล้าพอไหม” ในครั้งนี้ ทวีความเข้มข้นคลุกเต็มอารมณ์ ในทุกคำร้อง ตั้งแต่ขึ้นต้นเธอบอกกับฉัน เธอย้ำว่ากับเขา จบไปตั้งนาน…? จนฮุคอันเด็ดดวงที่กระชากใจวัยรุ่นยุคนั้นมาถึงวันนี้ “กล้า…กลับไปหาเขาหรือเปล่า ไปกับฉัน กลับไปหาเขาแล้วบอก บอกว่าเรารักกัน ทำได้ไหม กล้าพอไหมที่จะทำแบบนี้?”
หากใครยังจำกันได้ นี่เป็นเพลงที่กระแสแรงกระฉูดทะลุแทบทุกชาร์ตเพลงวิทยุ ในเนื้อหาที่เป็นทางฉีก จากมุมมองคนอกหักทั่วไป มาเป็นมุมคนรักใหม่ที่ไม่อาจไว้ใจแฟน และอยากจะทำทุกอย่างให้มันชัด กล้าเผชิญกันไปเลย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือโมเมนต์ระหว่างพี่โน้ต พี่ปั๊บ พี่โอมที่ยังคงหยอกเย้า คุยเล่น กอดคอกันเหมือนเดิม
แม้เพลงจบ ถึงเวลาพูดความในใจ พี่โน้ตก็ยังสารภาพว่ารู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย ราวกับวันวานที่เคยขึ้นเวทีร่วมทางกันมา เสมือนว่าได้ย้อนกลับไปโลดแล่นบนหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงกันอีกที ขณะเดียวกันแม้จะดีใจเพียงใด อีกใจก็แอบเศร้าว่าถ้า “พี่วิน” กลับมาก็คงดี ชีวิตนี้อาจไม่ได้เห็นแล้วจริงๆ
ตามมาด้วย “คนตัวเล็ก” ที่พี่ปั๊บเผยว่าเป็นเพลงที่พยายามจะหยิบมาเล่น ขืนใจผู้จัดและเพื่อนๆ ในวงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอถึงอีกจุดทุกคนก็เห็นตรงกัน เพราะชีวิตจริงเรามักจะถูกตัดสินจากสิ่งที่เห็นต่างๆ นานา ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไป นี่คือรสชาติของมัน ของชีวิตคน และเพลงนี้ที่ตอนปล่อยออกมาครั้งแรก ฟังไปเราอาจจะไม่ได้อินแต่แรก
แต่พอจับใจความทุกอย่างมากขึ้นจะพบว่ามันเราเข้าถึงชั้นเนื้อในที่สื่อความในใจของวง POTATO ได้ดียิ่งตั้งแต่ท่อนแรก “ฉันเคยคิดว่าโลกใบนี้ มันกว้างเกินไป จนลืมว่ามีดวงดาวน้อยใหญ่ ฉันเคยคิดว่าฉันต้องฝัน ต้องทำตามใคร จนทำตัวเองให้หล่นหาย” ยิ่งฟังยิ่งสะท้อนเข้ามาในใจว่าชีวิตมันไม่เคยง่ายดาย หรือเพราะเราเอาแต่วิ่งบนทางใคร และไปทำให้มันยากเอง? จนทำสิ่งที่มีค่าที่สุดคือตัวเราหล่นหายไป?
แบบที่พี่ๆ เคยพยายามเดินตามใจคนมากมายจนข้างในตัวเองแอบพัง ทั้งที่ความจริงโลกในสายตาแต่ละคนย่อมเห็นอะไรไม่เท่ากัน แล้วเหตุไฉนเราจึงต้องเปรียบเทียบถกเรื่องมุมมองความเชื่อและความชอบกันให้มากมาย เมื่อเราเองต่างก็เป็น “คนตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่” ได้ในแบบของเรา พอใจในสิ่งที่เป็นเรา...และสิ่งที่เราเป็นก็ดีพอและพอดีกับใจ ขอบคุณเพลงนี้ที่กลับมาย้ำเตือนและสะท้อนให้เรากลับมามองคุณค่าในตัวตน
ความเป็นเนื้อยังคงเผยออกมาจนเพลงท้ายๆ ในช่วงนี้ ทั้งการที่พี่ๆ ขอให้ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกัน กับสิ่งหนึ่งที่วงอยากจะทำมานาน เลยขอทำสักที ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเรามา “แชร์” ความช้ำในหัวใจ ปลดปล่อยทุกอย่างข้างใน แล้วมาออกสเต็ปไปด้วยกัน ท่ามกลางแสง สี เสียง ที่ถูกนำมาเรียบเรียงให้เป็นสไตล์ดีเจเปิดแผ่นในผับยามราตรี โยกกันเพลินๆ ใครเมากึ่มๆ อยู่แล้วก็ได้ระเบิดความเมา ใครไม่ได้ดื่มก็เสมือนได้เมาทิพย์กันเพลินๆ โดยมีพี่ๆ ทั้งวงพากันเดินมาโยกไปกับพวกเรา
ตามด้วย “ฮู้ฮู” ที่คราวนี้โดดกันสุดตัว ระเบิดความอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมา สำหรับแฟนเพลงบางคนเคยกล่าวว่าเพลงนี้ทําให้มีกําลังใจเรียน เเละไม่ย่อท้อแม้ว่าจะเจอสิ่งใดๆ ที่เข้ามาในชีวิต เช่นกันกับเวลาเจอปัญหาในชีวิต มันก็เหมือนตอนเราอยู่ในที่มืด พอเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็พร้อมจะพุ่งออกไปคว้ามัน ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าออกไปแล้วจะเจอสิ่งใด เพราะถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป ย่อมต้องกล้ากระโจนไปทำอะไรที่ต่างจากเดิม
นับเป็นช่วงโชว์ที่เผยความเป็นตัวตนของ POTATO ออกมามากขึ้นจริงๆ ทั้งความกล้า ซ่า ขี้เล่น สนุก ทะเล้นไปกับคนดูแบบไม่มีกั๊ก นี่แหละคือเนื้อแท้ของมันฝรั่งที่อร่อยนัวจากข้างใน
###
3. “ราก: Root”
- เพียงวินาทีที่ช่วงแห่งการหยั่งรากลึกกำลังจะเริ่มขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิดและเงียบงันไปทั้งฮอลล์ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่คน 3 คนบนเวที พร้อมไฟส้มแดงสลัวที่ค่อยๆ ปรากฏเงาร่างของพวกเขาขึ้นมาในท่วงท่านั่งอยู่กับเครื่องดนตรีในมือ
ก่อนที่คุณพ่อป้ายแดงขวัญใจพวกเราจะค่อยๆ บรรจงเคลื่อนไหวฝ่ามือกระทบลงไปยังเครื่องดนตรีคล้ายกระทะอย่าง Handpan เบาๆ เคล้าไปกับเด็กหนุ่มสาวข้างกายที่บรรเลงสอดประสานเสียงไปด้วยกันอย่างช้าๆ ด้วยเสียงอันไพเราะ ทั้งนุ่มและก้องกังวาน มีจังหวะดังเบาช้าเร็วสลับกันไปตามห้วงอารมณ์ ผสมผสานกันอย่างลุ่มลึก ตรึงทุกโสตประสาท
ตามด้วยสีหน้าแววตาพี่ปั๊บที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ราวกับกำลังดำดิ่งเข้าสู่ภาวะอันไร้ตัวตน สื่อเรื่องราวข้างในใจผ่านอวัจนภาษาด้วยจังหวะและเสียงกระทบกัน ช่างเป็นการแสดงความรู้สึกที่ลึกซึ้งถึงวิญญาณ ราวกับกำลังอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมที่สงบ ร่มเย็น เป็นการผสมผสานดนตรีอันโดดเด่น ทำเอาคนดูดื่มด่ำ ผ่อนคลาย ผสานกายใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ในใจแอบคิดว่านี่คงเป็นผลจากการฝึกจิตดูใจของพี่เขา ผ่านหลักธรรมคำสอนแห่งพุทธ หยุดพักออกกำลังใจเมื่อมีโอกาส นับเป็นโชว์ที่คลาสสิคกินใจชวนหลงใหล ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเกินคณานับที่ไม่อาจมองเห็น แต่ยังคงเป็นอยู่และอยากให้แฟนเพลงได้รับรู้ไปด้วยกัน ว่านี่คือรากที่หยั่งลึกลงไปถึงชั้นดินของใจ แม้ไม่ได้ปรากฎออกมาสู่ดิน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สำคัญ ณ ตอนนั้นรับรู้ได้ทันใดว่าช่วงนี้จะล้ำลึก เข้มข้นกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา
เมื่อบทเพลงบรรเลงจบลง ก็เป็นเวลาที่จะเล่าเรื่องผ่านถ้อยวจีในใจ กับเพลงต่างๆ ที่หาฟังยากอย่าง “ไม่เป็นไร (ตอนเย็น)” / “กี่พรุ่งนี้” / “เพื่อนเธอ” ซึ่งเต็มไปด้วยความหมายแห่งชีวิตจริงที่นักดนตรีทั้ง 5 คนได้ประสบพบเจอระหว่างทางฝัน จะสุข สมหวังแค่ไหน ทุกข์ ผิดหวัง เจ็บปวดเพียงใด
ทุกเรื่องล้วนเป็นบทเรียนและความทรงจำให้เรียนรู้ก้าวผ่านมันไปด้วยกัน ก่อนที่พระจันทร์ดวงเก่าจะค่อยๆ ปรากฎขึ้นมาท่ามกลางความมืดดำ พร้อมมิตรสหายร่วมทางอีกคนที่กำลังจะเปล่งเสียงอันก้องกังวาน ผ่าเมฆหมอกบังตา มองจันทราที่คุ้นเคยบนฟ้าไกลในคืนที่พร่างพราว ตามด้วยเสียงกรี๊ดเกรียวกราวจากคนดูที่ครั้งนี้ได้เห็น “พี่เฟิด Slot Machine” ขึ้นมาแจมแบบเต็มๆ
และเมื่อมาทั้งทีจะธรรมดาได้ไง ยามที่พระจันทร์ดวงเก่าตื่นจากหลับไหลก็ได้เวลาแห่งการขอพรจันทร์เจ้าเอย อย่ารอช้าอยู่เลย จงรับฟังเสียงของข้าที จากนี้ทุกคนจะเปล่งเสียงสุดหัวใจไปกับสัญลักษณ์มืออันคุ้นเคย “I…say goodbye!!”
ตามด้วย “อีกไม่ช้า” เล่นต่อกันทันควัน ในเพลงที่เคยขับขานร่วมร้องไปด้วยกัน ณ ตอนนี้ “ราตรี” และ “ตะวัน” กำลังระเบิดฟอร์มสาดแสงไปด้วยกันทั้งสองวงอย่างทรงพลัง การโคจรมาพบกันครั้งนี้ แม้หยาดฝนตกหนักซัดมายังไง ก็ไม่อาจมีผลอีกต่อไป เพราะเราเล่นกันในฮอลล์แทน ฮ่าา ถ้าโลกนี้ยังหมุนอยู่ เรายังจะได้พบกัน เพื่อบันทึกเรื่องราวเอาไว้!!
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ ‘ขุด’ เรื่องตัวเองขึ้นมาบ่อยมาก โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ ‘ลึกลงไป’ หลายคนอาจจะตามวง มาพักใหญ่ อาจเพิ่งตาม หรือเคยฟังบ้าง แต่วงหรือแบรนด์ที่ชื่อว่า ‘POTATO’ มันโตมาแบบเบี้ยวๆ บูดๆ ไม่เคยชัดเจนว่ามันจะไปในทิศทางใด เหมือนปลิวไปตามสิ่งที่สังคมบอก ในวันแรกที่เราเริ่มเล่นดนตรี เราเล่นด้วยความชอบ
แต่หลังๆ อยากให้คนยอมรับ รักเราเยอะๆ เลยยิ่งพยายามวิ่งตามเสียงตอบรับ อย่างสมัยก่อนยังไม่มีโซเชียลมีเดีย เวลาเราไปเล่นคอนเสิร์ตและเจอคนบอกว่าคุณต้องเจ๋งให้ได้นะ ถึงจะยืนบนเส้นทางอาชีพนี้ได้ ตอนนั้นมันมีคำถามเกิดขึ้นในตัวพวกผมจริงๆ ย้อนไปนาน ‘นี่เรากำลังวิ่งตามอะไรอยู่กันแน่?
จะทำมันเพื่อให้ตัวเองถูกยอมรับ แล้วก็วิ่งๆๆ แต่สุดท้าย ผมสารภาพจากใจ จริงๆ พวกผมไม่ได้มีความฝันอะไรใหญ่โตแบบคนทั่วไป เราเลยอยากทำตาม ลองทำแล้ว จนมีช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่เคยย้อนกลับมาดูตัวเองเลย ผลคือพวกผมพังมาก ยอมรับเลยว่าวันนี้โคตรอ่อนแอ ไม่ได้เจ๋งแบบนั้นเลย ก็ทำๆ ไป ไม่รู้ว่าวงมาถึงวันนี้ได้ยังไง สุดท้ายมันก็เดินทางมาได้
ทำให้ช่วงเวลาที่เราวิ่งตามสิ่งที่บรรทัดฐานสังคมบอกว่า จนข้างในรู้สึกว่างเปล่ามาก เคยกระทั่งมีช่วงเวลาที่ตื่นมา ‘โลกนี้ไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้’ แล้วคิดแบบสบายใจด้วยนะ ไม่ได้เจ็บปวดด้วย ซึ่งผมว่ามันไม่โอเคเท่าไหร่ ไม่ได้เครียด แต่มันสะสมเยอะไปหมด เลยมีช่วงเวลาที่พวกผมเข้าแคมป์ ไปจัดการความรู้สึกตัวเองกันดีกว่า
สารภาพเลยว่ามันมีบางอย่างที่อยู่ลึกเกินกว่าจะใช้ความคิดตัวเองจัดการได้ พอมันผ่านช่วงเวลานั้นไป นั่งรอบกองไฟ ได้กลิ่นกันมั้ยครับ? กลิ่นกองไฟกลางสายฝนที่เราพยายามจำลองเหตุการณ์คืนนั้นออกมา เลยมาคิดว่าจากนี้ถ้าพวกเราอยากทำอะไรก็จะทำมัน อยากเล่าอะไรก็จะเล่าละ เพราะไม่รู้ว่าวันต่อไปจะเป็นยังไงจริงๆ
ก่อนอื่นผมขอยอมรับต่อหน้าทุกคนว่าผมอ่อนแอ ไม่ได้เข้มเข็งอะไร สุดท้ายแล้วฝันตามที่สังคมบอกไว้ มันอาจเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับใครหลายคน แต่ขอบอกเลยว่าการไม่มีความฝัน มันไม่ได้ผิด ไม่ต้องเป็น ‘Something’ มันก็ไม่แปลก แค่นั่งหายใจเป็นเพื่อนกันแบบนี้ผมก็มีความสุขแล้ว วันนี้ขอบคุณมากนะครับที่มาเป็นกองไฟให้พวกผม มันรู้สึกดีมาก และตื้นตันด้วย ก็ยอมรับความจริงที่อยู่ในใจของเรากันนะ”
- พี่ปั๊บ
ในทุกวินาทีที่กำลังพ้นผ่านไปในตอนนั้น ใจของผมพลันหวิว เจ็บปวด จุกอกอย่างบอกไม่ถูก ฟังแล้วอยากจะลุกและวิ่งขึ้นเวทีไปกอดปลอบพี่ๆ ให้ดีที่สุด พร้อมบอกว่าจะสุข ทุกข์ เข้มแข็ง หรืออ่อนแอ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณค่าของพวกพี่จะเลือนหายไปแต่อย่างใด เพราะแม้จะเป็นศิลปินร็อคระดับชั้นนำของไทย วง POTATO ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีวันร่วงหล่น ตั้งคำถามกับตัวเอง ร้องเล่นเพลงไปภายนอกอาจดูสนุก ในใจกลับไม่มีความสุขเอาเสียเลยทว่ากลับไม่เคยได้มีโอกาสบอกใคร และไม่รู้ด้วยว่าตอนนั้นบอกไปจะมีสักกี่คนที่เข้าใจกัน
มาครั้งนี้ที่พี่ปั๊บได้เล่าเปลือยความรู้สึกออกมาจากใจ นอกจากพวกเราจะแอบเจ็บปวดไปด้วยเหมือนกัน แต่อีกใจ ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมมั้ยคือมันก็แอบดีใจที่พี่ๆ เขากล้าและยินดีที่จะเล่าให้พวกเราฟัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการเผยอีกด้านอันเปราะบางของเราออกมาให้ใครรับรู้ด้วยคน
จะด้วยเกรงใจ ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ตาม หรือด้วยความที่บรรทัดฐานและค่านิยมสังคมไทยปลูกฝังว่าเป็นผู้ใหญ่ต้องเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้หรือแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น จนทุกวันนี้มีคนเป็นซึมเศร้ากันมากมาย เพียงเพราะการปลูกฝังอันบิดเบี้ยว เศร้าแต่ต้องแสร้งว่าไม่เศร้า ฉันโอเคทั้งที่จริงโคตรจะไม่
แล้วกับวงดนตรีชื่อดังที่ผ่านร้อนหนาวโดนดูถูกสบประมาทมามากมาย เขาต้องเก็บกลั้นอะไรไว้แค่ไหนบ้าง ซึ่งการที่พี่ๆ วางใจเล่าออกมา แปลว่าพวกเขามองแฟนเพลงเราๆ เป็นเพื่อนพี่น้องในชีวิตจริงๆ สุขก็แบ่งปัน ทุกข์ก็แบ่งเบา คอยแชร์เรื่องราว ประสบการณ์ และเติบโตไปด้วยกัน ณ ฮอลล์แห่งนี้คือกองไฟ คือ Safe Zone ที่เชื่อว่าทุกคนพร้อมฟังอย่างไม่ตัดสิน
และมีแต่จะส่งกำลังใจกลับไปให้ POTATO เสมอ อีกมุมที่เจอคือการเผยให้เห็นด้านที่อ่อนแอกับใครๆ มันก็เป็น “ความเข้มแข็ง” ในอีกรูปแบบหนึ่งที่แปลว่าคนๆ นั้นเขากล้าพอที่จะ “ยอมรับ” ความรู้สึกตัวเองและเผยมันออกมา ถ้าใครที่รักกันจริง สิ่งเหล่านี้มีแต่จะทำให้รักและนับถือใจกันมากกว่าเดิม เพราะเราได้วางใจเป็นตัวเองให้กันและกัน เติมเต็มคืนวันจนแข็งแรง เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม
สื่อให้เห็นว่าจริงๆ แล้วชีวิตคนเราที่มันบิดเบี้ยว เทาๆ ไม่ขาวไม่ดำ มันไม่ต้องไล่ตามความเลิศเลอครบครันใดๆ ในเมื่อความ “ไม่สมบูรณ์แบบ” นี่แหละ ที่ “สมบูรณ์แบบ” ที่สุด เมื่อเราสามารถหกล้ม เรียนรู้ พัฒนาต่อได้ไม่หยุด เติมเต็มส่วนที่ขาดให้กันจนสุด รักในข้อดี รับในข้อเสีย แล้วช่วยกันปรับ สิ่งนี้ต่างหากคือชีวิตอันเปี่ยมความหมายและสมบูรณ์แบบ
“ขอบคุณ POTATO ที่มาเป็นกองไฟให้พวกเราเช่นกันนะครับ”
###
4. “Head: ผล”
- และแล้วก็ดำเนินมาถึงช่วงท้าย กับแก่นกลางหัวสมองที่อยู่ลึกสุดข้างใน เต็มไปด้วยชุดความคิด จินตนาการ และความทรงจำมากมายที่โลดแล่นไปมา ผลิดอกออกผลเป็นบทเพลงดีๆ ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตของพวกเราตั้งแต่เด็กจนมีครอบครัว โชว์ในองก์ส่งท้ายนี้จึงเต็มไปด้วยอารมณ์ความเข้มข้นคุกรุ่นถึงรสมัน มีการหยิบเพลงหายากอย่าง “บันไดเสียง” ออกมาเล่นสื่อแทนใจ เป็นเพลงที่พี่ๆ บอกว่าเมื่อก่อน เป็นเพลงที่วงชอบมาก แต่ก็ไม่ค่อยได้หยิบมาเล่น
ด้วยความหมายที่ตรงๆ กระแทก ใช้คำเหล่านั้นเพื่อเดินทางไป จนมาถกกันเองว่าเราไม่ได้เดินทางไปด้วยสิ่งเหล่านี้เสียทีเดียว ก็แค่เดินกันต่อไป ผิดถูกก็ช่างมัน ซึ่งที่หยิบมาเล่นอีกครั้งวันนี้ มันไม่ได้มีใครมาดูถูกวง กลับเป็นวงที่เคยดูถูกตัวเอง เลยแอบตั้งคำถามว่าจะทำผลงานเพลงต่อไปดีมั้ย? มันเลยมีความหมายอีกครั้งที่จะเล่น เพื่อสู้กับเสียงในหัวตัวเอง พวกผม POTATO อาจจะมีฝันยุบยิบเล็กน้อยที่มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่โมเมนต์ที่อยู่ตรงนี้ “เป็นเรื่องจริง” ที่สุดสำหรับพวกผมวันนี้เลย
นับเป็นอีกหนึ่งเพลงที่สื่ออะไรได้มากมาย และเป็นการสะท้อนมุมมองที่ POTATO กล้าจะทำตามบันไดเสียงในใจของพวกเขาเองจริงๆ ขอใส่สุดตามใจตัวเองอีกสักครั้งจะเป็นไร ในหนึ่งชีวิตที่ไม่รู้จะมีเรี่ยวแรงกันอีกแค่ไหน แค่ได้ทำสิ่งที่ใจอยากทำ แค่นั้นก็ดีมากพอแล้ว
จากนั้นก็มีพักเบรกอารมณ์เล็กน้อยกับเพลง “เธอคือเรื่องจริง (ใคร)” / “เธอยัง” / “รักเธอไปทุกวัน” ก่อนจะเพิ่มดีกรีความเร่าร้อน ดุดัน ใส่เต็มพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ไปกับ “กำแพง” ที่แตกกระจุยกลางเวที สนั่นความมันไปทั้งฮอลล์ ทว่านั่นยังไม่พอเมื่อโชว์ดำเนินมาถึงเพลงต่อไป ยังไม่ทันจะเริ่มบรรดาแฟนคลับโซน A1 ที่ผมนั่ง
โดยเฉพาะกลุ่มที่นั่งริมซ้ายมักจะได้เห็นโมเมนต์หลังเวทีรวมถึงการได้รู้ก่อนเพื่อนว่าแขกรับเชิญที่กำลังจะขึ้นเวทีเป็นใคร รอบนี้ทุกคนกรี๊ดลั่นสนั่นหวั่นไหวเสียอาการกันไปหมด ทำเอาสต๊าฟฟ์ด้านล่างต้องทำท่าจุ๊ปากว่าอย่าเพิ่งสปอยล์ ใช่ครับ นี่คือแขกรับเชิญที่แฟนเพลง POTATO รอคอยมานานแสนนาน เพียงวินาทีที่เห็น “พี่วิน” กลับมาเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ตอนนั้นน้ำตามันก็ไหลซึมแบบไม่ต้องการเหตุผลใดๆ มาอธิบายรู้แค่ชีวิตนี้ “ตายตาหลับแล้ว” จริงๆ ไม่มีอะไรคาใจอีกต่อไป
โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย Intro เพลง “ยื้อ” ก็ดังขึ้นมาอย่างดุดัน เลื่อนลั่น จนเวทีและทั้งฮอลล์แทบจะลุกเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ระเบิดความมันจนลืมหิว ลืมเข้าห้องน้ำ โดดยับๆ โยกหัวไปมาแบบไม่กลัวเคล็ด เหงื่อท่วมสาดกระเซ็น เพราะอยากจะเก็บทุกโมเมนต์นี้ไว้ให้ดีที่สุดเลย
ยิ่งเห็นการสอดประสานไปมาแบบลงตัวเหมือนวันวาน ทำให้รู้สึกเหมือนว่าการกลับมาเล่นดนตรีร่วมกันของ POTATO และพี่วิน ช่างเต็มไปด้วยความลงตัวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือลูกเล่นและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นหลายช่วงตัว เข้าขารู้ใจกันเสมือนไม่เคยแยกย้ายกันไปเลย
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะกลับมารวมตัวกันทั้งทีจะธรรมดาได้ไง เมื่อพี่ปั๊บตะโกนถามแฟนเพลงว่า “พอใจหรือยัง!?” พอใจยางงง ถ้ายังก็ไปให้สุดกันไปเลย! เมื่อมีแท่นเล็กๆ ค่อยเคลื่อนตัวขึ้นมาพร้อมภาพของชายผู้เคยเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของวงตั้งแต่ Day 1 เขาคนนั้นคือ “พี่บ๋อม” ที่โบยบินมาจากแดนอาทิตย์อุทัย มาลั่นกระเดื่องสาดกลองให้สนั่นไปพร้อมกับวงอีกครา ตามด้วยพี่โน้ตที่ขึ้นมาแจมอีกที ครบวง ครบองค์สำหรับสมาชิกในอัลบั้ม Go…On ที่ร่วมทางกันมานานหลายปี
ในฐานะแฟนเพลง POTATO เชื่อเหลือเกินว่าชีวิตนี้ไม่ขออะไร แค่ได้เห็นพี่ๆ เขากลับมารวมตัวกันครบทุกคน แค่นั้นก็สุขล้น “เพียงพอ” บนเวทีแห่งเสียงเพลง “ที่เดิม” ที่พวกเขาเคยร้องเล่นมาด้วยกัน ในใจตอนนั้นรู้แค่เพียงกูจะกระโดดโลดเต้นให้สุดแรง ร้องให้สุดเส้นเสียงกันไปเลย มันทั้งสุข ทั้งตื้นตัน จนไม่รู้จะอธิบายยังไง
ยิ่งการได้มาเห็นโมเมนต์ที่พี่ๆ ทุกคนทั้งร้องเล่น พูดคุย หยอกล้อ กอดคอ ยิ้มให้กันเหมือนวันวาน มันช่างเป็นค่ำคืนที่แสนหวานและตราตรึงในหัวใจมากจริงๆ ขณะเดียวกันก็แอบคิดในใจว่าทั้ง POTATO และแฟนเพลงเราๆ ตั้งแต่ยุคนั้น ต่างเติบโตมาด้วยกันนานมากเลยทีเดียว อย่างที่พี่บ๋อมบอกว่าใครยังจำพวกผมได้ พวกนายไม่เด็กแล้วนะนั่น55+ ในช่วงที่พี่โน้ต พี่บ๋อม พี่วินได้เอื้อนเอ่ยคำพูดทีละคน ที่ยังคงมีทั้งความขี้เล่น เป็นกันเอง และมีแต่คำว่า “ขอบคุณ” ซึ่งกันและกัน ขอบคุณจริงๆ ที่ชวนกลับมาเล่นดนตรีด้วยกัน
มีหลายครั้งที่ต่างหันมามองแล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อนอกจากขอบคุณ พร้อมน้ำตาที่ไหลรินแทนความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นกันในใจจนไม่อาจหาคำใดมาเทียบแทน โดยเฉพาะพี่ปั๊บที่เหมือนได้ปลดล็อคทุกอย่างออกมา ระหว่างที่น้ำตากำลังอาบแก้มก็มีรอยยิ้มแกล้มไปด้วย เมื่อได้เห็นว่าวง POTATO ที่เขารักจากหัวใจ รวมถึงกีต้าร์ของพี่ปีย์ที่ตั้งอยู่บนเวที วันนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกันครบแล้วจริงๆ (ขอส่งความคิดถึงให้ “พี่นุช” มือเบสคนแรกของวงด้วยนะครับ น่าจะมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้กลับมาใน MV “เธอยัง” มาแล้วนะ)
ท่ามกลางโมเมนต์อันแสนตราตรึง ไร้ซึ่งคำพูดอะไรมากมาย ได้แต่ยิ้มตื้นตันและมองหน้ากันไปมา พริบตานั้นก็มีเสียงของแฟนเพลงท่านหนึ่งจากโซนผมตะโกนออกมาจากใจ “ตาEตาหลับแล้วโว้ยยยยย!!” เรียกเสียงฮือฮาถูกใจพี่ๆ และทุกคนในฮอลล์ได้เป็นอย่างดี เพราะได้พูดแทนใจพวกเราจริงๆ ก่อนจะถึงเวลาแยกย้ายกันลงเวที โดยมีสัญญาใจว่าไว้เรากลับมาเจอกัน!
สิ่งที่อยู่ในหัวเหล่านั้น ได้ฉายภาพออกมาเป็นความทรงจำดีๆ ให้ทั้งวงและแฟนเพลงหมดแล้ว ซึ่งผมก็แอบตีความเพิ่มเติมว่าในคำภาษาอังกฤษและไทยขององก์นี้ คือ “Head: ผล” อาจเป็น Easter Egg ถึงคำว่า “เหตุผล” ก็เป็นได้ เหตุผลทุกอย่างที่ทำให้ POTATO ยังคง Go…On
จากวันนั้นมาถึงวันนี้ เหตุผลที่ฟังเสียงในใจแฟนเพลงและเสียงในตัวเอง เป็นเหตุผลและผลผลิตจากในหัวมัน สร้างสรรค์ช่วงสุดท้ายให้มีความหมายที่สุดจริงๆ พร้อมปิดท้ายด้วย “ขอบคุณที่รักกัน” ด้วยสมาชิกปัจจุบันแบบจัดเต็ม ขอบคุณเหลือเกินที่คอยกอด คอยร่วมเดินมาด้วยกัน ไม่ว่าวงจะมีการเปลี่ยนแปลงแค่ไหนยังไง คล้ายจะสื่อให้เห็นว่า POTATO อาจไม่ใช่วงซะทีเดียว แต่เป็นทั้งแบรนด์และ “ผู้คน” ที่มีหัวใจร็อคหัวมันเหมือนกัน คอยรวมตัวร่วมทางกันเสมอมา
###
5. บทส่งท้ายอันน่าจดจำ
- แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่คอนเสิร์ตระดับใหญ่อลังการแบบอิมแพ็ค-ราชมังฯ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง พร้อมสร้างความทรงจำและโมเมนต์อันตราตรึงเอาไว้มากมายให้ได้พูดถึงกันไปอีกนานแสนนาน มีหลายจุดที่อยากนำมาย่อยค่อยๆ เล่าทีละข้อ เพื่อบันทึกไว้เป็นไดอารี่ออนไลน์ให้พี่ๆ POTATO และแฟนเพลงทุกคน
5.1 เวทีเนินเขาแห่งชีวิต
- สิ่งแรกที่ชวนสะดุดตามากในงานนี้ คงหนีไม่พ้นเวทีเล็ก แต่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทีม “Keep in Touch project” ผู้อยู่เบื้องหลังงานรันคิวเผยว่าเวทีนี้ถูกสร้างขึ้นจริงที่โกดัง เพื่อให้พี่ๆ ได้ลองใช้จริง ไปวิ่ง ยืน เดินกันให้คุ้นชินเต็มที่ ก่อนจะปรับระดับองศา ความสูง ความลาดชันให้พอดีกับทั้งวง
แต่พอค่อยๆ คิดวิเคราะห์ในเชิงนามธรรม มุมนี้ไม่รู้ว่ามุมคิดไปเองหรือไม่อย่างไร เพราะเวทีเนินเขานี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาได้ดี สื่อถึงเส้นทางดนตรีที่ไม่ง่ายเลย กว่าที่วง POTATO จะมีวันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปยังเส้นทางกว่าจะมาถึงยอดเขาได้ก็มีทั้งหกล้ม เจอดินถล่ม ฝนฟ้าคะนองฉ่ำ ทำเอาอยากจะลงจากเขา หรือหยุดทิ้งฝันไว้กลางทางก็มี แต่วันนี้พวกเขาได้เดินมาถึงยอด ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
ซึ่งความสำเร็จในที่นี้ หาใช่ในมุมยอดขาย กระแสตอบรับ ดังเป็นพลุแตกไปทุกอัลบั้ม ทุกซิงเกิ้ลซะทีเดียว หากเป็นความเข้าอกเข้าใจชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม นำท่วงทำนองที่เคยหายไปกลับคืนมา เต้นรำไปกับความสุข-ทุกข์ ความเข้มแข็ง อ่อนแอในชีวิตอย่างเข้าใจ หรืออะไรที่ยังไม่เข้าใจก็ปล่อยมันไปบ้างจนวันหนึ่งอาจเข้าใจขึ้นมาก็ได้
ภาพที่เห็นยอดนักดนตรีทั้ง 5 วิ่งเล่นอยู่บนเนินเขาอย่างสนุกและมีความสุข ไม่มีล้มลื่นสะดุด นอกจากการซักซ้อมพื้นที่มาอย่างดี มองอีกทีก็อาจตีความได้ว่าพวกเขาผ่านชีวิตที่โลดโผนและเต็มไปด้วยอุปสรรคมาได้แบบคนที่เข้าใจโลก เข้าใจความไม่เที่ยงแท้แปรเปลี่ยนอันเป็นของสัจธรรมชีวิต บนพื้นอันขรุขระลาดชันก็ยังสนุกและเต้นรำไปกับมันได้ดี นี่แหละมั้งความหมายที่แท้จริงของเวทีในหัวมัน
5.2 เข้าใจเพลงเดิมในมุมที่ต่างออกไป
- นอกจากเราจะได้เข้าใจตัวตน ความเชื่อ แนวคิดวง POTATO มากขึ้นถึงแก่นกลางมันสมองแล้ว สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนเลยคือการได้รู้ที่มาที่ไปของเพลงบางเพลงในแบบที่ลึกกว่าเดิม หรือต่างออกไปจากเดิม อย่าง “คนกลาง” ที่เดิมจะเป็นของวง CLASH แต่พี่แบงค์ไม่ได้ใส่ไปในอัลบั้ม เลยมาเป็นเพลงของ POTATO แทน
ทั้ง “เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป” ที่แฟนๆ หลายคนต่างรู้ว่าเพลงนี้แต่งขึ้นมาให้พี่ปีย์ นักร้องนำคนแรกของวงที่จากไป แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ฟัง POTATO ร้องเล่นเพลงนี้สดๆ เต็มรูปแบบมาก่อนเลย แล้วยิ่งพี่ปั๊บ-พี่แบงค์ได้ขับขานออกมาด้วยกัน ก็ยิ่งทำให้เพลงนี้มีความหมายมากลึกซึ้งขึ้นไปอีกเกินพรรณนา
บางทีคำว่า "ตลอดไป" มันอาจมีจริง เพราะถึงครั้งหนึ่งในชีวิตคนที่เรารักจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันด้วยรักอยู่ในใจ ตลอดไป ตลอดกาล ผ่านไปทุกคืนวัน ผ่านไปทุกนาที รักในหัวใจ จะไม่เลือนจากเธอ จะกี่ล้านดวงดาวที่ส่องแสงแพรวพราวก็ไม่สวยลึกซึ้งยิ่งกว่า กว่าความทรงจำดีๆ ที่ฉัน…ได้จากเธอ
ตามด้วย “เธอยัง” ที่ครั้งนี้พอได้กลับมาร้องบรรเลงกับ “พี่ฟองเบียร์” นักแต่งเพลงผู้มีพระคุณและอยู่เบื้องหลังบทเพลงดังมากมายให้ POTATO ความหมายของมันก็ยิ่งซึ้งกินใจกว่าเดิม นอกจากการปล่อยวางเรื่องค้างคาและความไม่เข้าใจในวันวานลงไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกดีๆ ที่เข้าใจกันมากกว่าเดิม ทุกครั้งที่ได้เอ่ยคำว่า “เธอยัง” ถามออกไปในเพลง
มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนทั้งพี่ฟองเบียร์และ POTATO กำลังถามและส่งความคิดถึง ห่วงใยซึ่งกันและกัน และคอนเสิร์ตครั้งนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้เลย หากไม่มีพี่ฟองเบียร์กลับมาร่วมเล่นดนตรีกัน ไม่มีพี่ฟองเบียร์ในวันนั้น ไม่มี POTATO ในวันนี้ครับ
เพลง “รอย” ที่ “พี่โอม Cocktail” ได้แต่งให้ POTATO ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 58 เพราะมองว่าพี่ปั๊บ พี่ชายและเพื่อนรักของเขา เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมบอกความรู้สึกในใจออกมา ไม่ว่าจะป่วยไข้ หรือเป็นอะไร ก็มักจะเก็บไว้ที่บ้านคนเดียว ไม่เคยบอกใครว่าพี่เดือดร้อนยังไง เพราะไม่อยากเอาความรู้สึกตัวเองไประบายใส่ใคร เพลงนี้จึงถูกเขียนผ่านปลายปากกาและความห่วงใย ให้พี่ปั๊บได้นำไประบายความรู้สึกในเพลง
โดยที่ไม่มีใครรู้ ก็ยังดีที่ได้ปล่อยมันออกไป และมันก็ยิ่งมีความหมาย เมื่อพี่โอมพูดแต่งเพลง ได้กลับมาร้องมันออกมาด้วยกันในปี 68 ซึ้งใจจริงๆ ที่ได้รู้ว่าบนเส้นทางดนตรีอันแสนโหดร้ายและเต็มไปด้วยคำวิจารณ์มากมาย ก็ยังมีคนดนตรีด้วยกันคอยรักและตบบ่า จับมือ พากันร่วมทางผ่านมันไป
5.3 โมเมนต์น่ารักๆ ที่ชวนยิ้มตาม
- ทั้ง “น้องโปเต้” ลูกชายพี่โอม มือเบส ที่ได้ขึ้นมาร่วมแจมในคอน โชว์ลีลาลูกไม้ไม่ไกลต้น เล่นเบสพาระเบิดความมันกับ “ยื้อ” จนพ่อไม่มีอะไรทำ พี่ปั๊บเลยโยนไมค์ให้ร้องแทน มันสะเด่าไม่แพ้กันเลย ทั้งโมเมนต์ที่ “พี่น้อย วงพรู” พาพี่ปั๊บเริงระบำไปมาบนเวทีในเพลง “ทุกสิ่ง” หนึ่งในผลงานตลอดกาลของพรูที่ซึ้งกินใจ
แต่พอมาออกสเต็ปลีลาศโยกย้ายกันไปมาก็แอบฮา น่ารักจริงๆ ไหนจะตอนที่พี่น้อยกับพี่ปั๊บผลัดกันโค้งคำนับให้กัน โค้งลงแล้ว โค้งลงอีก นอบน้อมไปไหนเนี่ย ฮ่าา ว่าแล้วผมก็อยากจะไปซื้อแว่นแบบพี่น้อยมาใส่บ้าง ไปจตุจักรแพรพ
ต่อด้วยการได้เห็น “นนท์ ธนนท์” อีกหนึ่งศิลปินแห่งยุคนี้มาร่วมแจม เรียกเสียงกรี๊ดลั่นสนั่นฮอลล์ เป็นกล้าพอไหมในเวอร์ชันที่นุ่มละมุนและมีผลต่อหัวใจไปอีกแบบเลย
หรือโมเมนต์ร็อคต่างวัยได้ยืนคุยเล่นกันอย่างเคารพนบน้อมและเป็นกันเอง ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เห็น “พี่โป่ง หินเหล็กไฟ” กับ POTATO มาร้องเล่นร่วมกัน ทั้งเพลง “เพื่อเธอ” และ “พระจันทร์ดวงเก่า” โคตรได้ฟีลในอีกอารมณ์หนึ่งเลย ว่าแต่ขอชิมเก๊กฮวยด้วยได้มั้ยครับพี่โป่ง? ><
หรือการได้เห็น “พี่ปู พงษ์สิทธิ์” กลับมาร่วมงานกับวง ก็เป็นอะไรที่ Epic กระแทกใจ เป็น “เสมอ” ในแบบที่ชวนให้รำลึกเรื่องราวชีวิตในอีกมุมจริงๆ
รวมถึงการได้รู้ว่า “พี่ป๊อด Moderndog” จากเดิมที่มาแจม “เธอยัง” ในวันแรกแต่ร้องเนื้อผิด แกเลยขอแก้มือในวันที่ 2 แบบไม่คิดค่าตัว เพราะอยากทำให้มันถูก คือน่ารักและได้ใจจริงๆ ก่อนจะมาแจมอีกทีในวันที่ 4 ทรงนี้แกติดใจแหละ ฮ่าา ชอบมากทั้งตอนกระโดดโลดเต้นกัน และตอนจบเพลงก็พากันโค้งคำนับจนสุดตัว รักพี่ป๊อดไปทุกวันเล้ยย
เพลง “ก่อน” ของ “The Darkest Romance” ที่ชวนดำดิ่งในอารมณ์ ลึกซึ้งกินใจกว่าเดิม เมื่อ “พี่แม็ก” มาเป็นแขกรับเชิญร้องเล่นสดๆ ร่วมกันในคอน และยังเป็นอีกเพลงที่พี่ปั๊บเผยว่าผูกพันมากๆ (ร้องโคตรยากด้วย กระชากเส้นเสียงสุดๆ) แต่ก็ประสานกันออกมาได้อย่างลงตัวมากๆ เป็นอีกโชว์ที่โคตรแรร์ โคตรพิเศษเลยสำหรับใครที่ได้ไปดูในวันที่ 4
นอกนั้นคือโมเมนต์เล็กๆ ที่น่ารักและน่าจดจำเหลือเกิน ทั้งการได้เห็นพี่ปั๊บกินกล้วยเติมพลังกลางเวที กลายเป็นมีมโซเชียลของวัน การที่ทีมงานสวิตช์ภาพช่างรู้ใจระหว่างที่กำลังเล่นเพลง “ทิ้งไว้กลางทาง” ระหว่างที่ฉากหลังกำลังเศร้าดาร์คจับใจ ก็ตัดภาพให้ปรากฎเป็นหน้า “คุณแม่เตย” ที่มาให้กำลังใจพี่ปั๊บตลอดเวลา จากนางเอก MV ที่เคยทิ้งไว้กลางทาง วันนี้มาเป็นนางเอกในชีวิตจริงที่ร่วมทางกันไปพร้อมน้องฌานตัวน้อย จ้ำม่ำ น่ากอด ที่มาส่งรอยยิ้มให้กำลังใจคุณพ่อเช่นกัน
และตลอด 5 วันคอนเสิร์ตจะเห็นได้ว่าพี่ๆ POTATO โดยเฉพาะพี่ปั๊บที่คล่องตัวกว่า จะพยายามเดินมาร้องเล่นกับแฟนเพลงอย่างใกล้ชิดทุกด้านทุกมุม ทุกโซนเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งด้านข้าง ล่าง กลาง บน ทุกคนจะได้รับ Fan Service อย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ยิ่งได้เห็นเบื้องหลังที่พี่ปั๊บและทีมงาน พากันเดินขึ้นลงทำเวลาแบบไม่เหนื่อยง่ายๆ ก็ยิ่งซึ้งตรึงใจ
เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเลือก One BKK Forum เป็นสถานที่จัดคอน เพราะเป็นพื้นที่ที่พี่ๆ จะได้เสิร์ฟแฟนๆ แบบทั่วถึง อบอุ่นกว่าเดิม เป็นที่เล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกเรา แสดงให้เห็นว่า POTATO รักแฟนเพลงมากขนาดไหนจริงๆ อีกจุดที่ชอบคือตอนวันที่ 3 ที่ผมไป มีช็อตพี่ปั๊บยื่นไมค์ให้แฟนเพลง แล้วพี่คนนั้นเขาว้ากกลับมาแบบกระชากใจ เรียกเสียงกรี๊ดฮือฮาไปทั้งฮอลล์เลย สุดยอดจริงๆ
ที่สำคัญคือความน่ารักของแฟนเพลงด้วยกัน (ส่วนใหญ่) ตลอด 5 วันที่ผ่านมา ทั้งการร้องตามสุดเสียง โดดไปมาอย่างสุดเหวี่ยง จังหวะปรบมือเข้าจังหวะหรือเปิดแฟลชมือถือทำทะเลดาวก็พร้อมใจกันแบบไม่ได้นัดและพี่ๆ ไม่ได้ขอมาก่อน เป็น Magic Moment ที่หาได้ยาก และได้ใจมากมาย
ทำให้ตลอดเวลาเกือบ 4 ชม. ที่ดำเนินผ่านไป ผมเลือกที่จะไม่จิบน้ำแม้แต่หยดเดียว (ก่อนเข้าฮอลล์) และแม้จะเริ่มหิว เริ่มอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ก็ลืมหิว ลืมไปเลยว่าต้องแวะเข้า เพราะอยากจะเก็บทุกรายละเอียด ทุกความทรงจำที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง เหมือนที่ “พี่หั่ง” บอกว่าทุกครั้งเวลาเดินทาง จะไม่เผลอหลับแล้ววาร์ปไปถึงปลายทางเลย
เพราะชอบโมเมนต์เวลาได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและเรื่องราวระหว่างทางที่กำลังค่อยๆ ผ่านไป เก็บเกี่ยวมันเอาไว้อย่างดี ว่าเราได้มองเห็นด้านดี ร้าย ได้เรียนรู้อะไรกลับมาจวบจนปลายทางจะพบว่ามันยิ่งมีค่ามากเพียงใด
โดยรวม “ในหัวมัน” นับเป็นคอนเสิร์ตที่ตราตรึง อิ่มเอมไปทั้งหัวใจ ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มูฟออน หลายปีก็ยังคงคิดถึงจดจำ อะไรที่อยากเห็นก็ได้เห็น อะไรที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ได้เห็นกัน เป็น 5 วันที่จะอยู่ในใจแฟนเพลงเราๆ ตลอดไป ยิ่งมองว่าในวัยนี้ พี่ๆ POTATO คือตัวอย่างที่ดีของคนที่ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ฟิตปั๋ง เปี่ยมพลัง ซ้อมมาอย่างดีตลอด 2 เดือนจนออกมาเป็นภาพอันงดงาม
แม้พี่ปั๊บจะป่วยเข้า รพ. ด้วยภาวะโซเดียมต่ำ ก็ยังคงสปิริตแรงกล้า มาขึ้นเวทีต่อในวันที่ 5 เสมือนไม่เคยป่วยเลย ยิ่งตอกย้ำว่าพี่ๆ เขามืออาชีพ เคารพในผู้จัด ทีมงานทุกฝ่าย และคนดูที่รักทุกคนจริงๆ ทั้งที่ต่อให้เลื่อนโชว์วันสุดท้ายออกไป ทุกคนมีแต่เข้าใจ และมีแต่จะส่งกำลังใจให้พี่ปั๊บหายโดยเร็ว แต่ภาพที่ออกมาคือพลังแรงใจที่ส่งมาถึงแรงกายจนพาวงและแฟนเพลงร่วมดื่มด่ำกันไปได้จนถึงปลายทาง ก่อนที่ดวงไฟในฮอลล์จะค่อยๆ หรี่ลง แทนคำอำลาเพื่อนำไปสู่ “Unknown Journey” หรือการเดินทางที่ยังไม่มีใครรู้ในครั้งหน้าต่อไป
“ถ้าพูดถึงในมุมข้างใน เรากำลังจะละวางจากตัวตนเดิมของเราแล้วนะ ขอบคุณมาก โอเค แต่วันนี้เราต้องจากกัน เพราะสิ่งที่ฉันเป็นคือเวอร์ชันที่เป็นแบบนี้ ถ้าแฟนเพลงจะจำ POTATO ในวันนี้ก็อยากให้จำว่าพวกเราเป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่ ‘เปลี่ยนแปลง’ ไปตามความรู้สึกจริงๆ ที่เรามีอยู่ และเราก็อยากเอาสิ่งนี้ออกมาถ่ายทอดเรื่อยๆ ให้วงมันเติบโตไปกับความเป็นจริง ในสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ ในอนาคตข้างหน้ามันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่วันนี้ก็จำพวกเราที่มันเป็นแบบนี้ละกัน”
พี่ปั๊บ
อยากขอบคุณวง "POTATO" และทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจากใจจริง ที่ทุ่มเททำงานหนักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อ 5 วันที่น่าจดจำเหลือเกินในใจแฟนเพลง จนตอนนี้ยังไม่กล้าแกะลูกอมในงานออกมากิน อยากจะเก็บไว้แทนใจไปนานๆ
จากวันแรกที่เรารู้จักกันแค่ “ผิว” เมื่อวันวาน
ได้พ้นผ่านเข้าถึง “เนื้อ” อันเป็นตัวตนข้างใน
วันที่ “ราก” ได้หยั่งลึกลงจิตใจ เป็นประสบการณ์มากมาย
ที่เรียนรู้ เติบโต และก้าวข้ามมันมาด้วยกัน
จนถึงวันที่ “ผล” ข้างในหัวมัน ได้แสดงออกมา
เป็นมันฝรั่งทอดจานใหม่ อันเต็มไปด้วยรสชาติมากมาย
บนการปล่อยวางและความเข้าใจชีวิตมากกว่าเดิม
ท่ามกลาง “กองไฟ” อันอบอุ่นระหว่างวงและแฟนๆ
บางทีอาจเหมือนเรื่องราวที่ได้ขับขานไว้ในบทเพลง
youtube.com
จำฉันวันนี้ - POTATO「Official MV」
MV จำฉันวันนี้POTATONew Single 2025genie recordsFacebook : https://www.facebook.com/potatobandInstagram : https://www.instagram.com/potatobandX : https://www…
“จำฉันวันนี้
ช่วงเวลาที่แสนดี จำเอาไว้
จำวันคืนที่สวยงามไว้ในใจ
จำว่าฉันเคยเป็นใครที่เธอเคยมี
.
.
จำฉันวันนี้
เพิ่งเข้าใจว่าฉันมันก็แค่นี้
หลอกตัวเองมาเท่าไหร่ ต้องพอที
ฉันที่เธอเคยว่าดี ได้เปลี่ยน จาก ไป
ไม่ มี อีก แล้ว
.
.
.
จำฉันวันนี้
จำฉันวันนี้,,,”
ไม่ว่าอนาคตวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
สิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือวันนี้ของพวกเรา
ได้จดจำทุกภาพดีๆ เอาไว้ในความทรงจำ
เก็บไว้ในหัวมัน ในหัวใจ
ของแฟนเพลงทุกคน,,,🥔🎸🎶
ขอบคุณภาพจาก: POTATO
เพลง
บันเทิง
ความรัก
บันทึก
1
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย