Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Top Ranking
•
ติดตาม
24 ส.ค. เวลา 12:46 • การศึกษา
10 เหตุการณ์จลาจลสังหารหมู่ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ความขัดแย้งและความรุนแรงได้ปะทุขึ้นในรูปแบบของการจลาจลหลายครั้ง นำไปสู่การสูญเสียชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาล เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดจากความตึงเครียดทางเชื้อชาติ ศาสนา การเมือง หรือสังคมที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน และจบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจ บทความนี้จะพาไปสำรวจ 10 เหตุการณ์จลาจลและการสังหารหมู่ที่ได้รับการบันทึกว่ามีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อความขัดแย้งลุกลามจนเกินควบคุม
1. การจลาจลนิกา (Nika Riots) - ประมาณ 30,000 ราย (ค.ศ. 532)
ณ กรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ การแข่งขันรถม้าในฮิปโปโดรมได้แปรเปลี่ยนเป็นสนามเลือด เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแฟนรถม้าสองสี คือ "สีน้ำเงิน" (พวกชนชั้นสูง) และ "สีเขียว" (สามัญชน) ซึ่งลุกลามไปสู่การจลาจลต่อต้านจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 ผู้ประทับทอดพระเนตรการแข่งขันอยู่ด้วย
ฝูงชนที่ไม่พอใจในมาตรการเก็บภาษีที่เข้มงวดได้ก่อความวุ่นวาย เผาทำลายอาคารบ้านเรือนไปครึ่งเมือง รวมถึงวิหารฮาเจียโซเฟียหลังเก่า จักรพรรดิจัสติเนียนตัดสินพระทัยปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยสั่งให้แม่ทัพเบลิซาริอุสและแม่ทัพมุนดุส นำทหารเข้าปิดล้อมและสังหารฝูงชนในฮิปโปโดรม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000 คน
2. เหตุการณ์ 228 (228 Incident) - ประมาณ 18,000-28,000 ราย (ค.ศ. 1947)
เหตุการณ์นี้เป็นบาดแผลลึกในประวัติศาสตร์ไต้หวัน เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 จากการที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลก๊กมินตั๋งเข้ายึดบุหรี่หนีภาษีจากหญิงม่ายคนหนึ่งในไทเป และเกิดการกระทบกระทั่งจนมีผู้เสียชีวิต จุดประกายให้เกิดการลุกฮือต่อต้านการปกครองที่กดขี่และคอร์รัปชันของรัฐบาลก๊กมินตั๋งที่เพิ่งเข้ามาปกครองไต้หวันหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การประท้วงแพร่กระจายไปทั่วเกาะอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลก๊กมินตั๋งตอบโต้ด้วยการส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมเป็นเวลาหลายสัปดาห์ นำไปสู่การสังหารหมู่ประชาชน ปัญญาชน และผู้นำท้องถิ่นจำนวนมาก ตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยประมาณอยู่ที่ 18,000 ถึง 28,000 คน
3. การสังหารหมู่วันเซนต์บาร์โธโลมิว (St. Bartholomew's Day Massacre) - ประมาณ 5,000-30,000 ราย (ค.ศ. 1572)
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นการสังหารหมู่ชาวอูเกอโนต์ (โปรเตสแตนต์ฝรั่งเศส) โดยชาวคาทอลิกในกรุงปารีส เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นไม่กี่วันหลังจากการอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตแห่งฝรั่งเศส (คาทอลิก) กับพระเจ้าอองรีที่ 4 แห่งนาวาร์ (โปรเตสแตนต์) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสร้างความสมานฉันท์ทางศาสนา
แต่กลับกลายเป็นชนวนของความรุนแรง การลอบสังหารผู้นำชาวอูเกอโนต์คนสำคัญจุดประกายให้เกิดการสังหารหมู่ที่ลุกลามไปทั่วปารีสและเมืองอื่นๆ ทั่วฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักประวัติศาสตร์ โดยมีตั้งแต่ 5,000 ถึง 30,000 คน
4. การจลาจลต่อต้านชาวซิกข์ (1984 Anti-Sikh Riots) - ประมาณ 8,000-17,000 ราย (ค.ศ. 1984)
ภายหลังการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีอินทิรา คานธี โดยผู้คุ้มกันชาวซิกข์ 2 คนในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1984 ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลรุนแรงต่อต้านชาวซิกข์ขึ้นทั้วประเทศอินเดีย โดยเฉพาะในกรุงนิวเดลี กลุ่มผู้ก่อการจลาจลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองบางส่วนได้เข้าทำร้าย สังหาร และเผาทรัพย์สินของชาวซิกข์เป็นเวลาหลายวัน
ทางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความล่าช้าในการเข้าควบคุมสถานการณ์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 2,800 คนในเดลี และ 3,350 คนทั่วประเทศ แต่แหล่งข้อมูลอิสระหลายแห่งประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงถึง 8,000-17,000 คน
5. การสังหารหมู่ที่ปัตตาเวีย (Batavia Massacre) - มากกว่า 10,000 ราย (ค.ศ. 1740)
ในเมืองปัตตาเวีย (ปัจจุบันคือกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ ความตึงเครียดระหว่างชาวดัตช์และชาวจีนซึ่งเป็นแรงงานในไร่อ้อยได้ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อราคาน้ำตาลตกต่ำและเกิดความไม่สงบในหมู่ชาวจีน
ทางการดัตช์ได้ใช้มาตรการที่รุนแรงในการปราบปราม ซึ่งบานปลายไปสู่การสังหารหมู่ชาวจีนครั้งใหญ่ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1740 ทหารดัตช์และกลุ่มชาวพื้นเมืองได้บุกเข้าไปในย่านที่อยู่อาศัยของชาวจีนและทำการสังหารอย่างโหดเหี้ยม คาดว่ามีชาวจีนเสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน
6. การจลาจลในลวีฟ (Lviv Pogroms) - ประมาณ 6,000 ราย (ค.ศ. 1941)
ในช่วงเริ่มต้นของปฏิบัติการบาร์บารอสซาที่นาซีเยอรมนีบุกสหภาพโซเวียต เมื่อกองทัพเยอรมันเข้ายึดเมืองลวีฟ (ปัจจุบันอยู่ในยูเครน) ได้มีการค้นพบศพนักโทษหลายพันคนที่ถูกสังหารโดยหน่วยตำรวจลับโซเวียต (NKVD) ก่อนการถอยทัพ กองกำลังชาตินิยมยูเครนและชาวบ้านบางส่วนได้กล่าวหาชาวยิวว่าให้ความร่วมมือกับโซเวียต และได้ก่อเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวขึ้นสองครั้งในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ค.ศ. 1941 มีการทุบตี ทรมาน และสังหารชาวยิวอย่างทารุณบนท้องถนน คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ราว 6,000 คน
7. การสังหารหมู่ที่เตติเยฟ (Tetiyev Pogrom) - ประมาณ 4,000-5,000 ราย (ค.ศ. 1920)
ระหว่างสงครามกลางเมืองรัสเซีย ได้เกิดการสังหารหมู่ชาวยิว (โพกรม) ขึ้นหลายครั้งในยูเครน หนึ่งในครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองเตติเยฟ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1920 กองกำลังคอสแซคได้เข้าโจมตีชุมชนชาวยิวในเมือง และทำการสังหารหมู่ประชาชนอย่างโหดเหี้ยมเป็นเวลาหลายวัน บ้านเรือนและโบสถ์ยิวถูกเผาทำลาย มีผู้คนจำนวนมากถูกสังหารอย่างทารุณ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ราว 4,000 ถึง 5,000 คน และเป็นการทำลายล้างชุมชนชาวยิวในเมืองนี้จนเกือบหมดสิ้น
8. วันปฏิบัติการโดยตรง (Direct Action Day) - มากกว่า 4,000 ราย (ค.ศ. 1946)
ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1946 สันนิบาตมุสลิมแห่งอินเดียได้เรียกร้องให้มีการประท้วงทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปากีสถานสำหรับชาวมุสลิม ในเมืองกัลกัตตา (ปัจจุบันคือโกลกาตา) การประท้วงได้บานปลายเป็นความรุนแรงระหว่างชาวฮินดูและชาวมุสลิมอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด มีการฆาตกรรม วางเพลิง และปล้นสะดมไปทั่วเมืองเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "การสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่กัลกัตตา" และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน และอีกนับแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
9. การสังหารหมู่ที่โปรสคูริฟ (Proskuriv Pogrom) - อย่างน้อย 1,500 ราย (ค.ศ. 1919)
อีกหนึ่งเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวที่น่าสลดใจในช่วงสงครามประกาศอิสรภาพยูเครน เกิดขึ้นที่เมืองโปรสคูริฟ (ปัจจุบันคือคเมลนิตสกี) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 ทหารจากกองทัพประชาชนยูเครนได้เข้าสังหารชาวยิวในเมืองอย่างเป็นระบบ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,500 คน และบาดเจ็บอีกนับพันคน เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของความขัดแย้งทางเชื้อชาติและการเมืองที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในช่วงเวลานั้น
10. การสังหารหมู่ในโอเดสซา (Odessa Pogroms) - มากกว่า 400 ราย (ค.ศ. 1905)
ในช่วงการปฏิวัติรัสเซียปี ค.ศ. 1905 ได้เกิดการจลาจลรุนแรงต่อต้านชาวยิวขึ้นในหลายเมืองของจักรวรรดิรัสเซีย เหตุการณ์ในเมืองโอเดสซา (ปัจจุบันอยู่ในยูเครน) ถือว่ารุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง การจลาจลเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม โดยกลุ่มผู้สนับสนุนระบอบซาร์ได้เข้าโจมตีและสังหารชาวยิว ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนการปฏิวัติ มีการปล้นสะดมและทำลายทรัพย์สินของชาวยิวอย่างกว้างขวาง คาดว่ามีชาวยิวเสียชีวิตในเมืองโอเดสซามากกว่า 400 คนจากเหตุการณ์ครั้งนี้
เหตุการณ์จลาจลและการสังหารหมู่เหล่านี้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวของความเกลียดชัง ความไม่เข้ากันทางศาสนาและเชื้อชาติ และความขัดแย้งทางการเมืองที่ไร้การควบคุม การศึกษาประวัติศาสตร์ของโศกนาฏกรรมเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และร่วมกันสร้างสังคมที่สงบสุขและเคารพในความแตกต่างของกันและกันต่อไป
การศึกษา
ความรู้รอบตัว
สาระน่ารู้
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย