24 ส.ค. เวลา 14:55 • นิยาย เรื่องสั้น

ฟู้ดฟอร์เวิร์ด vs เชฟเอไอ: ศึกชิงบัลลังก์อาหาร (โยนกระเบื้องล่อหยก

ในโลกธุรกิจอาหารยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การแข่งขันในเมืองหลวงแห่งอาหารอย่างกรุงเทพฯ นั้นดุเดือดยิ่งกว่าไฟในครัวระดับมิชลินสตาร์ สองผู้เล่นยักษ์ใหญ่กำลังเข้าห้ำหั่นกันเพื่อช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาด โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์โบราณแต่ทรงพลังอย่าง "โยนกระเบื้องล่อหยก" ออกมาใช้ ซึ่งกลยุทธ์นี้หมายถึง การแลกเปลี่ยนสิ่งที่ดูเหมือนมีค่าน้อยกับสิ่งที่มีค่ามากกว่า
"ฟู้ดฟอร์เวิร์ด" (FoodForward) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งอาหารรายใหญ่ที่สุด ได้เปิดตัวแคมเปญ "FoodForward Unlimited" ที่ให้สิทธิ์ จัดส่งฟรีไม่จำกัดครั้ง และส่วนลด 30% ทุกออเดอร์ ด้วยค่าสมัครสมาชิกเพียง 99 บาทต่อเดือน
นักวิเคราะห์มองว่านี่คือ "อิฐ" ที่จะนำไปสู่การขาดทุนมหาศาล
แต่ฟู้ดฟอร์เวิร์ดกลับมองว่านี่คือ "กระเบื้อง" เพื่อแลกกับ "หยก" ที่มีค่ามากกว่า โดยเข้าใจหลักการที่ว่า "มูลค่าเป็นเรื่องสัมพัทธ์"
หยก" ของฟู้ดฟอร์เวิร์ดคือ:
• การสร้างฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและการผูกขาดตลาด ผ่านข้อเสนอที่ดึงดูดใจ เพื่อสร้าง "ความผูกติด" กับแพลตฟอร์ม และควบคุมตลาดในระยะยาว
• การรวบรวมคลังข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภค จากการสั่งอาหารจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นขุมทรัพย์สำหรับวิเคราะห์ตลาด พัฒนาบริการ และคาดการณ์เทรนด์อาหารเพื่อสร้างกระแสรายได้ระยะยาว
• การควบคุมระบบนิเวศของร้านอาหาร โดยมีอำนาจต่อรองที่สูงขึ้นในการกำหนดค่าคอมมิชชั่นและความร่วมมือพิเศษ
ในขณะเดียวกัน
"เชฟเอไอ" (ChefAI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI และอาหารเฉพาะบุคคล ก็ตอบโต้ด้วยกลยุทธ์ "โยนกระเบื้องล่อหยก" ในแบบของตนเอง
เชฟเอไอเปิดตัว "ChefAI Elite Box" ชุดวัตถุดิบทำอาหารพรีเมียมพร้อมสูตรเฉพาะบุคคล โดยเสนอ ชุดทดลองฟรี 1 สัปดาห์แก่ผู้ใช้ 10,000 คนแรก แลกกับการที่ผู้ใช้ต้องตอบแบบสอบถามเชิงลึกเกี่ยวกับรสนิยม พฤติกรรมการกิน และข้อเสนอแนะ รวมถึงการติดตามผล
นักลงทุนมองว่าต้นทุนของชุดวัตถุดิบเหล่านี้สูงลิ่ว ทำให้เชฟเอไอกำลังแบกรับ "กระเบื้องที่แพงระยับ" อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของเชฟเอไอเชื่อว่า "หยก" ของพวกเขานั้นแตกต่างออกไป
"หยก" ของเชฟเอไอคือ:
• การสร้างฐานลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่มีความภักดีสูง ซึ่งเป็น "ลูกค้าผู้คลั่งไคล้"
ที่ให้คุณค่ากับคุณภาพ ความแปลกใหม่ และประสบการณ์เฉพาะบุคคล ลูกค้ากลุ่มนี้จะกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และสร้าง "กระแสรายได้ระยะยาวที่น่าดึงดูดใจ"
• ข้อมูลรสนิยมที่ละเอียดและเชิงลึก
ซึ่งได้จากการตอบแบบสอบถาม ช่วยให้ AI สามารถสร้างสรรค์เมนูที่ตรงใจอย่างน่าทึ่งและพัฒนาสูตรอาหารใหม่ๆ ได้
• การกำหนดมาตรฐานสำหรับอาหารเฉพาะบุคคล (Personalized Food)
โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารส่วนบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสในการออกใบอนุญาตเทคโนโลยีหรือสร้างประสบการณ์อาหารพิเศษที่มีกำไรสูงในอนาคต
การแข่งขันในตลาดอาหารนี้ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสองฝ่ายต่างใช้กลยุทธ์ "โยนกระเบื้องล่อหยก" ด้วยความเข้าใจใน "มูลค่าที่สัมพัทธ์" และการตั้งเป้าหมาย "หยก" ที่แตกต่างกัน
ฟู้ดฟอร์เวิร์ดสร้างอาณาจักรบนฐานข้อมูลขนาดใหญ่และความสะดวกสบายราคาถูก
ขณะที่เชฟเอไอบ่มเพาะความจงรักภักดีด้วยนวัตกรรมและประสบการณ์เฉพาะบุคคล
ตลาดกำลังถูกแบ่งออกอย่างชัดเจนระหว่าง "ปริมาณ" และ "คุณภาพ" โดยที่แต่ละฝ่ายยอมสละ "กระเบื้อง" เพื่อแลกกับ "หยก" ที่ตนเองมองว่ามีคุณค่าสูงสุด ผลลัพธ์สุดท้ายของศึกแห่งหยกและอิฐคู่ขนานนี้ยังคงต้องจับตาดูต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา