Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Blockdit
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 ส.ค. เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัยไหนที่ 'ฉลาด' ที่สุดในชีวิต? และทำไมความฉลาดมันกำลังหายไปทุกวัน
โตกันมาขนาดนี้แล้วเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่า ‘เราฉลาดที่สุดตอนช่วงไหน?’ บางคนอาจจะนึกถึงช่วงวัยเรียนที่สมองยังสดใหม่ ได้เรียนรู้อะไรก็ง่าย หรือบางคนอาจจะนึกถึงตอนช่วงตอนต้นของวัยเริ่มทำงานที่ได้คิดได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ
แต่จริงๆแล้วการเดินทางความ ‘ความฉลาด’ ในชีวิตคนเรานั้นช่างซับซ้อนและน่าสนใจกว่าที่คิดมากเลยนะ เพราะมันไม่ได้มีแค่จุดสูงสุดเพียงอย่างเดียว บทความนี้จะชวนทุกคนไปสำรวจเรื่องความฉลาดกันแบบเจาะลึก เพื่อให้เข้าใจว่าความฉลาดในแต่ละช่วงวัยนั้นมีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างไร และเราจะพัฒนาตัวเองให้ฉลาดได้ตลอดไปได้อย่างไร
1
ก่อนอื่นเลยมาทำเข้าใจความฉลาดกันก่อน…
’ความฉลาด’ ไม่ใช่แค่เรื่องของ IQ หรือความเก่งในห้องเรียนเท่านั้น แต่มันมีหลายมิติและหลายประเภทที่เราต้องรู้จัก
1
1. ความฉลาดแบบของไหล (Fluid Intelligence)
ลองนึกภาพเวลาที่เราต้องแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน หรือจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ต้องอาศัยไหวพริบที่รวดเร็ว นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ความฉลาดแบบของไหล’ มันคือความสามารถในการ ‘คิดวิเคราะห์ ตรรกะ และประมวลผลข้อมูลใหม่’ ที่ส่วนใหญ่ความฉลาดนี้จะพีคสู่จุดสูงสุดในช่วง ‘วัยรุ่น’ ไปจนถึง ‘วัยผู้ใหญ่ตอนต้น’ แล้วจึงค่อยๆลดลงอย่างช้าๆตามธรรมชาติ
6
2. ความฉลาดแบบคริสตัล (Crystallized Intelligence)
อันนี้จะอยู่ตรงกันข้ามกับแบบแรกเลยครับ ความฉลาดประเภทนี้เปรียบเสมือนผลึกที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นจาก ‘ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สะสมมาตลอดทั้งชีวิต’ เคยได้ยินคำว่าตกผลึกไหมครับ นั่นแหละใช่เลย ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฉลาดในด้านนี้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความฉลาดประเภทนี้มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอายุ และเป็นรากฐานที่สำคัญในการตัดสินใจที่รอบคอบและแก้ไขปัญหาที่เคยเจอมาแล้วในอดีตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5
3. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence - EQ)
ส่วนอันนี้แยกต่างหากมันคืออีกมิติหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน มันคือความสามารถในการเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง รวมถึงการรับรู้อารมณ์ของคนอื่นด้วย ความฉลาดทางอารมณ์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของสมอง แต่เป็นเรื่องของหัวใจด้วย และมีบทบาทสำคัญมากในการใช้ชีวิต การสร้างความสัมพันธ์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ราบรื่น
2
การเดินทางของสมองและช่วงชีวิต
เอาหละตอนนี้เราเข้าใจความฉลาดแต่ละประเภทแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่ามันทำงานร่วมกันยังไงในแต่ละช่วงอายุ
วัยรุ่น (อายุ 18-25 ปี)
จุดเด่น: นี่คือช่วงที่สมองของเราทำงานได้รวดเร็วที่สุด Fluid Intelligence อยู่ในช่วงพีคสูงสุดทำให้เราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ประมวลผลข้อมูลได้ไว และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยได้ดี
2
สิ่งที่ต้องระวัง: แม้สมองจะทำงานได้อย่างทรงพลัง แต่สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตัดสินใจ การวางแผนระยะยาว และการยับยั้งชั่งใจยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้วัยรุ่นอาจจะมีการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นหรือมองข้ามความเสี่ยงไปบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการพัฒนาสมองในช่วงวัยนี้
1
วัยสร้างตัว (อายุ 30-40 ปี):
จุดเด่น: นี่คือช่วงที่น่าสนใจที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ Fluid Intelligence ยังคงอยู่ในระดับที่ดี ในขณะที่ Crystallized Intelligence เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจากการสั่งสมประสบการณ์ในชีวิตและการทำงาน ทำให้ความฉลาดทั้งสองด้านทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราสามารถใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมมาแก้ปัญหาใหม่ ๆ ได้ดีขึ้น มีความสามารถในการวางแผนระยะยาว และจัดการกับภาระหน้าที่หลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
มุมมองที่เปลี่ยนไป: วัยนี้ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาของการทำงานหนัก แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มเข้าใจตัวเองและเข้าใจโลกมากขึ้น ความฉลาดทางอารมณ์เริ่มพัฒนาขึ้น ทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นและเข้าใจความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากขึ้นด้วย
วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย (อายุ 40-50 ปี):
จุดเด่น: ในขณะที่ความเร็วในการประมวลผลข้อมูลของสมองอาจเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ Crystallized Intelligence ของเรา ‘พัฒนาถึงขีดสุด’ ทำให้เป็นช่วงที่ความรอบคอบ ความเชี่ยวชาญ และความลึกซึ้งในเรื่องต่าง ๆ นั้นโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เรามีคลังความรู้และประสบการณ์มหาศาลที่พร้อมจะนำมาใช้ในการแก้ปัญหา ตัดสินใจ และให้คำปรึกษาได้อย่างแม่นยำและรอบด้าน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ‘คนวัยนี้มักจะเป็นผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญในสายงานของตัวเอง’ ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมา
3
1
วัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป):
จุดเด่น: แม้ความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วจะลดลงไปตามธรรมชาติ แต่ ความฉลาดทางอารมณ์ ของผู้สูงอายุจะพัฒนาถึงขีดสุด ทำให้เป็นช่วงวัยที่สงบสุข เข้าใจโลก และมองเห็นคุณค่าของชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง ผู้สูงอายุหลายคนยังมีทักษะที่เรียกว่า "ปัญญาญาณ" (Wisdom)
3
1
ซึ่งเป็นความสามารถในการมองเห็นภาพรวมของชีวิต และให้คำแนะนำที่มีคุณค่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งชีวิต ที่สำคัญ สมองยังคงมีความสามารถในการปรับตัวที่เรียกว่า Neuroplasticity ซึ่งหมายความว่าเราสามารถเรียนรู้และสร้างเส้นใยประสาทใหม่ ๆ ได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
3
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เราฉลาดได้ตลอดชีวิต
นอกจากอายุแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราสามารถควบคุมได้ เพื่อช่วยให้สมองและจิตใจของเราแข็งแรงอยู่เสมอ
★
ปัจจัยด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต
- การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้สมองจัดระเบียบความทรงจำและข้อมูลในแต่ละวัน อาหารที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงเซลล์สมอง และการออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ การจัดการความเครียดก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะความเครียดเรื้อรังจะส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองในระยะยาว
3
★
ปัจจัยด้านอิทธิพลของเทคโนโลยี
- ยุคนี้อะไรก็ง่ายไปหมด การเข้าถึงข้อมูลต่างๆทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เทคโนโลยีช่วยให้เราพัฒนา Crystallized Intelligence ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง แต่ในทางกลับกัน การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปก็อาจทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาด้วยตัวเองลดลงได้ เพราะเรามักจะค้นหาคำตอบจากอินเทอร์เน็ตมากกว่าที่จะคิดด้วยตัวเอง
3
ความฉลาดในโลกยุคใหม่...ทักษะที่ขาดไม่ได้
โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความฉลาดจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้ในตำราเรียนอีกต่อไป แต่รวมถึงทักษะอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน
ความฉลาดเชิงดิจิทัล (Digital Intelligence):
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย
การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking):
- ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาอย่างรอบด้านและมีเหตุผล ก่อนจะตัดสินใจเชื่อหรือทำอะไร
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity):
- ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือหาทางออกที่ไม่เหมือนใครให้กับปัญหา ซึ่งกลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในโลกการทำงานปัจจุบัน
"สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามที่ว่า ‘ช่วงอายุไหนฉลาดที่สุด’ จึงไม่มีคำตอบตายตัว"
‘ไม่มีใครฉลาดที่สุด แต่เราฉลาดในแบบของเรา’
เพราะความฉลาดของคนเรานั้นเดินทางและเปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงวัย สิ่งสำคัญไม่ใช่การหาว่าเราฉลาดที่สุดตอนไหน แต่เป็นการใช้ความฉลาดที่เรามีในแต่ละช่วงวัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด และที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี และการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นคนที่ฉลาดขึ้นได้ตลอดชีวิตครับ
1
มาคอมเมนต์กันหน่อยว่าตอนนี้คุณกำลังใช้ความฉลาดในด้านไหนอยู่บ้าง?
Blockdit
Ref.
https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/brain_miracle_01/
https://samitivejchinatown.com/th/article/health/Top-Foods-for-Brain
https://thestandard.co/opinion-eq-essential-skill/
https://en.wikipedia.org/wiki/Fluid_and_crystallized_intelligence
📊ชวนตอบแบบสำรวจประสบการณ์การใช้งานแอปฯ Blockdit
ใช้เวลาไม่นาน 1 - 2 นาทีเท่านั้นเอง
📌 ทำแบบสำรวจ 👉
https://bit.ly/4iTuZtx
⭐️โปรโมตแบรนด์ให้ตรงเป้า เข้าถึงคนจริง แบบมีคุณภาพ บนแพลตฟอร์ม Blockdit
สนใจกรอกฟอร์ม 📲
https://bit.ly/497KSYM
ความรู้รอบตัว
ความรู้
blockdit
108 บันทึก
134
4
168
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Blockdit Series : DID YOU KNOW?
108
134
4
168
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย