Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
P. Jangji อ่านแล้วก็กิน กินแล้วก็อ่าน
•
ติดตาม
26 ส.ค. เวลา 13:59 • หนังสือ
หนังสือ "มนุษย์ร้านสะดวกซื้อ"
ซายากะ มุราตะ เขียน
ธนกร บรรจงปรุภัทรา แปล
การดำเนินชีวิตตามมาตรฐานสังคมและทำในสิ่งที่ผู้อื่นมองว่าปกตินั้นกลายเป็นสภาพแวดล้อมแห่งความกดดันที่ผู้คนมากมายต้องเผชิญ ในขณะที่มนุษย์ล้วนมีความแตกต่างและทางที่พวกเขาเลือกเดินอาจไม่ตรงตามมาตรฐานของสังคม ทว่าการใช้ชีวิตที่หลายคนมองว่าผิดปกติหรือน่าอายนั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นหนทางที่ใครบางคนเลือกเพื่อให้ได้พบกับความสุขและความหมายที่แท้จริงของชีวิตก็ได้ (คำนำสำนักพิมพ์)
ขณะที่สังคมส่วนใหญ่พร่ำบอกให้คนต้องแตกต่าง โดดเด่นแสดงความเป็นปัจเจกออกมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ในความเป็นจริง ใครเล่าคือผู้ช่วยดำรงไว้ซึ่งปกติวิสัยที่ทำให้สังคมดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น หากไม่ใช่คนที่มุ่งมั่นทำแต่เรื่องธรรมดาสามัญจนเชี่ยวชาญ (คำนำผู้แปล)
"มีอะไรเหรอ เคโกะ อ้าว คุณนกน้อย...บินมาจากที่ไหนกันนะ น่าสงสารจังเลย เราทำหลุมฝังศพให้มันดีไหม" แม่บอกอย่างอ่อนโยนพลางลูบหัวฉัน แล้วฉันก็ตอบกลับไปว่า "กินไอ้นี่กันเถอะ" "เอ๊ะ" "คุณพ่อชอบไก่ย่างไม่ใช่เหรอ วันนี้เราเอาไอ้นี่ไปย่างกินกันเถอะ" แม่คงได้ยินไม่ถนัด พอฉันพูดซ้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม่ก็ถึงกับตกตะลึง คุณแม่ของเด็กอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆคงตกใจเหมือนกัน เพราะตา จมูก และปากของเธอเปิดออกกว้างอย่างพร้อมเพียง เธอทำหน้าประหลาดเสียจนฉันเกือบหัวเราะออกมา
แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจับจ้องไปที่มือของฉัน ฉันก็คิดว่า อ้อ ตัวเดียวคงไม่พอ "ต้องเอามาเพิ่มอีกใช่ไหม" เมื่อฉันเหลือบมองไปยังนกกระจอกสองสามตัวที่เดินอยู่ใกล้ๆ แม่ซึ่งได้สติกลับมาแล้วก็ตะโกนจนสุดเสียงว่า "เคโกะ!" ด้วยน้ำเสียงตำหนิ "เรามาขุดหลุมฝังศพให้คุณนกน้อยกันเถอะนะ เห็นไหมทุกคนร้องไห้กันอยู่ เพื่อนตายก็ต้องเศร้าใช่ไหมล่ะ นี่ น่าสงสารใช่ไหม" "ทำไมล่ะ ไหนๆมันก็ตายแล้วนี่นา" แม่พูดไม่ออกเมื่อได้ฟังข้อสงสัยของฉัน...
แม่ยังพยายามบอกฉันว่า "ฟังนะ คุณนกน้อยตัวเล็กน่าสงสาร เราทำหลุมศพให้มันตรงโน้นและเอาดอกไม้ไปวางพร้อมกับทุกคนกันเถอะนะ" และสุดท้ายก็เป็นไปตามที่แม่พูด ทว่าฉันไม่อาจทำความเข้าใจได้เลย ทุกคนพากันบอกว่านกน้อยน่าสงสารพลางร้องห่มร้องไห้ แต่กลับฆ่าดอกไม้ที่อยู่แถวนั้นด้วยการกระชากก้านมันออกมา ทั้งยังพูดทำนองว่า "ดอกไม้สวยๆแบบนี้ คุณนกน้อยต้องดีใจแน่เลย"
ฉันมองภาพนั้นแล้วคิดว่าคนเหล่านั้นท่าจะเพี้ยนไปแล้ว นกน้อยถูกฝังลงในหลุม ภายในรั้วที่เขียนว่า "ห้ามเข้า" ใครบางคนเก็บไม้ไอศครีมมาจากถังขยะแล้วปักไว้บนดิน จากนั้นก็สังเวยนกด้วยซากของดอกไม้จำนวนมาก แม่กระซิบให้ฉันฟังอีกหลายหนว่า "เห็นไหม เคโกะ เศร้าเนอะ น่าสงสารจริงๆเลย" แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้นสักนิด (หน้า7- 8)
ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ได้เห็นผู้คนหลากหลายประเภทอย่างเช่น นักศึกษา วัยรุ่นชายที่ทำวงดนตรี คนไม่มีงานประจำ แม่บ้าน หรือนักเรียนมัธยมปลายภาคค่ำ ต่างต้องมาสวมใส่เครื่องแบบเดียวกัน แล้วกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "พนักงานร้าน" เหมือนกัน และเมื่อการฝึกอบรมในแต่ละวันจบลง ทุกคนก็จะถอดเครื่องแบบออกแล้วกลับสู่สภาพเดิม ฉันรู้สึกกระทั่งว่าพวกเรากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นยังไงยังงั้น (หน้า 16-17)
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้สำเร็จ มันคือห้วงเวลาที่ตัวฉันถือกำเนิดขึ้นใหม่ วันนั้นคือวันที่ฉันได้เกิดมาในฐานะชิ้นส่วนปกติของสังคมอย่างแท้จริง (หน้า 20)
ลักษณะการพูดคือสิ่งที่ฉันได้รับถ่ายทอดจากคนใกล้ตัวมากเป็นพิเศษ วิธีการพูดของฉันในตอนนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างคุณอิซูมิกับคุณซูงาวาระนั่นเอง ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นแบบนั้น... ดังนั้นวิธีการพูดของฉันก็คงส่งผ่านไปสู่ใครบางคนเหมือนกัน การถ่ายทอดลักษณะบางอย่างให้กันและกันแบบนี้อาจเป็นวิธีรักษาความเป็นมนุษย์ให้คงอยู่ต่อไปได้ ฉันคิดอย่างนั้น (หน้า 27)
"ถูกไล่ออกจากงานพิเศษของร้านสะดวกซื้อตอนอายุเท่านี้ ก็คงจบสิ้นแล้วละ ตายข้างถนนไปทั้งอย่างนั้นเลยก็ดี!" ทุกคนส่งเสียงหัวเราะ "นั่นสินะคะ!" ฉันเองก็พยักหน้าเออออด้วย พลางคิดว่า ถ้าฉันกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมเมื่อไร ก็คงถูกกำจัดแบบนี้เหมือนกัน "ต้องหาคนใหม่อีกแล้วสินา เปิดรับสมัครอีกแล้วกัน" เมื่อเซลล์หนึ่งตายไป เซลล์ใหม่ของร้านก็จะมาแทนที่ เช่นนี้ ...
ฉันถือตะกร้าไปที่เคาน์เตอร์ให้ลูกค้า จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วพึมพำเหมือนวันก่อน "ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆนะ" วันนี้มีคนหายไปจากที่นี่หนึ่งคนนะคะ ฉันคิด แต่ไม่ได้พูดออกไป ก่อนจะเอ่ยว่า "ขอบคุณมากค่ะ" แล้วเริ่มสแกนบาร์โค้ดสินค้า ภาพของลูกค้าตรงหน้าซ้อนทับกับหญิงสูงอายุที่ฉันคิดเงินให้เป็นครั้งแรกเมื่อ 18 ปีก่อน หญิงสูงอายุคนนั้นก็ถือไม้เท้าและมาที่นี่ทุกวันเหมือนกัน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ไม่มาอีก ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเพราะสุขภาพร่างกายของเธอแย่ลงหรือว่าเธอย้ายบ้านไปแล้วกันแน่
ทว่าฉันมั่นใจว่ากำลังทำให้ภาพเดียวกับวันนั้นเกิดขึ้นซ้ำอยู่ตั้งแต่ครั้งนั้นพวกเราก็ต้อนรับภาพยามเช้าเช่นนี้มาแล้วทั้งสิ้น 6,607 ครั้งฉันวางไข่ลงในถุงพลาสติกเบาๆ แม้จะไม่ใช่ฟองเดียวกันแต่ก็เป็นไข่แบบเดียวกับที่ขายไปเมื่อวาน "ลูกค้า" รับถุงพลาสติกที่เหมือนกับใบเมื่อวาน ซึ่งใส่ตะเกียบที่เหมือนคู่เมื่อวานเอาไว้ แล้วก็รับเงินทอนไปและยิ้มให้กับยามเช้าเช่นเดียวกับเมื่อวาน (หน้า 73-74)
"เอ๊ะ ทั้งที่เกลียดพวกคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัว แต่กลับพยายามใช้ชีวิตเพื่อให้คนพวกนั้นเลิกบ่นหรอคะ" ฉันประหลาดใจ สุดท้ายแล้วแบบนั้นก็คือการยอมรับโลกในทุกๆแง่มุมไม่ใช่เหรอ (หน้า 87)
แล้ววันสุดท้ายของฉันที่ร้านสะดวกซื้อก็มาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวประหนึ่งการทำงานตลอด 18 ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น (หน้า 136)
แม้จะทำงานที่นี่มาตั้ง 18 ปี แต่ช่วงเวลาสุดท้ายนั้นช่างง่ายดาย (หน้า 138)
สังคมนั้นเรียกร้อง (จนถึงขั้นยุ่งยากและน่ารำคาญถึงขีดสุด) ให้ผู้คนมีชีวิตอย่าง "ปกติ" แต่ตัวละครเอกตกผลึกได้ว่า "ชีวิตที่ปกติ" ก็มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นดังคู่มืออยู่เช่นกัน (หน้า 162)
หนังสือ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย