27 ส.ค. เวลา 07:25 • ความคิดเห็น
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสังขาร ไม่มีกายเป็นมนุษย์ ก็ต้องไปหาสังขารใหม่ ..รูปใหม่ ..ให้จิตอาศัย..
เรื่องราวของคนที่ ตายไป ที่เราเคยเห็น รูปนั้น เคยเดิน เคยนั่ง เคยพูด . มีกิริยาท่าทางต่างๆ เมื่อรูปนั้นสลายหายไป ไม่มีรูปนั้น มาเดืนมา ในโลกอีก มันก็ เหลือแต่ความทรงจำ จดจำ ที่บันทึกไว้ ในตัวตน ในกายที่เราอาศัย นึกเมื่อไหร่ อารมณ์ในกายก็ปรุงแต่ง ส่งขึ้นมาให้จิต .มาไหน มาจากธาตุทั้งสี่ ที่ตาเราเก็บภาพเสียงจดจำมา มันเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เรียกว่า สฬายะ ..ที่จิตเราเก็บเรื่องราวต่างๆ ที่วิญญาณหก อายตนภายนอก ภายใน
..สัมผัสทั้งหลายที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ ..ปรุงแต่ง จดจำ ชอบไม่ชอบ รักใคร่ เกลียดชัง มันก็สะสมอยู่ในธาตุทั้งสี่ ที่กระจายมาเป็นอารมณ์ ผ่านจิต .จิตส่งขึ้นไปที่หัวที่สมอง ที่หน้าตา นั่นเป็นเรื่องของจิตที่มาอาศัยกายอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
แล้วจิตนั้นก็ต้องออกจากกายนี้ไป คราวนี้จิตที่มาอาศัยกาย ก็หลงใหลกายว่า กายนี้เป็นสุข ไม่เคยมองว่า กายนี้เป็นทุกข์ ก็เพลิดเพลินใช้กาย สะสมในสิ่งที่เค้าเรียกว่า กรรม กรรมนั้นก็คือทุกข์ที่จิตนั้นสะสม ต้องไปอาศัย ในสถานที่ ที่ธาตุทั้งสี่นำพาไป ไปเกิดที่นั้นที่นี่
ครั้งหนึ่ง มีเพื่อนจากไป ด้วยเรื่องของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เราก็ไปงานเพื่อน ตั้งแต่รดน้ำศพ จนสวดอภิธรรม พอพระให้พร เพื่อเรา ก็มายืนข้างหน้าเรา ที่นั่งอยู่นอกศาลาธรรมสังเวช เพื่อยืนตัวตรงพนมมือนิ่ง อยู่ในชุดที่สวมชุดรดน้ำอาบศพ เราก็ยังคิดในใจ ..เอ..ดีตอนมีชีวิตอยู่ทำไม ไม่เคยเห็นเพื่อน ทำกิริยาท่าทางเรียบร้อง ก็ไปพระท่าน เล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าเค้ารู้ตัวว่าตาย
มาอีก เรื่องหนึ่ง เป็นนักบวช ก็เสียชีวิตจากไป พวกเราสวดมนต์ ก็มายืนโบกไม้โบกมือ ว่าสบาย อ้อ..นี่ยังๆ ยังไม่รู้ตัวว่าตาย ทำเป็นอวดว่าสบาย พอวันเผา เปิดโลง เท่านั้นแหละ แหม..มีไอ้หนุ่มฉกรรจ์ มางาน .มันร้องเป็นวักเป็นเวร กระโดเกาะเอวผู้หญิง ..เราก็มาดู ซ.แหมหลบหน้าหลบตา กลัวว่าจะรู้ว่าเป็นใคร ..พอตกเย็น ก็มาร้องของ ..ช่วยด้วยๆ ..พระท่านก็บอกว่า ..ช่วยแล้ว ข่วยบอกว่า ให้รีบสร้างบุญกุศล ตอนที่เป็นคน ตอนนี้ช่วยไม่ได้แล้ว มันไม่มีกายที่จะเอาไปสร้างบุญกุศล หมดโอกาสแล้ว
ไปงานศพเพื่อนที่วัดศรีเอี่ยม บางนา นั่งฟังพระสวดมนต์ ก็มีภาพผู้หญิง ใส่เสื้อสีฟ้า ก้มตัวมายกมือไหว้ ทำเสียงกระซิบ เอามือชี้ไปข้างหลังบอกว่า กำลังเผาๆ พอพระสวดผ่านไปจบหนึ่ง เราก็ไปยืนหน้าเมรุ..ที่มีคนกำลังเก็บพวงรีด จะเข้าไปถามเค้า ว่าที่กำลังเผาเป็นหญิงเป็นชายแต่มาคิดๆดู ไม่ถามดีกว่า พอพระสวดอีกจบหนึ่ง เราก็มายืนที่หน้าเมรุ มีเพื่อนมาถามว่า มายืนทำไมตรงนี้ เราก็บอกว่า กำลังดูอะไรหน่อย ก็พอดีมีคนไปหันรูปที่ตั้งอยู่บนเมรุ หันมาให้ดู..อ้อ..เหมือนคนที่มาบอกเราว่า กำลังเผาๆ สวมเสื้อผ้าสีเดียวกันเลย
เรื่องราวที่ว่า จิตเปลี่ยนสังขาร ..มีเรื่องหนึ่งไปงานศพ .คนที่รู้จัก มีฐานะเงินทองมาก ตอนที่นั่งฟังพระสวด ก็เหมือนมีเด็ก มากอดรัดตัว พอเราก็มาบ้าน สวดมนต์ ก็เหมือนมีอะไรเล็กอยู่ข้างตัว พอมองดู เอ้า..ไอ้ตัวเล็ก ..มันยืดตัวสูง ก็มองตามไป .วุ้ย ..ตัวสูงเท่าต้นตาลสูง ..เปลี่ยนสังขารเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ..ที่เค้าเรียกว่า เปรต
คราวนี้ เรื่องจิต ที่ว่า ตายแล้วไปไหนบ้าง เราทำบุญทำทาน นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมไป วันหนึ่ง เราก็อาจจะได้เห็น มีรูปที่ไม่ใช่คน เดินมานั่งพับเพียบเรียบร้อย ..มานั่งพนมมือข้างหน้า ..มาขอส่วนบุญ พอบอดให้เค้าอนุโมทนา รูปนั่นก็หายไป แหม่..นั่นรูปที่ดีๆ คราวนี้ พอรูปที่เป็นทุกข์ แสบร้อนทุกข์ เข้ามาหา ..เราก็รับ สัมผัส รับรู้ถึงความทุกข์เค้าได้ ว่าเค้าทุกข์อย่างไร เมื่อจิตนัรไม่มีกายเป็นมนุษย์ นี่เอาเฉพาะ จิตที่อยู่ใกล้ๆ ใกล้ตัวเรา ที่เรียกว่า โลกวิญญาณ
บางเรื่องเกจิอาจารย์ ท่องคาถาอาคม ..พอจิตไม่มีกาย ..ไปแล้วไปเลย จิตไปถูกเก็บในเมืองนรก เพราะชักนำให้คนนั้นหลง ทำตนเป็นผู้หลง ว่าข้ามีของดี เป็นอันธพาล แล้วตัวเอง ก็ไม่รู้จัก ไอ้ที่ไปเรียกร้องเอา ตัวกระทำไสยศาสตร์ ศาสตร์ตัวกระทำ ไปทำให้ผู้อื่นหลงใหล มึนเมา ทำเรื่องราวดีๆที่จะช่วยเหลือ จิตตัวเองไม่ได้ ยุยงส่งเสริมให้ผู้าอื่นหลงใหล เพิ่มพูนความโลภโกรธหลงให้ทวีคูณมากขึ้น จึงต้องไปตกนรกยาวนาน ทุกข์ทรมานยาวนาน ..จิตถูกเก็บยาวนาน
โฆษณา