27 ส.ค. เวลา 16:30 • สุขภาพ

5 คำต้องห้าม เมื่อคุณเดินเข้าร้านยา

ช่วงนี้กระแสคำต้องห้ามกำลังมาแรง ทั้งในที่ทำงาน ไปเดทกับแฟน ไปเสนอสินค้า ติดต่อกับลูกค้า และหลากหลายบริบท
แต่อีกหนึ่งสถานการณ์ที่เรามักต้องเจอโดยไม่รู้ตัว คือการพบปะกับบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรอื่นๆ
กรณีนี้จะยกบริบทร้านยา ซึ่งผมมีประสบการณ์ตรง ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าหลายครั้ง
ความเข้าใจของผู้มารับบริการ กับความคาดหวังของเราในฐานะเภสัชกร มันช่างแตกต่างกันนจนน่าตกใจ และทำให้ในหลายครั้ง ก็อาจกลายเป็นปมความไม่เข้าใจระหว่างเภสัชและผู้รับบริการ
วันนี้จะมานำเสนอว่า คำพูดแบบไหนบ้าง ที่ไม่ควรพูดกับเภสัชร้านยา แม้ว่าเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติในบริบททั่วไปก็ตาม
1. ยาแก้อักเสบ
วาทกรรมอมตะแห่งร้านยา คลินิก และโรงพยาบาล เป็นคำที่ทำให้ทั้งหมดและเภสัชหมดยาแก้ปวดหัวไปหลายกระปุก ซึ่งเอาจริงๆก็โทษใครไม่ได้ เพราะก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์เองนั่นแหละ ที่สอนให้คนไข้พูดแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว(ทุกวันนี้ก็ยังเห็นอยู่บ้าง)
1
เมื่อมีอาการเจ็บคอ ผู้รับบริการมักเดินมาที่ร้านยา แล้วกล่าวกับเภสัชว่าตนมองหายาแก้อักเสบ โดยคาดหวังว่าตนจะได้รับยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยา Amoxicillin (หลายคนจำชื่อยาได้ด้วย แต่ทำฟอร์มจำไม่ได้)
เรื่องนี้เป็นปัญหา และสร้างความเสียหายเชิงเศรษฐกิจอย่างมาก ความเข้าใจผิดๆแบบนี้ของคนไข้ทำให้เกิดการใช้ยาในทางที่ผิด เช่น การใช้ Amoxicillin เพื่อรักษาบาดแผลจากการโดนท่อรถยนต์ หกล้ม มีดบาด ซึ่งภาวะเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการใช้ยา Amoxicillin แต่อย่างใด
ซึ่งนอกจากจะไม่หาย เสียตังค์เปล่าแล้ว การใช้ยาปฏิชีวนะแบบพร่ำเพรื่อนำไปสู่ปัญหาการดื้อยา นำไปสู่การเจ็บป่วย เสียชีวิต สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากมาย
1
ดังนั้นหากคุณเข้าร้านยาครั้งหน้า ก่อนจะคิดเรื่องขอยาแก้อักเสบ ลองสังเกตอาการตัวเองดีๆ จำให้ได้ แล้วไปบอกกับเภสัช เพื่อให้เภสัชช่วยพิจารณาว่า มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่
2. ยาแรงๆ
หลายคนมักเข้าใจ ว่ายามีหลายระดับ คำว่ายาแรงถูกใช้ในหลายบริบทของสังคม ส่วนใหญ่มักสะท้อนถึงการเอาจริง การใช้มาตรการแตกหัก หรือกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และส่วนมากมักเข้าใจไปเองว่า การใช้ "ยาแรง" มักต้อง trade off กับอะไรบางอย่าง เช่น อาการข้างเคียง หรือผลลัพท์บางประการที่ไม่ถึงประสงค์
แต่ในทางเภสัชวิทยาแล้ว ยาแรงในบริบทที่คนทั่วไปเข้าใจนั้นเป็นสิ่งที่ห่างไกลกันมาก ยาแต่ละตัวที่มีใช้ในปัจจุบันล้วนมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
เปรียบเทียบได้กับการที่คุณเป็นหัวหน้างาน ยาแต่ละตัวก็ไม่ต่างอะไรกับลูกน้องในแผนก ที่คุณต้องใช้ให้ถูกงาน เพื่อให้ได้ผลลัพท์สูงสุด
ดังนั้น เมื่อคุณเดินเข้าร้านยา แล้วพูดว่า "ขอยาแรงๆหน่อย" ถ้าเภสัชไม่เทศนาอะไรกลับมา เขาก็จะเดินไปหยิบยา แต่ไม่ใช่ยาแรงแบบที่คุณต้องการ แต่เป็นยาที่เหมาะสมกับบริบทของคุณที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของคุณจริงๆ
3. เขาฝากมาซื้อ
อีกหนึ่งวลีฮิตสกิดต่อมวีนของเภสัช การฝากซื้อมักถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธข้อมูลบ้างประการ เช่น การแพ้ยา โรคประจำตัว ภาวะบางอย่าง
ที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอคือจะซื้อยาไปให้ลูกที่อายุหลักขวบ แต่จำอะไรไม่ได้เลย อายุก็บอกคลุมๆ น้ำหนักก็จำไม่ได้ แต่ดันบอกว่าตัวเองเป็นพ่อ อันนี้รู้สึกแปลกมาก เพราะคนเป็นพ่อน่าจะรู้ว่าข้อมูลพื้นฐานของลูกเหล่านี้มีความสำคัญ
ดังนั้นหากมีใครฝากคุณไปซื้อ หรือคุณจะฝากใครไปซื้อยา โปรดบอกเงื่อนไขสุขภาพที่ครบถ้วนแม่นยำ เพื่อการใช้ยาที่เหมาะสมและปลอดภัย
2
4. เขาบอกว่ากินแล้วหาย
เชื่อแบบนี้ ระวังจะหายหมด วลีนี้เจอบ่อยมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรค NCDs เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน คนไข้มักเชื่อว่า ยาคความดันใช้ได้เหมือนกัน เพียงเพราะว่ามันเรียกว่ายาความดัน ไขมัน เบาหวาน ซึ่งสิ่งนี้ไม่จริง ยาแต่ละโรคมีตัวยาที่กลไกและผลลัพท์หลากหลาย การแชร์ยาให้กันกินโดยไม่ทราบตัวยา หรือการขอซื้อยาเพียงเพราะว่าเห็นคนอื่นใช้ นอกจากอาจจะไม่ได้ผลการรักษาแล้ว ยังเสี่ยงจะเกิดอาการข้างเคียง เกิดยาตีกัน หรือร้ายแรงที่สุดคือการแพ้ยาซ้ำ ซึ่งอาจสร้างอันตรายถึงชีวิตได้
2
5. ไม่ขายก็ไปซื้อร้านอื่นอยู่ดี
1
เชิญญญญ!!!!
5
อ้างอิง
ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ
โฆษณา