นิโคลัส ทอร์ ผู้ถูกยกให้เป็น ผบ.ตร. ที่สุดในฟิลิปปินส์ แต่ถูกเด้งหลังรับตำแหน่งเพียง 85 วัน
Blockdit Originals: บทความพิเศษ
บ้านเรานั้น มักมีความสัมพันธ์อันขมขื่นมาตลอดกับคำว่า "คนดี" ไม่มี "ที่ยืน" ไม่ว่าจะตีความหมายแบบตรงตัวว่า เป็นการคนดีไม่ได้ช่วยเสริมอิทธิฤทธิ์ใดๆให้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ได้ หรือแม้แต่การตีความ ถึงการเป็น "คนดี" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน "คนดี" ของเรา อาจจะไม่ใช่ "คนดี" ของคนอื่น หรือวันนี้อาจจะเป็นคนดี แต่พรุ่งนี้ อาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้ หรือแม้แต่คำว่า "ที่ยืน" ที่เหมาะสม มันก็สามารถยักย้าย ถ่ายเท เปลี่ยนที่ได้ ตามยุค ตามสมัย
เช่นเดียวกับ เส้นทางชีวิตของ นิโคลัส ทอร์ ที่ 3 (์Nicolas Torre III) ผู้ที่ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยกให้เขาเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฟิลิปปินส์เคยมีมาในประเทศ แต่สุดท้ายกลับถูกเด้งฟ้าผ่า โดยคำสั่งด่วนของประธานาธิบดี บอง บอง มากอส หลังรับตำแหน่งเพียง 85 วัน สร้างประวัติศาสตร์ ผบ.ตร. ที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดของฟิลิปปินส์
จะว่าสุขภาพไม่ดี ก็ไม่ใช่ เพราะตำรวจใหญ่รายนี้เพิ่งจาก 55 ปี รูปร่างสันทัด ยังฟิตและแข็งดี เรื่องอื้อฉาวส่วนตัวก็ไม่มี เรื่องผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ต้องพูดถึง มีผลงานยอดเยี่ยมเป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายงาน
อาทิ เป็นผู้นำชุดปราบปราม บุกจับ บาทหลวง อพอลโล ควิโบรอย ผู้นำนิกาย Kingdom of Jesus Christ กลางอาศรม ที่เมืองดาเบา ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว พรากผู้เยาว์ ฟอกเงิน และค้ามนุษย์ ภายใต้หน้ากากนักบุญผู้ทรงอิทธิพลทั้งในโลกศาสนา และ การเมืองในฟิลิปปินส์มานานหลายปี
และล่าสุด เขายังทำหน้าที่หัวหน้าชุดปฏิบัติการจับกุม โรดริโก ดูเตอร์เต อดีตผู้นำฟิลิปปินส์ คาสนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปีนี้ ตามหมายจับของศาลอาญาโลกในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติแล้วนำตัวไปส่งให้ถึงศาลที่กรุงเฮกใน เนเธอร์แลนด์ทันที ในปฏิบัติการลับสุดยอดที่ชื่อว่า "Operation Pursuit"
ซี่งก็เป็นผลงานที่สร้างชื่อให้เขาได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ คนที่ 31 ของฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เขาเป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร ที่มีโอกาสได้คุมตำรวจทั่วประเทศมากกว่า 2.3 แสนนายโดย อดีต ผบ.ตร. ที่ผ่านมาของฟิลิปปินส์เกือบทั้งหมดเป็นเด็กจากโรงเรียนเตรียมทหาร
จากความเห็นส่วนใหญ่ของชาวเน็ตฟิลิปปินส์ ก็รู้สึกพอใจที่ได้ นิโคลัส ทอร์มานั่งเป็นผบ.ตร. และตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมตำรวจ คดีอาชญากรรมในฟิลิปปินส์ก็มีแนวโน้มลดลง และภาพลักษณ์ตำรวจฟิลิปปินส์ก็ดูดีขึ้น แต่หลังผ่านไปเพียงไม่ถึง 3 เดือน ก็มีคำสั่งจากประธานาธิบดี บอง บอง มากอส เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้ปลด นิโคลัส ทอร์ จากตำแหน่งผบ.ตร. และแต่งตั้ง โฮเซ่ เมเลนซิโอ นาร์ตาเตซ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเด็กสายโรงเรียนเตรียมทหาร
ข่าวการปลดบิ๊กทอร์ สร้างความงุนงงให้กับคนทั้งประเทศ และเมื่อสอบถามไปยัง จอนวิค เรมุลลา รัฐมนตรีมหาดไทยของฟิลิปปินส์ถึงเหตุผลปลด นิโคลัส ทอร์ เขาก็ได้แต่ตอบแบบคลุมเครือว่า
"อันที่จริง ทอร์ ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาคดีทางอาญา คือทางการเมืองในช่วงรับตำแหน่ง ส่วนความสัมพันธ์กับผู้นำ (บอง บอง มากอส) ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้ผิดใจกัน ดังนั้นการปลดนายทอร์ เป็นเรื่องที่"ยากแต่ก็จำเป็น" และเป็นการตัดสินใจเพื่อกำหนดทิศทางให้กับกรมตำรวจแห่งชาติของท่านประธานาธิบดี"
และยังเสริมอีกว่า "ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่นำโดยกฎหมาย ไม่ใช่มนุษย์ แต่ตัวสถาบันต้องเป็นหลักที่ใหญ่กว่าคนที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปบริหาร"
แต่ทั้งนี้ เบื้องลึก เบื้องหลัง ของการเด้งฟ้าผ่า น่าจะมาจากความขัดแย้งกันระหว่าง 2 ขั้วอำนาจในวงการตำรวจระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ หรือ (Napolcom) ที่มีหน้าที่จัดระเบียบในองค์กรตำรวจฟิลิปปินส์อีกที
โดย นิโคลัส ทอร์ เมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. เขาได้เริ่มแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจกว่า 13 นาย เปิดทางให้เพื่อนร่วมสถาบันจากสายตำรวจให้ขึ้นมาสืบทอดอำนาจต่อจากเขาได้ ในวันที่เขาลาตำแหน่ง และเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจะขัดใจคนจาก Napolcom จนนำไปสู่ความขัดแย้งที่ทำให้ผู้นำอย่าง บอง บอง มากอส จำเป็นต้องเลือก และจากคำสัมภาษณ์ของ รมต. มหาดไทย ก็ชัดเจนว่า มากอส ต้องเลือกรักษาองค์กรมากกว่าตัวบุคคล
ต่อมา นิโคลัส ทอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถีงการโยกย้ายเขาออกจากตำแหน่งว่า "ผมไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไร และผมเป็นทหารที่ดี หากมีคำสั่ง ผมก็แค่ทำตาม” เท่านั้นเอง
ทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ กำลังพิจารณาตำแหน่งใหม่ให้กับเขา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นตำแหน่งอะไร และ การเป็นคนดี มีความสามารถ หรือคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าจะเลือก "ที่ยืน" ได้เสมอไป เพราะในฟิลิปปินส์นั้น "ที่ยืน" ต้องอยู่ในจุดที่ถูกต้องในมิติของเส้นสาย ธรรมเนียมวัฒนธรรมของสถาบัน ที่ลำพังนายตำรวจธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 85 วันอย่างแน่นอน
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
- 20
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
