29 ส.ค. เวลา 06:37 • ความคิดเห็น
พระพุทธเจ้า ท่านไม่เขียนคำภีร์ตำรา ธรรมของท่านฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ อยากจะรู้จักธรรมของท่าน ก็ฝึกหัดเดินตามรอยของท่าน สะสมรอยที่ทำมา สร้างบุญกุศลบารมี สติปัญญาขึ้นมา เรื่องการสะสมบุญบารมีทำมาไม่เผมือนกันเลย บางคนท่าสะสมมามาก พอมีใครสะกิด เต้าก็ปฏิบัติได้เลย แม้ในการชวนคนทำบุญ ก็ยากที่บอกใครสักคน ทำบุญน่ะ สละปัจจัย ทันที่ด้วยความเต็มใจ ล้วงเงินในกระเป๋า หยิบมาสาธุส่งให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ลีงเลสงสัย เรียกร้องเอาคืน
มีพระมาเล่าให้ฟังว่า เจ้าชายสิทธัตถะ หลังจาก ทิ้งเวียงวัง ท่านก็ไปอยู่ป่า นอนกลางดิน ก็เอาใบไม้แห้งมาปูนอน ฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าผ่าก็นั่งนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนกาย กายมันทุกข์ ทุกข์ของกายเกิดขึ้น ท่านก็อาศัยกายนิ่ง จิตที่นิ่ง พิจารณา ทุกข์ ที่กายนั้นสอนให้ ทำไมจึงเกิดทกข์ ทำอย่างไร จึงปลดเปลื้องทุกข์นั้นออกไป
เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านก็ได้อาศัย สิ่งที่เรียกว่า แสงรัตนะ แล้วสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครทำได้ ไม่สามารถไปเอา เข้าไปไม่ถึง ก็เรื่องราวของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ที่ท่่านได้ทำมา ฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นผุ้ที่ไม่ความสามารถ เข้าไปถึงได้ แล้วก็นำมาปฏิบัติ จนสำเร็จเป็นองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอรหันต์ อัครสาวก ท่านก็มาจากเจ้าชาย เศรษฐี ก็ทิ้งเวียงวัง สมบัติ เดินเข้าป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ไปทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ตัดขาดเรื่องราวของทุกข์ ทำไปจนทุกข์ นั้นหมดสิ้นไป กายของท่าน ก็มีแสงรัตนะเรืองรอง เป็นกายของพระจิตเป็นพระ
มีพระท่านบอกว่า พระพุทธเจ้า ปกติ ท่านนั่งนิ่ง เฉยๆ ท่านไม่ได้ เขียนคำภีร์ตำราอะไรทั้งนั้น พระอรหันต์ ก็ไม่ได้เขียนคำภีร์ ตำรา แต่ก็มีผู้เข้าป่า ไปแล้ว ทำจิตไม่ได้ ก็จดจำ เอาเรื่องนั้เรื่องนี้มาเขียน แต่งคำภีร์ตำรา เอาเรื่องนั้นมาเขียน ที่จดจำมาได้ ส่วนที่จดจำมาไม่ได้ เข้าไม่ถึง ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้เอามาเขียน ส่วนผู้ที่เข้าป่า ทำได้ ท่านกลับไม่เขียนอะไรเลย
มีพระที่ท่านสำเร็จ ท่านก็ไม่เคยเจอพระพุทธเจ้า เจอแต่พระอรหันต์ แนะนำให้ปฎิบัติ ท่านก็ทิ้งบ้ายช่องไปปฏิบัตื อยู่ป่าฝึกหัด อาศัยผลไม้ใบไม้มาประทังสังขาร จนวันหนึ่งท่านก็ ทำกายนิ่ง จิตนิ่งได้อย่างแท้จริง ท่านก็ได้เจอะเจอ คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุ?ธเจ้า ที่ท่าฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ ท่านไม่ได้เขียนตำรา ธรรมของท่านฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ ใครอยกเรียนรู้จัก ก็ปฏิบัติ เดินตามรอยของท่านไป ..
นั้นเป๊นเรื่องราวของผู้ที่สะสมบุญกุศลบารมีมาเต็มที่จึงทำได้ ชาติสุดท้าย ต้องทิ้งทุกอย่างที่เคยยึดถือ เข้าป่าตัวคนเดียว มีเสื้อผ้าชุดเดียว แล้วจิตนั่นก็สะสมปัญญาธรรมมามาก เข้าป่าไปเพื่ออาศัยแสงรัตนะ ชำระสะสาง สิ่งสกปรกทั่งหลาย ให้ละลายออกไป ให้ธาตุนั้นบริสุทธิ์ เป็นแก้วเจียระไน กายก็เป็นแก้ว ..ยุติ ..ไม่มีกรรมมีภาระที่ต้องเกิด
.ในยุคสมัยนี้ ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำตามท่านไป จนถึง ธรรม เส้นชัยยุติการเกิดได้ ..เค้าจึงสอนให้ใช้กายนี้ มาสร้างบุญกุศลบารมี ให้กายนี้เกิดเป็นกายบุญขึ้นมา .เพื่อให้จิตไปพักชั้นสวรรค์ดุสิตดาวดึงส์ ไปพักที่นั้น ..แล้วก็ลงมาสร้างบุญกุศลบารมีต่อไปอีก .สะสมบุญบารมีเป็นชาติๆ หากไม่สร้างไม่สะสมบุญกุศลบารมี สิ่งที่จิตทำตามอารมณ์นั้น มันมีตลอดชีวิต จิตออกจากกายก็มีแต่กรรมสะสมไปกับจิต
ผู้เข้าป่าไปแล้ว ทำไม่ได้ ก็ออกมาเขียนคำภีร์ตำรา แต่ตนเองยังทำไม่ได้ มากินนอน ในบ้านในช่อง มีอาหารการกิน ที่ญาติโยม กราบไหว้ ใส่บาตร ให้ปรำทังสังชารกรรม ก็ยึดห่วงกาย ห่วงที่นอน ออกไปอย่าอยู่ในที่แจ้ง ท่ามกลางดินฟ้าอากาศ ทำไม่ได้ ฝนตกหน่อย ก็กลัวจะเปียก เปียกแล้ว ก็ต้องหาผ้ามาเปลี่ยนใหม่ ส่วนผู้ที่อยู่บ่า มีเสื้อผ้าชุดเดียว ฝนตก แดดออก ก็นั่งที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีภาระ อะไรเลย
ภิกษุ นั้น เป็นผู้มาขอนิสัยพระไปฝึกหัด ตัวเอง กายที่หิวกระหายได้ ก็ไม่เข้มแข็งพอเพียง ทิ้งทุกอย่าง ไปนั่งทำจิตปลดเปลื้อง เรื่องราวของโลก ไปแล้วไม่กลับ ไม่กลับมาใช้เรื่องราวของโลกอีก พระอรหันต์ท่านอยู่ป่า ไม่อยู่เมืองให้ฃ้ใครเค้าปนเปรอให้ ต้องเป็นขี้ข้า ของกรรม ที่คนนั้นคนนี้ บำเรอให้ ต้องกลับมาเกิดแก่เจ็บตายอีก ไม่ต้องมากินมาใช้ วัตถุธาตุ ที่ประกอบขึ้นมาด้วยความโลภโกรธหลงเรื่องราวของโลกอีก
แล้วในยุคนี้ มีใครทำได้บ้าง ไปเป็นนักบวช ไม่จับเงินทอง แต่จิตมันจับนี่ มันนักยิงกว่าเอามือไปจับต้อง เสียอีก ไหนค่าน้ำ ค่าไฟ ปากก็ว่าไม่จับมือไม่จับ แต่ใจนั้นอยากได้
เรื่องราวธรรมของพระพทธเจ้า ท่าฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ รู้้จักรอยของท่า ท่านทำอย่างไรมา เราก็ศึกษาฝึกหัดปฏบัติตามรอยของธรรมไป ยุคสมัยนี้ เค้าใช้เงินทองไปแลกข้าวปลาอาหารยารักษาโลก เงินทองก็ไปแปรสภาพได้ จับแล้วมันโลกโกรธหลงมั้ย หากจับแล้ว มันไม่รู้สึกว่าสกปรก ไม่มีเชื้อโรค ทำให้ต้องเกิดตายๆ ก็จับไป ไม่ไปลุ่มหลงให้ปัจจัยของโยม บุญชองโยม พระที่ท่านรู้ ท่านก็ไม่ยึด เพราะโยมเค้าถวายต่อเตรื่องหมายของธรรม นี่ถ้าไม่ครองผ้าเหลือง ใครเค้า จะมากราบไหว้ หยิบยื่นชองที่หามาด้วยความเหนื่อยยากมาให้ ได้กินได้ใช้
โฆษณา