31 ส.ค. เวลา 01:31 • ไลฟ์สไตล์

💼 Passion vs Security

ความมั่นคงของชีวิต กับ ความมั่นใจในตัวเอง — เราต้องเลือกจริงหรือ?
"ทำตาม Passion ไปก็ไม่มีเงินเดือนนะครับ"
"ชอบอย่างเดียวไม่พอกับชีวิตจริงหรอก"
"ถ้าจะรอดในยุคนี้ ต้องเลือกสิ่งที่เลี้ยงตัวได้ก่อน"
— นี่คือ 3 ประโยคที่ผมได้ยินบ่อยที่สุด เวลาคนรุ่นใหม่พูดถึงเรื่องการเลือกเส้นทางชีวิตระหว่าง 'ความมั่นคง' กับ 'ความหลงใหล'
และมันเป็นคำถามที่คลาสสิกยิ่งกว่าหนังรักน้ำเน่า...
* เราต้องเลือกจริงหรือ?
* เพราะทำไมมันฟังดูเหมือนเป็นสองสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้
* หรือเรากำลังถูกบังคับให้เลือกระหว่าง "ชีวิตที่มีความสุข" กับ "ชีวิตที่อยู่รอด" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้?
====
🔥 "Passion vs Security" ไม่ได้ขัดกันเสมอไป แต่คนส่วนใหญ่รีบเลือกข้างเร็วเกินไป
ผมเชื่อว่า ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่การต้องเลือกข้าง
แต่คือการรีบ 'ตัดสินใจ' โดยยังไม่รู้ว่าเรากำลังเล่นเกมแบบไหน?
ลองมองชีวิตให้เหมือนการลงทุน
Passion = หุ้นเติบโต (Growth Stock)
Security = หุ้นปันผล (Dividend Stock)
* ถ้าเรารู้ว่าตัวเองอยู่ในวัยยังแบกความเสี่ยงได้ ก็ไม่แปลกที่จะใส่พอร์ตให้หนักไปทาง Growth แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องดูแลครอบครัว หรือรับผิดชอบอะไรที่มากกว่าเดิม การถ่วงน้ำหนักให้ Security มากขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย
* แต่ปัญหาคือ คนจำนวนมากไม่ได้คิดชีวิตในเชิงพอร์ต
แต่กลับเลือกชีวิตแบบ All-In แบบไม่มีแผนสำรอง
* บางคน All-In Passion โดยไม่สนว่าอีก 6 เดือนจะกินอะไรอยู่
บางคน All-In Security จนลืมว่าทำไปทำไม เหมือนเครื่องจักรที่ทำงานเพื่อวันศุกร์ แล้วหมดพลังไปทุกวันจันทร์
ถ้าเรามองชีวิตแบบนักลงทุนที่ดี เราควรต้องรู้ว่า "เรามีสินทรัพย์อะไรในมือ" และ "เป้าหมายระยะยาวของเราคืออะไร"

ไม่ใช่แค่รู้ว่าเราชอบอะไร หรือไม่อยากลำบาก
====
🎯 วิธีคิดแบบ Portfolio Thinking: เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ต้องบริหารสัดส่วนให้เหมาะกับช่วงชีวิต
แทนที่จะถามว่า "Passion หรือ Security?" ลองถามว่า?
1. สัดส่วน Passion vs Security ตอนนี้เหมาะกับสถานการณ์ชีวิตเราหรือยัง?
2. ถ้าต้องเพิ่ม Security เราจะทำยังไงให้ไม่ดับไฟ Passion ไปด้วย?
3. ถ้าจะเอา Passion เป็นตัวนำ เรารู้วิธีเปลี่ยนมันให้เลี้ยงตัวได้หรือยัง?
ลองนึกแบบนี้ครับ
* คนที่ชอบวาดรูป แต่อยากมีรายได้มั่นคง อาจเริ่มจากการทำงานประจำเพื่อเสริมทักษะ เช่น UI/UX Design ซึ่งเป็นรูปแบบของการวาดภาพเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่งานศิลป์ล้วนๆ
* หรือคนที่ชอบทำอาหาร อาจเริ่มจากการเป็น Ghost Kitchen ขายผ่านออนไลน์ก่อน แล้วค่อยสะสมทุนไปเปิดร้าน
* หรือคนชอบเล่าเรื่อง อาจฝึกเขียนบทความควบคู่ไปกับทำงานพาร์ตไทม์ หรือสร้าง Personal Brand ไปทีละนิด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสินค้าหรือคอร์สเรียนในอนาคต
ทั้งสามแบบนี้คือการออกแบบพอร์ตชีวิตให้บาลานซ์ในแต่ละระยะ ไม่ต้อง All-In ฝั่งใดฝั่งหนึ่งทันที แต่อยู่บนฐานของการ "ออกแบบ" ไม่ใช่ "เสี่ยงโชค"
การออกแบบชีวิตแบบ Portfolio จะทำให้เรารับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น เพราะเรามีหลายขา ไม่พึ่งแค่ขาใดขาหนึ่งตลอดเวลา
====
🧠 สุดท้าย Passion ที่ดีต้องมีระบบ
Passion ที่ไม่มีระบบ = ความฝันที่กินตัวเอง
Security ที่ไม่มี Passion = ความมั่นคงที่กัดกินหัวใจ
* จงสร้างระบบที่แปลง Passion ให้ทำเงินได้ (Monetizable Passion) และสร้าง Security ให้มีช่องว่างพอสำหรับการเติบโตของใจ
* และอย่าลืมว่า การมีระบบ ไม่ได้แปลว่าเราต้อง "ขัง" ตัวเองอยู่ในแผนเสมอ แต่คือการมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นพอจะเติบโต มีจังหวะพัก มีช่องว่างให้ทดลอง มีเส้นทางให้ย้อนกลับมามองตัวเองใหม่ได้
เพราะสุดท้าย ชีวิตที่ดี ไม่ใช่แค่รอด...แต่ต้องรู้สึกว่าเราอยากตื่นขึ้นมาใช้มันในทุกเช้า
* บางคนอาจเริ่มต้นจาก Security แล้วค่อยปั้น Passion บางคนเริ่มจาก Passion แล้วค่อยสร้าง Security ตามมา ไม่ว่าจะเริ่มจากทางไหน สำคัญที่สุดคือ “อย่าเลิกตั้งคำถามกับชีวิต” และ “อย่าใช้ชีวิตด้วยระบบความเชื่อของคนอื่น”
“การบริหารชีวิตที่แท้จริง...ไม่ใช่การเลือกข้าง แต่คือการเลือกออกแบบ”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#CompanyCulture
#PassionVsSecurity
#Leadership
#Innovation
#StartupMindset
#CorporateInnovation
#วัฒนธรรมองค์กร
โฆษณา