กฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่ของชิลี กับโจทย์ใหญ่ผู้ส่งออกสิ่งทอไทย
ชิลีเพิ่งประกาศ เพิ่มผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าในบัญชี “สินค้าควบคุม” ภายใต้กฎหมายควบคุมมลพิษ (REP Law) หลังพบว่า คนชิลีใช้สิ่งทอมากถึง 32 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และสร้างขยะสิ่งทอกว่า 572,000 ตันต่อปี หรือราว 7% ของขยะมูลฝอยทั้งประเทศ
ขอบคุณภาพจาก gochile.cl-2
สาระสำคัญของกฎหมายนี้คือ ผู้ผลิตและผู้นำเข้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าผลิตในประเทศหรือสินค้านำเข้า ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะจากสินค้าของตน เช่น
- การเก็บและคัดแยกขยะผ่านระบบ Collective Management System (CMS)
- การลงทะเบียน รายงานแหล่งผลิต ปริมาณการนำเข้า และการควบคุมการปล่อยมลพิษ
- บรรลุเป้าหมายการเก็บ/กำจัดขยะ และรายงานผลต่อกรมควบคุมมลพิษของกระทรวงสิ่งแวดล้อมทุกปี
ขอบคุณภาพจาก aljazeera.com
รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของชิลีระบุว่า มาตรการนี้คือก้าวสำคัญในการแก้ปัญหา “แฟชั่นใช้แล้วทิ้ง” (Fast Fashion) และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของประเทศ
ขอบคุณภาพจาก aljazeera.com
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอโลก อุตสาหกรรมสิ่งทอถือเป็น หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงที่สุดในโลก:
- ใช้สารเคมีกว่า 1,900 ชนิด
- สร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 10% ของโลก มากกว่าการบินและขนส่งทางเรือรวมกัน
- เป็นต้นเหตุของไมโครพลาสติกในทะเลถึง 9% ของทั้งหมด
- ใช้น้ำมหาศาล เช่น เสื้อยืดผ้าฝ้ายหนึ่งตัว ใช้น้ำถึง 2,700 ลิตร
และกระแส Fast Fashion ทำให้เสื้อผ้าส่วนใหญ่ถูกใส่เฉลี่ยเพียง 12 ครั้งก่อนทิ้ง โดยมีไม่ถึง 1% ที่ถูกรีไซเคิลกลับมาเป็นเสื้อผ้าใหม่
ขอบคุณภาพจาก aljazeera.com
ชิลี: ตลาดนำเข้าสิ่งทอที่น่าจับตา
- ปี 2024 ชิลีนำเข้าสิ่งทอรวมกว่า 2,655 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6.8%)
- ครึ่งแรกของปี 2025 ตัวเลขพุ่งกว่า 1,510 ล้านดอลลาร์ (+19.6%)
- กว่า 92% ของสิ่งทอในตลาดชิลีเป็นสินค้านำเข้า
สำหรับไทย ในปี 2024 ชิลีนำเข้าสิ่งทอจากไทยมูลค่า 9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+19.7%) ส่วนใหญ่คือเส้นใยสังเคราะห์ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และของใช้สิ่งทอ
ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวอย่างไร
แม้กฎหมาย REP ของชิลีจะไม่ได้บังคับใช้โดยตรงกับผู้ส่งออกไทย แต่ก็มีผลต่อ ผู้นำเข้าชิลีที่เป็นคู่ค้า ซึ่งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจสะท้อนเป็นราคาสินค้าที่แพงขึ้น
ผู้ประกอบการไทยจึงควร
ขอบคุณภาพจาก apnews.com
- ออกแบบสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ลดการใช้วัสดุสังเคราะห์ หันมาใช้เส้นใยธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่าย
- ให้ข้อมูลโปร่งใส – ร่วมมือกับผู้นำเข้าเพื่อรายงานกระบวนการผลิต วัสดุ และการจัดการของเสีย
- ชูจุดขายด้านความยั่งยืน – ผู้ผลิตที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จะมีโอกาสได้รับเลือกเป็นซัพพลายเออร์มากกว่า
Reference : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก
อ่านเพิ่มเติม : https://www.ditp.go.th/post/g6wh2ktgmg67r4rdbz4xnukh
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
