1 ก.ย. เวลา 08:13 • สุขภาพ

💥ความดันโลหิตสูงกับยา

การรักษาโรคความดันโลหิตสูงมีความซับซ้อน เนื่องจากมักมีโรคร่วมอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ยาที่ใช้รักษาโรคร่วมเหล่านี้อาจส่งผลต่อความดันโลหิต ซึ่งเรียกว่า อันตรกิริยาระหว่างยากับโรค (drug-disease interaction - DDSI)
♉สาเหตุที่ทำให้เกิด Drug-disease interaction
1️⃣การเปลี่ยนแปลงของกลไกทางเภสัชพลศาสตร์ (Pharmacodynamic interaction):
จากการที่ยาไปเสริมฤทธิ์หรือต้านฤทธิ์ของยาอื่นที่ออกฤทธิ์คล้ายกัน หรือส่งผลต่อระบบร่างกายที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว
2️⃣การเปลี่ยนแปลงของกลไกทางเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic interaction):
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยาในกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่น การดูดซึม การกระจายตัว การเผาผลาญ และการขับออก
♉ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น
1️⃣ฤทธิ์ของยาเปลี่ยนแปลง: เช่น ยาออกฤทธิ์ได้น้อยลง หรือแรงขึ้นเกินไป
2️⃣อาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น:
เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง วิงเวียน หรืออาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ เช่น ความดันโลหิตต่ำมาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือพิษต่ออวัยวะ
3️⃣โรคประจำตัวแย่ลง:การใช้ยาอาจส่งผลเสียต่อภาวะโรคประจำตัวของผู้ป่วย
📌คณะนักวิจัยได้กำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตที่มีความหมายทางคลินิก คือ:
- ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น:
ความดันตัวบนเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 มิลลิเมตรปรอท
ความดันตัวล่างมากกว่า 5 มิลลิเมตรปรอท
- ความดันโลหิตลดลง:
ความดันตัวบนลดลงอย่างน้อย 20 มิลลิเมตรปรอท
ความดันตัวล่างลงอย่างน้อย 10 มิลลิเมตรปรอท
📌ผลการศึกษา
Table 2. Drugs evaluated as having a clinically relevant drug-disease interaction with hypertension, the underlying information in the SmPC and FDA product information, and the action recommended for healthcare professionals.
‼️A. ยาที่มีปฏิสัมพันธ์ทางคลินิกที่สำคัญ
จากการประเมิน พบว่ามีเพียง 3 กลุ่มยาเท่านั้นที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายทางคลินิกกับโรคความดันโลหิตสูง:
1. คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
- ใช้ในขนาดสูงเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
- กลไกการออกฤทธิ์: เพิ่มการกักเก็บน้ำและเกลือ กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ
- คำแนะนำ: ตรวจวัดความดันโลหิตบ่อยขึ้น ปรับขนาดยาลดความดันโลหิตตามความจำเป็น
2. ดานาซอล (Danazol)
- มีฤทธิ์คล้ายมิเนอราลคอร์ติคอยด์เล็กน้อย
- ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20 มิลลิเมตรปรอท
- คำแนะนำ: ตรวจวัดความดันโลหิตบ่อยขึ้น ปรับขนาดยาลดความดันโลหิตหากความดันโลหิตยังคงสูง
3. โยฮิมบีน (Yohimbine)
- ออกฤทธิ์ยับยั้ง α2-adrenergic receptor ป้องกันไม่ให้นอร์อะดรีนาลีน เข้าไปจับและกระตุ้นตัวรับ เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังส่วนปลายของร่างกาย
- ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่ประสิทธิภาพไม่แน่นอน จึงไม่ใช้ในแนวทางรักษาหลัก
- คำแนะนำ: หลีกเลี่ยงในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ให้เปลี่ยนเป็นยาในกลุ่ม phosphodiesterase-5 inhibitor แทน เช่น Sildenafil, Tadalafil, Vardenafil และ Avanafil
ซึ่งการใช้ยาในกลุ่มนี้ควรติดตามความดันโลหิต:
- อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หลังเริ่มยา
- ทุก 3 เดือน จนกว่าความดันโลหิตจะคงที่
- ทุก 6 เดือน หลังจากความดันโลหิตคงที่แล้ว
Table 3. Drugs evaluated as having no clinically relevant drug-disease interaction with hypertension, the underlying information in the SmPC and FDA product information, and the motivation of the expert panel for this conclusion.
⚠️B. ยาที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางคลินิกที่สำคัญ
สำหรับยาบางกลุ่ม ข้อมูลใบสำคัญการขึ้นทะเบียนยา (Summary of Product Characteristics - SmPC) ระบุว่าความดันโลหิตสูงเป็นข้อห้ามใช้ แต่ยาหลายตัวไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางคลินิก เหตุผลที่สำคัญ ได้แก่:
1. มีผลต่อความดันโลหิตเพียงเล็กน้อย เช่น ยาต้านเศร้ากลุ่ม SSRI ยาคุมกำเนิด ยากระตุ้นไทรอยด์
2. ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Antithrombotics)
3. ใช้ระยะสั้น เช่น ยาบรรเทาอาการไมเกรน ยาลดการคัดจมูก
4. มีการติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิดตามแนวทางการรักษาอยู่แล้ว เช่น ยารักษามะเร็ง ยากดภูมิคุ้มกัน
Table 4. Drugs evaluated as having a drug-disease interaction with hypertension, but are deemed to be not clinically relevant because of close monitoring of blood pressure according to clinical guidelines and the underlying information in the SmPC and FDA product information.
⚠️สำหรับยาในกลุ่มนี้ เนื่องจากทราบดีว่ายามีผลกระทบต่อความดันโลหิต โปรโตคอลการรักษาได้แนะนำให้มีการติดตามความดันโลหิตในผู้ป่วยทุกรายอยู่แล้ว
การใช้ยานี้จึงมีความปลอดภัยภายใต้การติดตามความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ การแจ้งเตือนอันตรกิริยาผ่านระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (clinical decision support systems - CDSS) จึงไม่ถือว่ามีความจำเป็น แม้ว่าหลักฐานทางวิชาการจะพบผลต่อความดันโลหิตที่เกี่ยวข้องทางคลินิกก็ตาม นอกจากนี้ การแจ้งเตือนเพิ่มเติมสำหรับยเหล่านี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะ fatigue จากการแจ้งเตือน (alert fatigue)
Note
🔸ยาต้านเศร้าอาจมีฤทธิ์เพิ่มความดันโลหิต แต่ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไม่พบความเสี่ยงที่ทำให้ความดันโลหิตสูงแย่ลงจากการใช้ยาในกลุ่ม SSRIs และ venlafaxine
🔹ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ใช้ยาต้านเศร้ากลุ่ม tricyclic antidepressants (TCAs) การเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตไม่ถึงระดับที่มีนัยสำคัญทางคลินิก
⭕ยาต้านเศร้ากลุ่ม SSRIs และ venlafaxine จึงถือว่ามีความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ส่วนกลุ่ม TCAs ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
🔹ไดซัลฟิแรม ไม่มีการระบุคำเตือนในข้อมูลผลิตภัณฑ์ แม้ว่าจะมีรายงานความดันโลหิตเพิ่มขึ้นก็ตาม คณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลักฐานไม่เพียงพอที่จะจำกัดการใช้ยาเหล่านี้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
🔹ยา ergotamine, imidazoline derivatives, prolactin inhibitors, sympathomimetics และ triptans การเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตส่วนใหญ่มักเป็นชั่วคราว รวมทั้งเป็นการใช้ยาในระยะสั้น การเตือนเพิ่มเติมผ่านระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (CDSSs) จึงไม่จำเป็นสำหรับยาดังกล่าว
🔹ยา prolactin inhibitors เช่น bromocriptine, cabergoline มีรายงานกรณีเลือดออกในสมอง และความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตสูงหลังคลอด ผู้ผลิตจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง และหญิงตั้งครรภ์ที่มีความดันโลหิตสูง
แต่อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานทางการศึกษาที่มีในปัจจุบันและการใช้ยาในระยะสั้น ผลของยายับยั้งโพรแลกตินต่อความดันโลหิตดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญทางคลินิก ดังนั้น การแจ้งเตือนอันตรกิริยาระหว่างยาและโรค (DDSI) สำหรับยานี้ผ่านระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (CDSS) จึงไม่ถือว่าจำเป็น
🔹ยากดภูมิคุ้มกันกลุ่มยับยั้งเอนไซม์แคลซินูริน (Calcineurin inhibitors)
จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการศึกษาทางคลินิก พบว่าการใช้ไซโคลสปอรินในขนาดสูงทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11 mmHg ซึ่งสูงกว่าขีดจำกัดขั้นต่ำของการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตที่เกี่ยวข้องทางคลินิก แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไม่ปรากฏว่ามีผลต่อกลุ่มยาโดยรวม เนื่องจาก tacrolimus มีผลต่อความดันโลหิตน้อยมาก นอกจากนี้ การปลูกถ่ายอวัยวะซึ่งเป็นข้อบ่งใช้หลักของยาดังกล่าว อาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูงโดยตัวมันเอง
🔸ยาต้านเศร้ากลุ่ม Monoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs)
ยา MAOIs เป็นยาต้านเศร้าที่ใช้เมื่อยาอื่นไม่ได้ผล ซึ่งความดันโลหิตสูงเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยากลุ่มดังกล่าว
⛔ผู้ใช้ยานี้ต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีปฏิกิริยาต่ออาหารที่มีสารไทรามีนสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงอย่างอันตราย (Hypertensive Crisis)
(อาหารที่มีสารไทรามีนสูง เช่น เนยแข็ง, ปลารมควัน, เนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูปหรือยืดอายุ, อาหารหมักดอง อาหารที่มีส่วนผสมของยีสต์ เช่น ขนมปัง, เบียร์, พิซซ่า และบางครั้งพบใน กล้วย)
‼️ต้องติดตามความดันโลหิตสำหรับยาออกฤทธิ์ต่อ monoamine oxidase type A (irreversible หรือ non-selective) เช่น Isocarboxazid, Phenelzine, Tranylcypromine
⚠️ในขณะที่ MAOIs แบบเฉพาะเจาะจง (Selective MAO-B Inhibitors เช่น moclobemide (Aurorix), Rasagiline (Azilect), Selegiline (Sefmex), Safinamide (Equina) มีความเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงน้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องติดตามความดันโลหิต
🔰ข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิบัติ
1. คำเตือนในข้อมูลผลิตภัณฑ์หลายอย่างไม่ได้มีหลักฐานทางคลินิกที่ชัดเจน
2. สำหรับระบบสนับสนุนการตัดสินใจ: ควรแจ้งเตือนเฉพาะยาที่มีปฏิสัมพันธ์ทางคลินิกที่สำคัญจริงๆ เพื่อลด alert fatigue (ภาวะที่ได้รับแจ้งเตือนซ้ำๆ เป็นจำนวนมาก จนเกิดความรู้สึกเพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนเหล่านั้น )
3. สำหรับการวิจัยในอนาคต: ควรศึกษาผลกระทบของยาต่อความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะ
✳️ข้อจำกัดของการศึกษา
- ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตที่มีความหมายทางคลินิกอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม
- คำแนะนำอาจต้องปรับใช้ให้เหมาะสมกับแนวทางการรักษาในแต่ละประเทศ
- จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง
บทความนี้เป็นการศึกษาที่สำคัญเกี่ยวกับการประเมินปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งพบว่าแม้จะมียาหลายตัวที่มีคำเตือนในข้อมูลผลิตภัณฑ์ แต่มีเพียง 3 กลุ่มยาเท่านั้นที่มีผลกระทบทางคลินิกที่สำคัญจริงๆ คือ คอร์ติโคสเตียรอยด์ ดานาซอล และโยฮิมบีน
การศึกษานี้มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยลดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นในระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก และให้คำแนะนำที่ชัดเจนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
😀มีปัญหาเรื่องการใช้ยา เชิญปรึกษาเภสัชกร
💢Developing practical recommendations for drug-disease interactions in patients with hypertension, Pharmacol., 17 April 2024
Drug Interaction,กลุ่มงานเภสัชกรรม สถาบันโรคทรวงอก, 2557
.
BETTERCM 2025.09.01
ยาความดัน
🔰ความก้าวหน้าในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง: จากแนวทางปฏิบัติสู่ยาใหม่
🔰ความก้าวหน้าในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง: จากแนวทางปฏิบัติสู่ยาใหม่
😠HYPERTENSION
New Hypertension Guidelines Apply to Diverse Socioeconomic Settings
😠HYPERTENSION
New Hypertension Guidelines Apply to Diverse Socioeconomic Settings
🎯 ความดันโลหิตตัวบนที่ต่ำกว่า 130 mmHg กับผู้สูงอายุอายุ 75 ปีขึ้นไป
โฆษณา