Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อำพันมรกต
•
ติดตาม
11 ก.ย. เวลา 23:45 • นิยาย เรื่องสั้น
ตัวตนที่หายไป 7 # อย่าให้คลาดสายตา
แสงเช้าเล็ดลอดผ่านหน้าต่างห้องนอน จูนสะดุ้งตื่นจากอาการงัวเงีย เธอจำได้ว่าเมื่อคืนตั้งใจจะนั่งเฝ้าลินดา แต่ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ๊…” จูนเรียกเสียงเบา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เตียง
ภาพตรงหน้า ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเฉียบ—ลินดานอนลืมตามองเพดานอยู่เงียบๆ แขนทั้งสองข้างวางแนบลำตัว ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ… ลินดาแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อย ทั้งที่เมื่อคืนเธอยังใส่ชุดนอนอยู่
“เจ๊… ตื่นมาตั้งแต่ตอนไหน” จูนถามเสียงสั่น
ไม่มีคำตอบ ลินดาเพียงหันหน้ามาช้าๆ ดวงตาแดงก่ำเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน และริมฝีปากที่แห้งแตก ขยับเอ่ยประโยคสั้นๆ ที่ทำให้บรรยากาศในห้องหนักอึ้งทันที
“จูน…เมื่อคืนเจ๊ออกไปข้างนอก…หรือเปล่า”
จูนขมวดคิ้ว หัวใจเต้นแรง เธอรีบส่ายหน้า “ไม่…เจ๊นอนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน จูนนั่งเฝ้าเจ๊อยู่ตลอดเลย”
ลินดายิ้มมุมปากนิดหนึ่ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนเดิม—แข็งทื่อและว่างเปล่า สายตาที่มองกลับมาเหมือนกำลังจับผิด มากกว่าจะเชื่อในคำตอบ
“เจ๊…ไปไหนมา?” จูนถามเสียงสั่น แต่แทนที่จะตอบ ลินดาลุกขึ้นนั่ง ก้มมองหน้าจูนที่นั่งอยู่ข้างเตียง ไม่มีคำตอบจากลินดา มีเพียงเสียงหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอคล้ายเสียงใครอีกคนทับซ้อนอยู่…
“มอนิ่งเจ๊…มอนิ่งจูน…ไม่เห็นมาปลุกเราเลยอ่ะเมื่อคืนน่ะ เราเลยหลับยาวถึงเช้าเลย” เสียงลูซี่แทรกบรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้น
และในเวลาเดียวกันนั้น ลินดาสะอึก!!
“เฮ้ย! เจ๊ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว” ลูซี่ยังคงเจื้อยแจ้ว ช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศลงได้ดีทีเดียว
“เอ่ออ…คือ… เอาจริงๆ นะ เราเหลอหลับไปตอนไหนไม่รู้อ่ะ ตื่นมาก็เจอเจ๊ในสภาพนี้แล้ว” จูนสารภาพและพยายามปรับอารมณ์ให้ทันกับสถานการณที่เกิดขึ้น
“เออ…เจ๊ก็จำอะไรไม่ได้เลย วันนี้วันอะไรนะ” ลินดาครุ่นคิดแป๊บนึง “วันพุธนิ่ เจ๊ต้องใส่ชุดพละ!! มีเรียนวอลเลย์บอล” เธอนึกขึ้นได้เอง
“แล้วทำไมอยู่ชุดนี้อ่ะ มันแปลกมากเลยนะเจ๊” จูนตั้งข้อสังเกต เสียงลากต่ำ ชวนสงสัย
“เอาเหอะ เรารีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันเถอะจูน แล้วเจ๊จะไปเปลี่ยนชุดรึป่าว” ลูซี่เร่ง เพราะเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ตอนนี้เข็มยาวชี้ไปที่เลขสี่ และเข็มสั้นชี้เลยเลขหกมานิดหน่อย
“ไม่ ไม่ ไม่!” จูนรีบค้านรัวๆ “เอางี้ ลู…แกไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวเราพาเจ๊ไปเปลี่ยนเป็นชุดพละข้างบน” จูนรีบจัดการ และอาสาพาลินดาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยไม่อยากปล่อยให้ลินดาอยู่คนเดียว
“แกอาบน้ำเสร็จแล้วมาอยู่กับเจ๊ระหว่างที่เราไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง” จูนพูดต่อ
“โอเค” ลูซี่ตอบตกลงอย่างว่าง่าย
ลินดายังรู้สึกมึนงงราวกับเพิ่งตื่นจากฝันยาวนาน ความทรงจำในหัวเธอพร่าเลือนจับต้นชนปลายไม่ได้ เธอพยายามทบทวนว่าเมื่อคืนหรือเมื่อเช้าได้ทำอะไรลงไปบ้าง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเวียนหัว
ระหว่างเดินผ่านบันไดชั้นพัก ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดเฉียดผ่านต้นคอ ทำให้ลินดาสะดุ้งเฮือก เธอกำแขนเสื้อแน่น หันไปมองจูนด้วยแววตาตื่นตระหนก
“จูน…เจ๊เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย” น้ำเสียงเธอสั่นและเต็มไปด้วยความกังวล
จูนชะงักเล็กน้อย ก่อนเอื้อมมือแตะไหล่เพื่อนเพื่อให้สงบลง “เมื่อคืน เจ๊ยังพอจำอะไรได้บ้างไหม ลองเล่าให้จูนฟังหน่อย” เธอพูดเสียงเบา แต่แฝงด้วยความจริงจังราวกับกำลังสอบสวน
“อืม…จำได้ว่าเจ๊จะมานอนฟังน้องๆ นั่งคุยกันก่อนนอน” ลินดาพยายามนึกย้อนกลับไป แต่เสียงในหัวเธอกลับกระซิบเหมือนลมพัดผ่านมุมห้อง “แล้ว…จำได้ว่าครูมา…” เธอครุ่นคิด พลางขมวดคิ้ว
“เจ๊จำได้มั้ยว่าเจ๊พูดอะไรบ้าง” จูนเค้นถาม ลินดาดูเหมือนกำลังพยายามเรียกความทรงจำ แต่กลับมีความว่างเปล่าแทรกเข้ามา
จูนเอ่ยต่อเบาๆ “ตอนที่ครูเอายามาให้เจ๊กินแล้วบอกให้พักผ่อน เจ๊ยังบอกก่อนจะหลับไปว่า ‘อย่าให้เจ๊อยู่คนเดียวนะ’ จูนฟังแล้วเสียวสันหลังวาบเลยอ่ะ”
ลินดาพยักหน้า “อืม…ใช่ ที่จริงเจ๊ก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ๊กันแน่ แต่ก็บอกครูไปแบบนั้นให้แกสบายใจ” น้ำเสียงเธอแฝงความจริงใจ แต่แผ่วบางเหมือนกลัวว่ามีใครบางคนแอบฟังอยู่
“ขอบใจนะ ที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ ลูซี่ก็ด้วยอีกคนนึง” ลินดาพูด รู้สึกซาบซึ้ง แต่ในใจกลับมีความหวาดหวั่น คำพูดเหมือนถูกกลืนหายไปกับความมืดมิดในมุมห้อง ลมเย็นพัดผ่าน ใบไม้กระทบหน้าต่างทำให้เกิดเสียงแผ่วๆ
“แล้ววันนี้ เจ๊จะไปเรียนได้มั้ย เพื่อนๆ ในห้องยังไม่รู้เรื่อง จะให้ใครช่วยดูก็คงไม่เข้าใจอ่ะ” จูนถามด้วยความห่วงใย แต่รอบตัวกลับมีความเงียบผิดปกติ แทบไม่ได้ยินเสียงคนเดินผ่าน
“เจ๊รับปากได้มั้ยว่าจะพยายามดูแลจิตใจตัวเองให้ดีที่สุด ทำใจให้เข้มแข็งเอาไว้” จูนพูด แม้ตัวเองยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด แต่เชื่อว่าหากลินดาจิตใจเข้มแข็ง สิ่งอื่นใดก็ไม่อาจกล้ำกรายได้
“อืม! เจ๊จะพยายามนะ ไม่ต้องห่วง ช่วงกลางวันเจ๊จะพยายามไม่อยู่คนเดียว” ลินดารับปาก น้ำเสียงมั่นคง แต่สายตายังคอยสอดส่องทุกมุมรอบตัว เหมือนรู้สึกว่ามีบางสิ่งแอบมองอยู่
ช่วงเวลากลางวันของวันนี้ ลินดารู้สึกตัวเองเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา เธอรับปากจูนไว้แล้วว่าจะทำให้ได้ เธอรู้ดีว่าร่างกายของเธอแข็งแรง แต่หากจิตใจอ่อนแอซะแล้วทุกอย่างก็จะไร้ความหมาย ‘นี่คือร่างกายและจิตใจของฉัน…ใครก็พรากไปไม่ได้’ ลินดาตั้งใจมั่น แม้จะรู้ว่าการรักษาความเข้มแข็งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ห้าโมงเย็น ลินดาผ่านวันนี้มาได้อย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์เงามืดประหลาดเหมือนเมื่อวาน อาการง่วงเหงาหาวนอนก็หายไปหมด เธอรู้สึกตื่นเต้นกับช่วงเย็นที่จะได้ไปตลาดนัดกับเพื่อนๆ และน้องๆ ทั้งใจเต้นแรงและรอยยิ้มที่ไม่อาจซ่อนอยู่บนใบหน้า เธอมานั่งรอน้องๆ ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าหอพัก เอมมี่เพื่อนหอพักกลุ่มเดียวกับเธอ เดินผ่านมา
“ลินดา! มานั่งรอใครแก” เอมมี่ถามเสียงดัง พลางเดินเข้าไปร่วมโต๊ะ
“รอน้องๆ จะไปตลาดนัดที่สถานีรถไฟอ่ะ แกไปด้วยกันมั้ยล่ะ” ลินดาชักชวน “ช่วงนี้เราไม่ค่อยจะได้คุยกันเลยนะ” หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้นั่งคุยเม้าท์มอยกับเอมมี่
“เออ เออ ไปด้วยดิ่ จะไปช้อปปิ้งหาซื้อกระเป๋าเป้สักใบ ปิดเทอมนี้ชั้นกลับบ้านล่ะแก” เอมมี่ตอบตกลงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ้มกว้าง นึกฝันถึงวันกลับไปหาพ่อแม่
“เออ ไปดิ่ เดินคุยกันไป รอน้องๆ แป๊บนึงนะ” ลินดาบอก
“ใครไปด้วยกันบ้างล่ะ” เอมมี่ถามถึงสมาชิกคนอื่นๆ
“นั่นไง มากันแล้ว” ลินดาพูดพลางชี้ไปยังกลุ่มน้องๆ ที่จะไปด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย จูน ลูซี่ และมีเพื่อนมาด้วยอีกสองคน
“อ่อ แก๊งค์นี้เองรึ พร้อมรึยัง งั้นเราไปกันเลยมั้ย” เอมมี่ชักชวน “นี่จูน ลูซี่ แล้วอีกสองคนชื่ออะไรนะ”
“นี่ โอลี่ กับ เอสเม่ จ้ะ” ลูซี่แนะนำเพื่อนอีกสองคน ‘โอลี่’ นักเรียนห้องสี่ทับห้า ชอบช่วยเหลือผู้อื่น รูปร่างอวบๆ ผิวขาวน่ารัก ส่วน ‘เอสเม่’ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทนหน้าตาคมเข้ม เพื่อนห้องเดียวกันกับลูซี่—สี่ทับหนึ่ง และเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลโรงเรียนเช่นเดียวกัน เธอเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์
ตลาดนัดวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ มีสินค้าใหม่ๆ มาวางขายมากมาย เอมมี่เดินแยกออกไปมองหาสิ่งที่ตัวเองอยากได้ โอลี่กับเอสเม่เดินไปด้วยกันในโซนอาหาร จูน ลูซี่ และลินดา ยังคงเดินเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ไม่ว่าลินดาจะเดินไปทางไหน จะมีสองคนตามหลังไปไม่ห่าง
“วันนี้เจ๊แกดูปกติดีนะ” ลูซี่เปิดการสนทนาขึ้น
“อืม ใช่ แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้นะ” จูนเตือนเพื่อน
“เราไปซื้อผลไม้กันนะ ใครอยากกินอะไรบ้าง เดี๋ยวเจ๊เลี้ยงเอง” ลินดาหันมาบอกรุ่นน้องทั้งสอง แล้วเดินนำไปยังโซนผลไม้
แตงโมลูกโตวางเรียงราย บางลูกถูกผ่าซีกโชว์ให้เห็นเนื้อสีแดงสดน่ากิน ข้างๆ กันมีส้มเขียวหวานผิวมันเงาเรียงเป็นภูเขาลูกเล็กๆ หลายร้านยังมีผลไม้อื่นๆ อีกมากมาย—องุ่น เงาะ มังคุด ลำไย บางร้านก็มีชิ้นผลไม้ให้ชิมก่อนตัดสินใจซื้อ
ลินดาเดินตรงไปยังร้านขายลำไยสด ลูกสวยๆ ช่อใหญ่ๆ วางเรียงสวยงาม
“ชิมได้เลยจ้ะ” แม่ค้าพูดยิ้มๆ พลางปอกลำไยแล้วยื่นให้ลินดาลองชิม
“หวานจริงด้วยค่ะ เอาสองกิโลนะคะ แยกถุงละกิโลเหมือนเดิม” ลินดาสั่งตามเคย—หนึ่งถุงสำหรับเธอ อีกถุงไว้แบ่งให้เพื่อน
แม่ค้าชั่งน้ำหนักแล้วส่งถุงลำไยมาให้ ลูซี่รีบคว้าขึ้นมาก่อนใคร “ถุงนี้ลูจองนะ” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ
“ตลอดเลยแก” จูนหัวเราะพลางแซว “จริงๆ แล้วมาตลาดเพราะอยากได้สิ่งนี้ใช่มั้ยล่ะ”
ทั้งสามคนหัวเราะพร้อมกัน เสียงของพวกเธอกลมกลืนไปกับความคึกคักของตลาดเย็นวันนั้น แต่ในความพลุกพล่านนั้น จูนกลับสะดุดกับบางสิ่ง
เธอสังเกตเห็น ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ ยืนอยู่ตรงมุมร้านผลไม้ข้างๆ ร่างผอมโซ ห่อไหล่ กำลังมองมาที่พวกเธอด้วยสายตาไม่กะพริบ รอยยิ้มบนใบหน้าที่เหี่ยวเฉาเหมือนจะเป็นรอยยิ้ม…แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้สบายใจเลยสักนิด
“แก เห็นมั้ย…” จูนกระซิบเบาๆ แต่พอหันกลับไปอีกครั้ง หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่ยังยืนชัดอยู่ตรงนั้น
“เห็นอะไรเหรอจูน” ลูซี่ถามพลางหันมามอง แต่จูนเพียงส่ายหน้า ไม่อยากทำให้บรรยากาศเสีย
ระหว่างทางกลับโรงเรียน จูนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แม้ลินดาจะดูเหมือนกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ในใจเธอกลับแอบคิด ‘หรือทั้งหมดนี้…เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบางอย่างเท่านั้น’
ทันใดนั้น! จูนคว้าแขนลินดาแล้วดึงเข้าข้างทางกะทันหัน ร่างของทั้งสองเซไปชนเอสเม่ที่เดินชิดริมถนน ทำให้ทุกคนสะดุ้งตกใจ
“เจ๊ ระวังหน่อยสิ! รถวิ่งมาเกือบจะเฉี่ยวแล้วนะ” จูนเอ็ดเสียงแข็ง ลืมไปว่ากำลังพูดกับรุ่นพี่ “นี่ก็เริ่มมืดแล้ว คนขับอาจมองไม่เห็นก็ได้”
ลูซี่รีบเสริม “เจ๊ไปเดินตรงกลางเลย เดี๋ยวลูกับจูนจะขนาบสองข้างเอง” จากนั้นเธอก็หันไปบอกเอมมี่ โอลี่ และเอสเม่ให้รีบเดินนำหน้าไปก่อน กลัวจะไม่ทันเวลาเข้าหอพัก
ลินดาไม่เถียงอะไร เพียงพยักหน้ารับ เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอยู่ลึกๆ ที่มีรุ่นน้องคอยปกป้อง…แม้ในใจจะยังสับสนว่าเมื่อครู่ เธอเผลอเดินขึ้นไปบนถนนได้อย่างไร
ระยะทางจากตลาดนัดถึงโรงเรียนราวกิโลกว่าๆ หากเดินเร็วๆ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที แต่การเรียงหน้ากระดานสามคนบนไหล่ทางแคบๆ ทำให้การเดินช้าลงเล็กน้อย ทว่าทั้งหมดก็ยังกลับมาถึงหอพักได้ทันเวลา
แสงสุดท้ายของวันลับไปพอดี ทิ้งไว้เพียงความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา…
หลังจากหอบหิ้วถุงผลไม้และขนมขากลับมาถึงหอพัก ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปจัดการข้าวของของตัวเอง จูน ลูซี่ และลินดาเก็บของเสร็จแล้ว ล้างไม้ล้างมือ แล้วนำอาหารที่ซื้อจากตลาดเตรียมไปรับประทานที่แคนทีน
“เจ๊ลองกินลูกชิ้นนี่สิ่ อร่อยมากเลยนะ” ลูซี่ภูมิใจนำเสนอลูกชิ้นทอดร้านโปรด ราวกับว่ามีหุ้นส่วนเป็นเจ้าของร้าน
“อืมม อร่อยจริง อ่ะนี่ ผลไม้กินได้เลยนะ” ลินดาเห็นด้วย
“ได้ยินเขาคุยกันว่า คืนนี้ครูหัวหน้าหอพักจะมาด้วยนะ” จูนเอ่ยขึ้น
“มีข่าวอะไรพิเศษมาแจ้งรึเปล่านะ” ลูซี่ตั้งข้อสังเกต เพราะปกติแล้วครูจะเข้าร่วมกิจกรรมหอพักหรือเรียกประชุมก็ต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญมาแจ้งเท่านั้น
ถึงเวลากิจกรรมประจำวันของพอพัก นักเรียนทุกคนต่างเดินกันขวักไขว่ จับจองที่นั่งภายในห้องอ่านหนังสือ และหัวหน้าห้องนอนก็เริ่มเช็คชื่อสมาชิกของแต่ละห้องนอนเหมือนทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน วันนี้เราจะมีกิจกรรมสวดมนต์ และครูจะมาพบปะพวกเราทุกคนด้วยค่ะ” ประธานหอพักนักเรียนกล่าว เสียงของเธอฟังดูหนักแน่นผิดปกติ “ขอให้ทุกตั้งสมาธิเตรียมสวดมนต์ค่ะ”
“อะระหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา… ” เสียงแรกเริ่มชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะมีเสียงของนักเรียนทุกคนประสานตามทุ้มต่ำก้องกังวาน ราวกับผนังทั้งสี่ด้านสะท้อนกลับมาเป็นเสียงซ้ำๆ ไม่รู้จบ
จูนและลินดาไม่ได้ร่วมเปล่งเสียงสวดมนต์ด้วย หากแต่เธอทั้งสองก็นั่งร่วมกิจกรรมอยู่ภายในห้องนั้นด้วย และทำสมาธิด้วยวิถีของมุสลิมแทนการสวดมนต์
จูนรู้สึกได้ว่าลมหายใจในห้องแผ่วลงทุกขณะ ขนที่ต้นคอของเธอลุกชัน เหมือนมีเสียงใครอีกคนสวดอยู่ชิดข้างหู ทั้งที่รอบกายมีแต่เพื่อนร่วมหอพัก…
ลินดาเองก็เริ่มหลับตาไม่ลง ภาพในฝันคืนนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงสวดมนต์ยังคงดังเป็นระลอกคลื่น จูนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นควันธูปแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอหันไปหาลูซี่ กระซิบถามเสียงเบา
“ลู… แกได้กลิ่นธูปเหมือนเราไหม?”
ลูซี่นิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนพยักหน้าช้าๆ สีหน้าซีดเผือด “ได้กลิ่น… ทั้งที่ที่นี่ไม่เคยจุดธูปเลยนี่”
ทั้งสองสบตากัน ความขนลุกแผ่ซ่านไปทั่วร่าง จูนหันมองไปรอบห้องอ่านหนังสือ เพื่อนๆ ยังคงสวดมนต์กันตามปกติ ไม่มีใครแสดงท่าทีผิดปกติสักนิด เหมือนว่ามีเพียงพวกเธอสองคนเท่านั้นที่กำลังจมอยู่ในควันธูปล่องลอยที่ไม่มีใครมองเห็น
“สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ… กราบ” เสียงสวดมนต์จบลง ความเงียบที่ถาโถมกลับมาหนักอึ้ง จนทุกคนเผลอกลั้นหายใจ
“เชิญครูพบปะพวกเราทุกคนได้เลยค่ะ” เสียงของประธานหอพักดังกังวาน ยุติความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วทั้งหอพัก
“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน” เสียงครูหอพักดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ “ครูมีเรื่องสำคัญมาแจ้ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กิจกรรมประจำวันของหอพักจะเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์และนั่งสมาธิ… เหมือนที่พวกเราทำไปเมื่อสักครู่ และจะต้องปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน”
เธอหยุดเล็กน้อย สายตากวาดมองนักเรียนทีละแถว ราวกับย้ำเตือนบางอย่าง “และครูอยากให้นักเรียนทุกคน… ดูแลตัวเองให้ดี รวมทั้งช่วยกันดูแลเพื่อนๆ ของเราให้มากขึ้นด้วย”
บรรยากาศเงียบกริบไปชั่วอึดใจ เหมือนทุกคำพูดของครูสะกดให้ทุกคนหยุดนิ่ง จากนั้นจึงเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบ เซ็งแซ่เบาๆ หลายคนหันไปซุบซิบกับเพื่อนข้างๆ ใบหน้าฉายแววกังวล คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่า… ทำไมจู่ๆ ถึงต้องมีกิจกรรมนี้เพิ่มขึ้นมา
“สำหรับวันนี้ มีเรื่องแจ้งเท่านี้ แยกย้ายได้ค่ะ” ครูกล่าวปิดท้าย แล้วหันมาทางจูนและลูซี่ “เธอสองคน มาพบครูหน่อย”
จูนสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะสะกิดให้ลูซี่ลุกขึ้นไปลุกขึ้นและขยับไปนั่งใกล้ๆ ครู ปล่อยให้ลินดายังนั่งอยู่ที่เดิม
“ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะครู” ลูซี่ถามครูด้วยความสงสัย แอบคิดในใจว่า ‘หรือครูจะรู้เรื่องของพวกเรา แล้วครูจะรู้ได้ยังไง’
“เพื่อนของเธออีกคนหนึ่ง ช่วงนี้มีท่าทางแปลกๆ ใช่มั้ย” ครูถามขึ้น
จูนและลูซี่รู้ได้ทันทีว่าครูหมายถึงใคร ทั้งคู่หันไปมองลินดาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ค่ะ” จูนตอบเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจมีคำถามเช่นเดียวกับลูซี่ ‘ครูรู้!! ได้ไงกัน’
“พวกเธอต้องช่วยกันดูแลเพื่อนเธออย่าให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลยนะ” ครูพูดต่อเสียงเรียบๆ แผ่วเบาจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ สีหน้าจริงจังและดูเป็นกังวล
“พยายามอย่าให้เพื่อนเธอออกไปในพื้นที่อันตราย อย่างดาดฟ้าหรือระเบียงห้องนะ” ครูกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ แฝงแรงกดดันบางอย่าง
จูนกับลูซี่สบตากัน แล้วหันกลับไปมองครูอย่างตั้งใจ ราวกับถูกดึงดูดด้วยมนต์สะกด… ทั้งห้องยังเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่จากนักเรียนคนอื่นๆ ที่พูดคุยกันต่อ แต่สำหรับทั้งสองคนแล้ว กลับเหมือนทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงครูที่ก้องกังวานสะท้อนอยู่ในหัวไม่หยุด
ภายในหัวของจูนมีคำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา แต่สุดท้ายเธอทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ “ได้ค่ะ เดี๋ยวเราจะผลัดกันเฝ้าเวรยามตลอดเวลาเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ”
ลูซี่เม้มปากแน่น ก่อนเอ่ยเสียงสั่นเล็กน้อย “ครู… ช่วยพวกหนูด้วยนะคะ”
คำพูดนั้นฟังเหมือนคำขอร้อง แต่แฝงด้วยความลังเล—เพราะในใจเธอยังไม่มั่นใจเลยว่า ครูรู้อะไรบ้าง… หรือรู้มากกว่าที่พวกเธอคิด
ครูพยักหน้ารับ “มีอะไรก็บอกครูนะ คืนนี้ครูนอนที่นี่” แววตานิ่งลึกจนยากจะเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
จูนและลูซี่ไม่รู้เลยว่า—ในคืนนั้นเอง จะเกิดเหตุการณ์ที่บังคับให้พวกเธอต้องขอความช่วยเหลือจากครูอีกครั้ง…
ตอนต่อไป
ตอนที่ 8 # เงื้อมมือแห่งฝัน
#อำพันมรกต #ตัวตนที่หายไป
กดติดตาม กดใจ คอมเม้นต์ กดแชร์ ให้ด้วยนะคะ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ตัวตนที่หายไป โดย อำพันมรกต
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย