Toyota หัวเราะทีหลังดังกว่า! ถอดรหัส Akio Toyoda กับกลยุทธ์ “ไฮบริด” ที่ทุกคนเคยดูถูก
เรื่องนี้มันน่าสนใจตรงที่ว่า ท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังมุ่งหน้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างเต็มกำลัง ใครจะไปคิดว่าบริษัทที่ดูเหมือนจะ “ตกขบวน” ที่สุดอย่าง Toyota กลับกลายเป็นผู้ชนะในสนามรบนี้
ในเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา Toyota สร้างปรากฏการณ์ด้วยการขายรถยนต์ทั่วโลกไปเกือบหนึ่งล้านคันในเดือนเดียว ซึ่งเป็นสถิติใหม่ที่น่าทึ่ง และถ้านับรวมตั้งแต่ต้นปี ยอดขายก็ทะลุหลัก 6 ล้านคันไปอย่างสวยงาม
คำถามคือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ในยุคที่ใครไม่พูดถึง EV ถือว่าเชย แต่บริษัทที่ดูเหมือนจะ “ดื้อรั้น” ที่สุด กลับทำผลงานได้ดีเยี่ยม สวนทางกับคำสบประมาทของนักวิเคราะห์ทั่วโลก
กระแส EV Fever นี้รุนแรงถึงขนาดที่ว่า หากบริษัทไหนไม่มีแผนเรื่องรถ EV ที่ชัดเจน ก็จะถูกนักลงทุนและสื่อมวลชนมองว่ากำลังจะกลายเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีในไม่ช้า
ซึ่งท่ามกลางพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ Toyota กลับเลือกที่จะยืนนิ่งๆ และเดินในจังหวะของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธรถ EV แต่ก็ไม่ได้ทุ่มสุดตัวไปกับมันเหมือนที่คนอื่นทำ
แนวคิดของเขานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าโลกเรานั้นมีความหลากหลาย และยังไม่พร้อมสำหรับรถ EV แบบ 100% ในเร็ววันนี้ การบังคับให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีเดียวนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
1
ดังนั้น แทนที่จะเดิมพันทุกอย่างกับการ์ดใบเดียว Toyota เลือกที่จะพัฒนาเทคโนโลยีทุกรูปแบบไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่สะอาดขึ้น, ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด, ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ไปจนถึงพลังงานไฮโดรเจน
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ทำให้ Toyota ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง หลายคนถึงกับเปรียบเทียบว่า Toyota กำลังจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์ของ Nokia ที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการมือถือ แต่กลับล้มเหลวเพราะปรับตัวไม่ทันสมาร์ทโฟน
แต่การจะเข้าใจการตัดสินใจของ Toyota เราอาจจะต้องย้อนกลับไปดู DNA ของบริษัทนี้ให้ลึกซึ้งกว่าเดิม
Toyota ไม่ใช่บริษัทที่วิ่งตามแฟชั่น พวกเขาคือบริษัทที่ให้ความสำคัญกับปรัชญาการผลิตที่สั่งสมมาอย่างยาวนานที่เรียกว่า “Kaizen” (ไคเซ็น) ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป
อาวุธสำคัญที่ Toyota มีและลับคมมันมาตลอด 20 กว่าปี ก็คือเทคโนโลยี “ไฮบริด” นั่นเอง
เรื่องราวต้องย้อนกลับไปในปี 1997 ในยุคที่โลกยังไม่ค่อยตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม ราคาน้ำมันยังถูก และรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่กำลังเป็นที่นิยม Toyota ได้สร้างความสั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ชื่อว่า Toyota Prius
Prius เป็นรถยนต์ไฮบริดเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกของโลก มันเป็นแนวคิดที่ใหม่และซับซ้อนมากในยุคนั้น คือการนำเครื่องยนต์มาทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเป้าหมายด้านความประหยัด
ในช่วงแรก Prius ถูกมองว่าเป็นของแปลก แต่ Toyota ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนามันต่อไปอย่างไม่ลดละ พวกเขาค่อยๆ ทำให้ระบบไฮบริดดีขึ้น, ทนทานขึ้น, และที่สำคัญคือมีราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น
เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าการเดิมพันในครั้งนั้นถูกต้อง เทคโนโลยีไฮบริดได้กลายเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ Toyota มันคือสะพานเชื่อมที่สมบูรณ์แบบระหว่างยุคของเครื่องยนต์สันดาปและยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
มันจึงเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลสำหรับคนที่อยากจะช่วยลดการปล่อยมลพิษและประหยัดเงินในกระเป๋า โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงและความไม่สะดวกของรถ EV เต็มรูปแบบ
ในขณะที่คู่แข่งกำลังสาละวนอยู่กับการเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่ๆ และทุ่มเงินไปกับการตลาดอย่างมหาศาล Toyota กลับทำในสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด นั่นคือการนำเทคโนโลยีไฮบริดที่พวกเขามีอยู่ ไปใส่ในรถยนต์ทุกรุ่นที่ขาย
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กอย่าง Yaris, รถซีดานยอดนิยมอย่าง Camry หรือรถ SUV ขวัญใจมหาชนอย่าง RAV4 ทุกรุ่นล้วนมีทางเลือกที่เป็นไฮบริดให้ลูกค้าได้เลือกใช้
ภาพที่ออกมาจึงดูเหมือนว่า Toyota กำลังเดินตามหลังคนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากำลังค่อยๆ สร้างฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งอย่างเงียบๆ รอเวลาที่สถานการณ์ของตลาดจะเปลี่ยนไป
แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแส EV ที่เคยร้อนแรงก็เริ่มพบกับโลกแห่งความเป็นจริง กลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกที่พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ซื้อรถ EV ไปเกือบหมดแล้ว ตลาดที่เหลืออยู่คือคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวเรื่องราคาและมองหาความคุ้มค่า
ความกังวลต่างๆ เกี่ยวกับรถ EV เริ่มปรากฏชัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ยังสูง, สถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม, ราคาขายต่อที่ผันผวน, และความทนทานของแบตเตอรี่ในระยะยาว
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ยอดขายรถ EV ทั่วโลกเริ่มชะลอการเติบโตลงอย่างเห็นได้ชัด หลายค่ายที่เคยทุ่มเดิมพันไปกับ EV ทั้งหมด เริ่มประสบปัญหาในการระบายสต็อก และต้องปรับลดเป้าการผลิตลง
และในภาวะสุญญากาศนี้เอง ที่รถยนต์ไฮบริดของ Toyota ได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว ผู้บริโภคที่เริ่มลังเลกับรถ EV แต่ก็ยังอยากได้รถที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต่างก็หันมาเทใจให้กับรถยนต์ไฮบริด
1
ยอดขายที่ถล่มทลายในเดือนกรกฎาคม 2025 คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุด ในอเมริกาเหนือ รถยนต์ไฮบริดและรถกระบะรุ่นใหม่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในยุโรปที่ตลาดโดยรวมกำลังซบเซา ยอดขายของ Toyota กลับเติบโตสวนทาง
แม้กระทั่งในตลาดสุดหินอย่างประเทศจีน ที่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าท้องถิ่นแข็งแกร่งมาก Toyota ก็ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยอาศัยทั้งรถ EV ที่พัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ และรถไฮบริดที่ลูกค้ายังคงให้ความไว้วางใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือโชคช่วย แต่เป็นผลลัพธ์จากการวางกลยุทธ์ที่มองเกมยาวและเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงของ Toyota
Toyota ยังคงเดินหน้าพัฒนารถ EV ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการวิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่แห่งอนาคตอย่าง Solid-state Battery ซึ่งถ้าทำสำเร็จ มันจะแก้ไขข้อด้อยของรถ EV ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ทั้งหมด
อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าการเดิมพันครั้งประวัติศาสตร์ของ Toyota ที่สวนกระแสโลก…กำลังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับผม