ความเจ็บปวดสอนให้เรียนรู้การเมืองได้ดีที่สุด
ยังไม่ยอมยกธงขาว ทั้งที่มองไม่เห็นว่าจะมีประตูช่องไหนที่จะชนะได้เลย แต่ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยก็ดิ้นสุดชีวิต
อดีตที่ผ่านมาทำให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคได้บทเรียน อ่านเกมส์ขาด เห็นอนาคตของพรรคเพื่อไทยว่าจะรุ่งเรือง หรือร่วงโรยดับฝันที่จะครองอำนาจรัฐต่อไป
กอปรกับประชาชนทั่วประเทศตื่นตัว หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าต้องการปฏิรูปการเมืองแต่อย่างใด หากแต่ความเดือดร้อนที่ประเดประดังมาทุบหม้อข้าวถึงในครัว
นายใหญ่เจ้าของบริษัทพรรคเพื่อไทย ยืนยันหนักแน่นบนเวทีสาธารณะในงาน exclusive talk เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปีเครือเนชั่น เมื่อ 9 ก.ค.2568 ว่า จะไม่มีการปะทะของกำลังทหารระหว่างไทยกับเขมรที่คุมเชิงกันอยู่ตลอดแนวชายแดนหลายจังหวัดเด็ดขาด
ไม่มีเด็ดขาด คำๆนี้เหมือนบูมเมอแรงของชาวอะบอริจิน ที่ใช้เป็นอาวุธล่าสัตว์ในออสเตรเลีย ย้อนกลับมาตอกหน้าคนขว้างแบบเต็มๆ
เมื่อเขมรเปิดฉากยิงเข้ามาก่อนบริเวณปราสาทตาเมือนทม ในเช้าวันที่ 24 ก.ค.2568 ถัดมาวันที่ 26 ก.ค.2568 เขมรยิงโรงพยาบาลที่ห่างจากแนวชายแดนกว่า 20 กิโลเมตร ร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันถูกยิงด้วยจรวด BM-21 มีพลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต ร่วมสิบคน
ทหารไทยถูกกับระเบิดขาขาดไปทั้งสิ้น 6 นาย สละชีวิตไป 15 นาย บาดเจ็บ 230 นาย พลเรือนเสียชีวิต 17 คน และบาดเจ็บ 38 คน
ประชาชนตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อนต้องอพยพหนีภัยสงคราม ทิ้งบ้านเรือน จำนวนเกือบแสนราย
ความเจ็บปวดครั้งนี้ สาเหตุหลักเกิดจากผู้นำประเทศไทยดำเนินนโยบายผิดพลาด เนื่องจากมีวาระซ่อนเร้นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ระหว่างสองตระกูล คือตระกูลฮุน และตระกูลชิน
ทั้งเรื่องทรัพยากรใต้ทะเลบริเวณเกาะกูด ที่ทั้งนายใหญ่และลูกสาวซึ่งขณะนั้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เผยธาตุแท้ออกมาให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็น ด้วยประโยคที่ว่า ทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนไทยกับเขมรต้องแบ่งกันคนละครึ่ง
การรุกล้ำอธิปไตยตลอดแนวชายแดนไทยเขมร มาจากเรื่องผลประโยชน์ก้อนมหึมาก้อนนี้
หากเปรียบกับมวย ไทยเขมรเหมือนมวยคนละรุ่น ทั้งคุณภาพและจำนวนประชากรที่ต่างกันเกือบ 50 ล้านคน ยิ่งกำลังทหารด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องเปรียบเทียบ เหมือนมวยรุ่นสตรอว์เวท ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 105 ปอนด์ ชกกับรุ่นเฮฟวีเวทที่มีน้ำหนักเกิน 200 ปอนด์
หมอบตั้งแต่โดนหมัดแรก
แต่ทำไมเขมรถึงกล้าชี้หน้าด่าทหารไทยเย้วๆ แบบไม่กลัวฟันหัก จมูกแตก ถ้าไม่ใช่ผู้นำไทยมีวาระอะไรซ่อนเร้นอยู่กับเขมร
จนเมื่อคลิปเสียงมรณะถูกเผยแพร่ออกมาโดยฮุนเซน ทั้งชาวไทย รวมไปจนถึงชาวโลกจึงได้ตาสว่าง ถึงบางอ้อ ในข้อที่เคยสงสัย
ทักษิณ พยายามทุกวิถีทาง ผ่านทางนายภูมิธรรม และคีย์แมนทุกคนในพรรคเพื่อไทย และทรัพยากรทั้งหมดเท่าที่มี
การวิ่งเต้นเข้าหาองค์กรอิสระที่เคยได้ผลเมื่อก่อนนี้ มาคราวนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ พรรคร่วมรัฐบาลตีจาก เพราะเล็งไปข้างหน้าแล้วไม่เห็นอนาคต มีแต่ความดำมืด
การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ได้สำแดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า จริง
เมื่อไม่สามารถรั้งพรรคร่วมไว้ได้ ก็จำเป็นต้องคลานศอกไปหาพรรคประชาชนมาเสริมทัพ แต่หากยังจำได้ การจัดตั้งรัฐบาลคราวที่แล้ว พรรคแดงดัดหลังพรรคสัมแบบเจ็บแสบ ชนิดที่ต้องจำไปจนวันตาย
การออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาจึงเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่เหลือ เดชะบุญของประเทศไทยที่หนังสือถูกตีกลับ หมายความว่ายุบสภาไม่ได้ เป็นไปตามเหตุผลที่นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า นายกรักษาการ ยุบสภาไม่ได้
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามที่ทุกท่านเห็น ล้มเหลวทุกช่องทาง ต่างจากเมื่อก่อนนี้ที่ชี้นกเป็นไม้ชี้ไม้เป็นนก สั่งผีโม่แป้งยังสั่งได้
โอกาสทองเหล่านั้นหมดลงแล้ว ถึงเวลาต้องชดใช้กรรม ลิ่วล้อที่เคยถวายหัวแลกกับตำแหน่งและผลประโยชน์ต่างๆ ที่เบียดบังไปจากงบประมาณและทรัพยากรของประเทศไทย ต้องชิ่งหนีตายเอาตัวรอด
นกกาจะไม่เกาะกิ่งไม้ตาย ที่ไร้ใบให้ร่มเงา เห็บหมัดจะละจากซากหมา ไปเกาะหมาตัวใหม่เพื่อดูดกินเลือด
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของประชาชน ผู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตานักการเมือง ยกเว้นฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง
เป็นกฎธรรมชาติของการรักษาชีวิตเอาตัวรอด ประชาชนโดนหลอกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บกว่าเจ็บ
คาร์บอนฟุตปริ้นท์ ของนักการเมืองทุกคนถูกบันทึก และรีรันกลับมาเล่นใหม่ เตือนความจำให้กับประชาชนว่าต่อไปนี้ จะเลือกคนแบบไหนไปเป็นตัวแทนในสภา
พรรคไหนตระบัดสัตย์ คนไหนตระบัดสัตย์ จะไม่มีโอกาสซ้ำสองกลับมาลอยหน้าลอยตาได้เหมือนแต่ก่อน
การเมืองแบบสร้างสรรค์ จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เชื่อว่าความเจ็บปวดสอนให้ประชาชนเรียนรู้การเมืองได้ผลดีที่สุด
ต้นปี 2569 เรามาพิสูจน์กัน
โดย.. พี่ชื่อวิช
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
