6 ก.ย. เวลา 12:54 • สุขภาพ

แพ้เสียงในหัว...หรือเรากำลังแพ้ตัวเอง?

บางวัน เราอาจเผลอเชื่อเสียงในหัวที่แอบกระซิบว่า
“กินมันเถอะ ชานมแก้วนี้”
“ทักเขาไปอีกสักครั้งจะเป็นไรไป”
หรือหนักกว่านั้น...
“ไม่มีใครรักเราหรอก”
“ถ้าหายไปคงไม่มีใครสนใจ”
คำว่า “เสียงในหัว” ฟังดูเหมือนเป็นมุกเล่น ๆ บนโซเชียล แต่จริง ๆ แล้ว...บางครั้งมันคือสัญญาณเตือนจากใจที่กำลังเหนื่อยล้า หรืออาจเป็นอาการของปัญหาทางจิตใจที่ไม่ควรมองข้าม
mood spoon จึงอยากชวนคุณลองฟังเสียงในหัวแบบใส่ใจขึ้นอีกนิด ว่าเสียงไหนที่ควรรับฟัง...และเสียงไหนที่เราควรหาความช่วยเหลือ
เสียงในหัวแบบไหน...ที่ยังถือว่า “ปกติ”?
หลายคนมีเสียงในหัวอยู่แล้ว และมันไม่ใช่เรื่องแปลก เช่น:
-พูดกับตัวเองในใจ เช่น “วันนี้ต้องรีบหน่อย”
-ลังเลว่าจะกินดีไหม โทรหาเขาดีไหม
-คิดวนเรื่องเก่า ๆ แต่ยังหยุดคิดได้
-เพลงติดหัวทั้งวัน
-ได้ยินเสียงเรียกชื่อเบา ๆ ตอนเหนื่อยหรือก่อนหลับ
เสียงเหล่านี้คือ “ความคิดของเราเอง” มักเกิดจากอารมณ์ ความเครียด หรือความจำที่ยังค้างอยู่ แม้จะฟังดูเหมือนเสียงจริง แต่เรายังรู้ว่าเป็นตัวเราเองที่คิดอยู่
นักวิทยาศาสตร์พบว่า เวลาสมองว่างจากงานตรงหน้า จะมีระบบหนึ่งในสมองทำงานอยู่เบื้องหลัง ทำให้เราคิดวนหรือพูดกับตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ — งานวิจัยยังบอกว่า การพูดกับตัวเองช่วยให้เราควบคุมอารมณ์ มีสมาธิ และตัดสินใจดีขึ้น นักกีฬาและศิลปินหลายคนก็ใช้เสียงในหัวเพื่อเตรียมใจก่อนลงสนามหรือขึ้นเวที
เสียงในหัวแบบไหน...ที่ควรระวัง?
บางครั้งเสียงในหัวไม่ใช่แค่ความคิดธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของอาการทางจิต เช่น:
-ได้ยินเสียงสั่งให้ทำร้ายตัวเอง
-เสียงด่าว่าหรือวิจารณ์ซ้ำ ๆ
-รู้สึกว่าเสียงนั้นไม่ใช่ตัวเรา
-เสียงรบกวนจนใช้ชีวิตลำบาก
อาการเหล่านี้เรียกว่า “ประสาทหลอนทางการได้ยิน” หรือ "อาการหูแว่ว" (Auditory Hallucination) พบในโรคจิตเภทหรือหรือในคนที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง ซึ่งอาจไม่ใช่ความ “บ้า” เสมอไป แต่ภาวะเหล่านี้ที่ควรได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะบางครั้งเสียงนั้นอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเองได้
ฟังเสียงในหัวอย่างเข้าใจ
เสียงในหัวบางเสียงอาจเกิดจาก...
-ความกลัว
-ความเหงา
-ความทรงจำที่ยากจะลบ
-ความคาดหวังจากตัวเองที่มากเกินไป
เราทุกคนมีเสียงในหัวอยู่แล้วแต่สิ่งสำคัญคือ “เราต้องรู้ว่าเสียงไหนควรฟัง และเสียงไหนควรขอความช่วยเหลือ”
ถ้าเสียงในหัวกำลังทำให้คุณทุกข์ใจ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเลยนะ เพราะสุขภาพจิตก็สำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย การไปพบแพทย์ก็เหมือนการดูแลตัวเอง เพื่อให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจอีกครั้ง
โฆษณา