8 ก.ย. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

INVX คาด SET ตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น แรงหนุนจากการเมืองชัดเจน

INVX คาด SET ตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น แรงหนุนจากการเมืองชัดเจนและความหวังเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่หนุน แนวรับ 1255/1250 จุด แนวต้าน 1270/1280 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ OSP, CKP
InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ได้แรงหนุนจากความชัดเจนทางการเมืองและเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ ”คนละครึ่ง” หากใช้งบ 3-5 หมื่นลบ. อาจหนุน GDP 0.13% การทยอยมีมาตรการต่อเนื่องจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ขณะเดียวกันว่าที่รมว.คลัง ดร.เอกนิติ มีโอกาสช่วยสร้างความเชื่อมั่น
โดยประเด็นที่น่าจับตา คือ
ด้านเทคนิค การพักฐานไม่ควรหลุด 1255/1250 ไม่หลุดยังเป็นการแกว่งขึ้น โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1270/1280
1. นายอนุทิน ชาญวีระกูล จากพรรคภูมิใจไทยได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ คนที่ 32 ด้านการจัด ครม. ใหม่ นายกฯ เผยว่ารายชื่อ ครม. ส่วนใหญ่มีความชัดเจนแล้ว โดยกระแสข่าวคาดอย่างน้อย 4 รมว. จะมาจากกลุ่มคนนอกและคาดจะมีการถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 9 ก.ย. ติดตามนโยบาย “คนละครึ่ง” ที่จะถูกนำมาใช้กระตุ้น ศก. ระยะสั้น ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรหุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากเกิดโครงการคนละครึ่งในอดีต แนะนำ TNP, CBG, OSP, HTC, ICHI, TVO
2. ส.อ.ท. ประเมินรัฐบาลที่มีเวลาทำงานราว 4 เดือนถือว่าสั้นมากสำหรับการทำงานเชิงโครงสร้าง เช่น ระบบภาษี, ยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน เป็นต้น และแนะมุ่งเน้นมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนและสร้างบรรยากาศทาง ศก. ที่ดี เช่น การลดค่าครองชีพและต้นทุนพลังงาน, ช่วยเหลือ SMEs, แก้ไขปัญหาหนี้เสีย เป็นต้น
3. 8 ชาติ OPEC+ มีมติเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบใน ต.ค. 2568 อีก 137kBD ซึ่งเป็นการกลับจากมาตรการลดการผลิตแบบสมัครใจ 1.66MBD ที่เดิมจะสิ้นสุดในสิ้นปี 2569 มองเป็น Sentiment เชิงลบต่ออุตฯ น้ำมันขั้นต้น ซ้ำเติมภาวะอุปทานน้ำมันล้นเกิน จากช่วง เม.ย.-ก.ย. 2568 ที่ OPEC+ เพิ่มการผลิตรวมมากถึง 2.5MBD เป็นบวกต่อ OR, AAV, BA
4. การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯใน ส.ค. 2568 เพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่วนตัวเลขใน มิ.ย. ถูกปรับทบทวนและพบว่าการจ้างงานหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 สะท้อนตลาดแรงานที่ชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ หนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยในการประชุม 16-17 ก.ย.นี้
5.ปธน. ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา เปิดทางยกเว้นภาษีศุลกากรกว่า 45 รายการสำหรับประเทศคู่ค้าที่บรรลุข้อตกลงด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เช่น นิกเกิล, ทองคำ, โลหะอื่นๆ, เภสัชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว โดยคาด Fund Flow จะทยอยไหลเข้าและประเมินแนวต้านที่ 1280/1300 ส่วนคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 ก.ย. นี้คาดจะสร้างความผันผวนต่อตลาดน้อยลงจากที่คาดไว้เดิม ส่วนปัจจัยต่างประเทศสำคัญติดตาม
ได้แก่ CPI ส.ค. ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.9%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 2.7%YoY ใน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหรือไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อใน ก.ย. นี้ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 11 ก.ย. นี้คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC
2. หุ้นปันผลคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตในระยะสั้น คาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB HMPRO (XD 10 ก.ย.) และ KKP (XD 10 ก.ย.)
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play คาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อ โดยเลือกหุ้น SET50 ราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก มี PBV และ PER 2568F < -1SD มีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL CRC MTC PTT WHA
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและ/หรือดอลลาร์อ่อนค่า(บาทแข็ง) แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC BCPG GULF) และ 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล กลุ่มค้าปลีก (CPALL GLOBAL) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC)
Daily Top Picks
OSP: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากโครงการคนละครึ่ง รายได้เครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคลมีโอกาสเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสเพิ่มจากธุรกิจของใช้ส่วนบุคคล บริษัทวางแผนทวงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศคืนใน 2H68 ทำการตลาดมากขึ้นและขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 18.50 บาท
CKP: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากดอกเบี้ยขาลงและการเข้าสู่ฤดูกาลทำกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำช่วง 3Q68–4Q68 คาด EPS โตเด่น 33% ในปี 2568 และ 14% ในปี 2569 ขณะเดียวกัน Valuation ยังถูก (2569F PER 12x, P/BV 0.8x, Yield 3%) การลดดอกเบี้ยทุก 0.5% เพิ่มกำไร 8% ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 3.04 บาท
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา