8 ก.ย. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เร่งผลักดัน! ส่งออกข้าว-มันสำปะหลัง รุกตลาดญี่ปุ่น-นิวซีแลนด์ ยัน การเมืองไม่กระทบ

กรมการค้าต่างประเทศ ผลักดัน ส่งออกข้าว–มันสำปะหลัง เจรจาขยายตลาดญี่ปุ่น–นิวซีแลนด์ พร้อมเร่งแก้ปัญหาการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ย้ำ การเปลี่ยนแปลงการเมือง ไม่กระทบการทำงาน ข้าราชการประจำพร้อมเดินหน้าภารกิจต่อเนื่อง
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ จะส่งเสริมภารกิจสำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น การค้าข้าวกับต่างประเทศ ได้เตรียมเจรจากับญี่ปุ่น ภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยเพิ่ม ขณะที่ สินค้ามันสำปะหลัง อยู่ระหว่างหารือกับผู้นำเข้าและจะจัดกิจกรรมแมตช์ชิ่งเจรจาการค้า (Business Matching) สำหรับสินค้ามันสำปะหลังอัดเม็ด เพื่อเจาะตลาดใหม่ให้กับสินค้ามันสำปะหลังไทยที่ประเทศนิวซีแลนด์
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
รวมถึงการส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดน ซึ่งในส่วนของการค้ากับกัมพูชา มีความหวังคาดหวังว่า อยากให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ปกติโดยเร็ว เพราะจะส่งผลต่อผู้ประกอบการการค้าชายแดน ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศพร้อมให้ความช่วยเหลือ ด้วยการอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ
นอกจากนี้ การค้าชายแดนกับเมียนมา หลังจากที่มีการปิดด่าน ขณะนี้ได้มีการเจรจากับเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยแล้ว โดยวันที่ 8 ก.ย. นี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง จะร่วมเดินทางไปกับเอกอัครราชทูตไทยไปเจรจาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา เพื่อทำให้การค้าที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมา กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว
ส่วนข้อกังวลใดๆ ของฝั่งเมียนมา ทางฝั่งไทยยินดีนำมาปรับปรุงแก้ไข หรือ มาขอผ่อนผันในช่วงระยะเวลา เปลี่ยนผ่านในเรื่องของการส่งออก export learning แล้วก็ Import License (ใบอนุญาตนำเข้า) โดยกรมฯ จะให้ข้อมูลกับทางผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจสอบสินค้าให้ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า ขณะนี้การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลกระทบต่อการผลักดันภารกิจการทำงานของกรมการค้าต่างประเทศอย่างไร โดยเฉพาะการผลักดันการส่งออกข้าว นางอารดา ระบุว่า ในส่วนของข้าราชการที่ปฏิบัติงานในกรมการค้าต่างประเทศ ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของงบประมาณรายจ่ายปี 69 ได้ผ่านสภาฯ แล้ว เพราะฉะนั้น เชื่อว่า ภารกิจงานต่างๆ ข้าราชการประจำก็จะปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ไม่มีการหยุดชะงัก
“ข้าราชการประจำจะปฏิบัติงานอย่างเต็มที่แน่นอน ไม่มีการหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาลไหนมา เราก็เป็นข้าราชการมืออาชีพ พร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนแน่นอน แล้วก็พร้อมที่จะทำงานตามนโยบายที่กำหนดไว้ สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 69 ”
จากนั้น อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเยี่ยมชมกิจการบริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเค้กเแช่แข็ง เค้กสำเร็จรูปทั่วไป เบเกอรี่ ไส้ผลิตภัณฑ์ ขนมทองม้วนกรอบ และเค้กฝอยทอง ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งบริษัทฯ เป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการที่ใช้บริการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าผ่านระบบ DFT SMART C/O
โดยในช่วงปี 2567 - สิงหาคม 2568 บริษัทฯ ขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าผ่านระบบ DFT SMART C/O จำนวน 88 ฉบับ แบ่งเป็น FTA ไทย - ออสเตรเลีย จำนวน 41 ฉบับ Form C/O ทั่วไปจำนวน 33 ฉบับ Form AJ จำนวน 6 ฉบับ และ Form E จำนวน 8 ฉบับ มูลค่ารวม 1,594,800 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ 52,628,415 บาท แบ่งเป็น FTA ไทย – ออสเตรเลีย มูลค่า 408,918 ดอลลาร์สหรัฐ Form C/O ทั่วไป มูลค่า 104,676 ดอลลาร์สหรัฐ Form AJมูลค่า 968,089 ดอลลาร์สหรัฐ และ Form E มูลค่า 113,117 ดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าที่ขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าคือ ทองม้วนกรอบ
การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ผ่านระบบ DFT SMART C/O ผู้ประกอบการสามารถใช้งานระบบ DFT SMART C/O ครบจบกระบวนการตั้งแต่การยื่นคำขอ การติดตามสถานะคำขอและติดต่อรับหนังสือรับรองฯ ที่เจ้าหน้าที่อนุมัติแล้วด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยการสมัครบัญชีผู้ใช้งานผ่านระบบ DFT SMART - I
จุดเด่นของระบบ DFT SMART C/O คือผู้ประกอบการสามารถพิมพ์หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่เจ้าหน้าที่อนุมัติแล้ว ได้ด้วยตนเอง (Self - printing) ได้อย่างง่ายดายเพียงซื้อแบบพิมพ์หนังสือรับรองฯ จากกรมฯ ผ่านเว็บไซต์ formstore.dft.go.th เพื่อนำไปพิมพ์ด้วยตนเอง รวมทั้งมีช่องทางการรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Payment) โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับหนังสือรับรองฯ ที่กรมฯ (No Visit)
ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ลดต้นทุน ประะหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งนำร่องด้วย e-Form D และ e-CO JPEPA ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ กับประเทศปลายทางได้
นอกจากนี้ ปัจจุบัน กรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาระบบการให้บริการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออก - นำเข้าสินค้า ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล (DFT SMART - Licensing) ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดระบบ DFT SMART - I ให้ไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างครบวงจร รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เช่น เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และการแปลงไฟล์ภาพให้เป็นไฟล์ข้อความ (Optical Character Recognition : OCR) เป็นต้น เข้ามาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มศักยภาพและเพิ่มผลสัมฤทธิ์ในการให้บริการ
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกจากการขอรับบริการที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจส่งออก - นำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มแต้มต่อทางการค้าและทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยมีแผนจะเปิดให้บริการระบบดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในเดือนกันยายนนี้”
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 - สิงหาคม 2568 กรมฯ ได้ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าผ่านระบบ DFT SMART C/O รวม 12 ประเภท ได้แก่ (1) Form RCEP (2) Form อาเซียน -ฮ่องกง (3) Form อาเซียน - ญี่ปุ่น (4) Form อาเซียน - จีน (5) Form อาเซียน - เกาหลี (6) Form อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์
(7) Form ไทย - เปรู (8) Form ไทย - ญี่ปุ่น (9) Form ไทย - ออสเตรเลีย (10) Form C/O ทั่วไป (11) e-Form D อาเซียน และ (๑๒) Form C/O สินค้าส่งออกไป EU (ข้าว/มันสำปะหลัง/แป้งมันสำปะหลัง/ไก่/ปลา/ใบยาสูบ/หัตถกรรมทั่วไป/ผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอด้วยมือ)
หากผู้ประกอบการมีข้อสอบถามเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตและหนังสือสำคัญการส่งออก – นำเข้าสินค้า หรือการค้าต่างประเทศอื่น ๆ สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน 1385 หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา