8 ก.ย. เวลา 05:51 • ความคิดเห็น
กำลังเรียนรู้เรื่องวิญญาณหกพอดี จิตอาศัยในกายนี้ มันต้องอาศัยวิญญาณหก .แหม..เกิดมาตั้งนาน ก็ใช้วิญญาณหกกับเค้าไม่เป็น เอาไปเอาตาไปมอง เอาหูไปฟังเสียง ตาไปมองรูปนั้นสวยก็ยึด เข้ามา ยึดรูปมายา มาคิด มาติมาชม มีกายวาจาใจ ..เอ้อ..มันเกิดเป็นกายวาจาใจ ที่เป็นกรรมก็ยังไม่รู้ตัว ..มีหู..ก็ฟังเสียงนั้นเสียงนี้ เสียงนกกา หมาเห่า คนติคนชม มาว่าเรา
แล้วที่ไม่รู้จักเข้าไปอีก ว่า สัมผัสทั้งหลาย มันเป็นเหมือนเชื้อโรค บันทึกจดจำไว้กับธาตุทั้งสี่ ว่าเป็นกรรมเกิดขึ้น ที่ธาตุทั้งสี่ แล้วก็ไม่รู้ว่า จะเอากรรมที่อยู่กับธาตุุทั้งสี่ออกไปได้อย่างไร จิตน้อยๆอาศัยภายในกายนี้ ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีน่ะ
..เราเป็นผู้ไม่รู้ .ไม่สติสัมปชัญญะรู้จักรรม ไม่สติสัมปชัญญะรู้จักธรรม..ไม่รู้จักว่า โลกนั่นให้อะไรแก่เราที่มาอาศัยกาย .ก็มุ่งมันหากรรม หาทรัพย์สิน ชื่อเสียง ลาภสรรเสริญ ไม่รู้จักว่า สิ่งเหล่านี้นั้นมีกรรม ไม่ว่าจน ว่ารวย ก็มั่งมั่นหามา ใช้กายนี้ ไปเสาะแสวงหามายึดถือ แล้วกายนี้ ก็แก่เจ็บตายไป เอาอะไรไปไม่ได้เลย ในสิ่งที่วิญญาณนั้น.. มีตามีหู ..มองไป เสาะแสวงหา .กรรมมาทับถมจิตของตัว หามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทุกข์มาก มีภาระมาก ..จิตรับรู้ไม่ได้เลย ว่าจมอยู่กับความทุกข์
..พอหูได้ยิน วิญญาณหูส่งไปให้จิต ที่อาศัยภายในกาย .อารมณ์ พอใจไม่พอใจ มันก็เกิดขึ้น ไหลออกมาจากธาตุุทั้งสี่ ..มีความโกรธเกรี้ยว โมโห เห็นตัวเองดีแล่ว มาว่ามาติเร่ได้อย่างไร นี่ ..มันเจ็บปวด อาฆาต ….ขันธ์ทั้งห้วิญญาณทั้งหก โอ้ว แปลงร่างเป็นอสุรกาย
คราวนี้ ทำอย่างไร จะให้วิญญาณทั้งหอก เราดี จะทำอย่างดีนระเพื่อที่จะแก้ไข นิสัยสันดานตัวเองเค้าทำกันอย่างไร .
เรื่องราวของวิญญาณหก นั่น มันเป็นเรื่องราว ที่พัวพันกับความไม่รู้ เป็นอวิชชา จิตที่ไม่สามารถ เจ้าไปเรียนรู้จัก เรื่องราว ของอารมณ์ เรื่องราวของเส้นทางที่เราใช้ชีวิต ใช้วิญญาณทั้งหก นั่นมันเกิดกรรมขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเราก็ไม่รู้จักว่า จิตของเราที่อาศัยในกายนั่น มันตกต่ำลงไปเรื่อย ไม่รู้ว่า เกิดมาอาศัยกายนี้ทำไม
..เกิดมาได้กาย ได้วิญญาณทั้งหก เค้าให้ใช้กายวิญญาณนี้ทำอะไีร ที่ว่ายกกายยกจิต ทำกายกรรม นั้นให้เป็นกายบุญ ..จิตอาศัยในกาย ก็ไม่สามารถที่จะใช้กายนี้ ให้เกิดประโยชน์ พอจิตออกจากกาย จิตนั้นก็มีแต่กรรม ที่เค้าว่า เกิดมาใช้กายนี้ มาสร้างบุญก็บารมี ให้มีกายบุญให้จิตได้พ้กอาศัย กายบุญนั้น เป็นเรื่องของกาย จิตไปอาศัยกายเทพยดาอินทร์พรหม ไปถึงกายเป็นพระจิต จิตเป็นพระ
เรื่องอย่างนี้ คนที่เค้า รู้ว่า เกิดมาต้องตาย ตายแล้วจิตต้องเดินทางจากสังขารนี้ เค้าได้เจอเรื่องราวคำสอน ให้สร้างบุญกบารมี เค้าก็นำมาปฏิบัติทำตาม ตามรอยที่พระท่านสอน รอยที่ท่านทิ้งไว้ ก็นำมาปฏิบัติเรียนรู้ขึ้นมา ให้ติตได้เรียนรู้
แต่นั่นก็เหมือนเสี่ยงทาย ว่าเราจะเจอะอาจารย์ ที่ท่านทำทำตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ..เจอผู้ที่ที่ทำได้ ถึงคำวา ..ธรรม แล้วก็ได้ฟังธรรม จากจิตของผู้ที่ทำได้ ขี้แนะนำ ให้ปฏิบัติ ..เพื่อแก้ไขนิสัยสันดานตัวเอง ให้จิตพ้นบ่วงเวรกรรม ที่ไหลมา กับวิญญาณทั้งหก .. สติสัมปชัญญะบของเรา ..มันเป็นผู้ไม่รู้ในสิ่งที่ใหลเข้ามา ..ว่าสิ่งเหล่านี้คือกรรม หลอกให้จิตไปยึดถือ
เรื่องของตา บันทึกภาพ หูบันทึกเสียง จิตของเราที่อาศัยอยู่ในกาย ก็ไม่สามรถ เรียนรู้รับรู้ ว่าสิ่งที่ตาเห็นภาพ หูบันทึกเสียง มันเกิดมีกายยึด ..เก็บเข้ามา ..เช่น เราไปได้ยินเสียงคนนั้นี้คนนี้ ว่าเรา ..กิริยาท่าทาง กายวาจาใจ ของเค้า ..มันเร่าร้อน มันเป็นทุกข์ เกิดขึ้นที่ตัวเค้า เราก็ไปรับเอากิริยาท่าทาง กายวาจาของเค้า รับเอามา รับทุกข์ของเค้ามา จิตของเราก็ไม่มีสติปัญญา อยู่นิ่ง ตรวจสอบ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในกายที่จิตเราอาศัย ..ไม่สามารถสืบค้นเรื่องราวต่างๆได้
เพราะจิตเราเป็นผู้ที่มีกรรม กรรมก็ปิดบัง มิให้จิตนั้นมีแสงสว่าง ที่จะตรวจสอบ เรื่องราวที่ไปเอาทุกข์ของผู้อื่น เอามาเป็นของตนเอง ..ก็ไม่มีปัญญาตรวจสอบ ก็หลงคิดว่า ตนเองฉลาด พอเร่าเรียนรู้ มากขึ้น..อุ้ย..ที่แท้ ตัวเรามันโง่ รับรู้อะไรไม่ได้ ในคำว่ากรรม ที่มันเกิดขึ้น จากตาหูที่เราสัมผัส ยึดเอาเข้ามา บางที่เค้าติเตียนจบเรื่องเค้าไป แล้ว ผ่านไปแล้ว ก็วยึดจดจำภาพนั้น เสียงนั้น มาเชือดเฉือนภายใน เขือดเฉือนจิตของตัวเอง นี่แค่ วิญญาณตา กับหู ยังเหลืออีกสี่ ก็ต้องเรียนรู้ต่อไปอีก ในแต่ละวิญญาณ..
คราวนี้ เรามาเรียนรู้จัก ผู้ที่มีบุญกุศลบารมี ท่านก็พากาย พาวิญญาณทั้งหก ไปอยู่ป่า ไม่มีเรื่องราวของจิตที่อยู่เมืองไปด้วย ทิ้งเมือง ทิ้งวัง ..ก็ไปอยู่ป่า วิญญาณทั้งหก ก็ไม่ไปสัมผัส เรื่องราวต่างๆเหมือนคนเมือง คราวนี้ แหละ จิตก็ได้เรียนรู้จักทุกข์ที่แท้จริง นั่นมาจากไหนบ้าง ก็อาศัย การทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ..เพียรพยายาม ตรวจสอบ เรื่องราวต่าง ๆ
แล้วการที่จิตนิ่ง กายนิ่งได้ ก็มีแสงรัตนะเกิดขึ้น ก็อาศัยแสงรัตนะ ตรวจสอบ เรื่องราวในกายที่จิตอาศัย ..แล้ว บังคับกายให้นิ่ง จิตนิ่ง อารมณ์อะไรมันผุดขึ้นมา ความเจ็บปวดเกิดขึ้น ความหิวเกิดขึ้น ก็บังคับกายไม่ขยับเขยื้อน ..อารมณ์มันเกิดมา เกิดได้ก็ดับได้ ก็ทำไป เหมือนแกะกลีบบัวสลัดออกไปๆ จนในที่สุด ก็เหลือแต่จิต เปล่งประกาย ด้วยแสงรัตนะ หลุดพ้นจากกรรม จากทุกข์ทั้งหลายที่หุ้มห่อจิต
แล้วนั้นจึงมีเรื่องราวของการเอาจิตมาสร้างบุญกุศล เอาจิตมาสวดมนต์ กราบพระก็กราบด้วจิต ..ปราศจากอารมณ์ ต่างๆ มันก็มีเรื่องราว ที่มีพระท่านทำได้
ท่านก็ช่วยสงเคราะห์ วิธีการให้ นำกายพ่อแม่มากราบพระ กราบอย่างไร ให้ตาหูวิญญาณทั้งหก มากราบพระ ไม่มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นที่กาย..กราบแล้ว กราบแต่ละครั้ง ก็ให้เกิดคำว่า แสงรัตนะ ปรากฏขึ้น ที่ตามองดูการกระทำของตนเอง บันทึกเรื่องราวของตนเอง ลงไปที่ธาตุทั้งสี่ที่ตนเองอาศัย ทุกคนนั้นก็มีดินมีน้ำมีลมมีไฟทั่วทุกกาย ..ใครใช้กายวาจาใจทำอะไร ธาตุุทั้งสี่ก็บันทึกไว้ให้
เรื่องราวเหล่านี้ ก็เรื่องราวรอยของพระ รอยทั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่นึกคิดอะไร ไม่มีอารมณ์ อะไรเกิดขึ้น วิญญาณทั้งหกก็ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง วิญญาณทั้งหกบริสุทธิ์ไม่มีม่านหมอก ไม่มีมลทิน จิตก็สะอาดสะอ้าน.. แต่รอยทั้งสี่ของมนุษย์ปุถุชน ยืน เดิน นั่ง นอน แม้แต่นอนก็ยังสร้างกรรม
โฆษณา