Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Histofun Deluxe
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 ก.ย. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
• ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ฉบับอ่านจบในโพสต์เดียว
• ยุคโจมง (Jomon Period) | 14,000-300 ปีก่อนคริสตกาล
ยุคโจมง นับเป็นยุคสมัยแรกของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ราว 14,000 จนถึง 300 ปีก่อนคริสตกาล เป็นช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นโบราณได้เดินทางอพยพเข้ามาอยู่ในบริเวณของหมู่เกาะญี่ปุ่น
นักประวัติศาสตร์ได้สัณนิษฐานว่า ได้ปรากฏผู้คนมาอาศัยในดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่ราว 30,000 ปีก่อนคริสตกาล วิถีชีวิตของผู้คนในยุคโจมงนี้ ใหญ่จะมีวิถีชีวิตแบบล่าสัตว์ เก็บพืชป่า
ตามตำนานของชาวญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาเชื่อว่าญี่ปุ่นและสมเด็จจักรพรรดิของพวกเขา ได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยนี้ โดยมีสมเด็จจักรพรรดิจิมมุ (Jimmu) เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกตามความเชื่อของญี่ปุ่น
ส่วนที่มาของชื่อยุค โจมงในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ลายเชือก สื่อถึงลักษณะเครื่องปั้นดินเผาในยุคสมัยนี้ ที่มีการนำเชือกมาพาดเป็นลวดลาย
• ยุคยาโยะอิ (Yayoi Period) | 300 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 250
ยุคยาโยะอิ คือยุคสมัยที่ชาวญี่ปุ่นเริ่มทำการเกษตรกรรมและเพาะปลูกพืช วิถีชีวิตของพวกเขาเริ่มอยู่เป็นลักษณะสังคมเมืองและชุมชนขนาดเล็ก ชื่อของยุคมาจากชื่อย่านยาโยะอิในกรุงโตเกียว ที่เป็นแหล่งค้นพบเครื่องปั้นดินเผาของยุคสมัยนี้เป็นครั้งแรก
1
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนในช่วงเวลานั้น ได้กล่าวไว้ว่า บริเวณดินแดนญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยชนเผ่าและแคว้นจำนวนมาก
โดยหนึ่งในแคว้นโบราณของญี่ปุ่นที่จีนกล่าวถึง ก็คือแคว้นที่มีชื่อว่า "ยามาไต" (Yamatai) ที่มีราชินีฮิมิโกะ (Himiko) เป็นผู้ปกครอง และจีนยังเรียกผู้คนบนเกาะญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นว่า "วะ" (Wa) ที่แปลว่า คนเตี้ยแคระ
• ยุคโคฟุง (Kofun Period) | ค.ศ. 250-538
ยุคโคฟุง เป็นยุคสมัยที่สืบต่อจากยุคยาโยะอิ นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ราชวงศ์ยามะโตะ (Yamato) ราชวงศ์แห่งสมเด็จจักรพรรดิญี่ปุ่นนั้น ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงยุคโคฟุง ไม่ใช่ยุคโจมงตามที่ตำนานญี่ปุ่นบันทึกไว้
โดยศูนย์กลางอำนาจของยุคโคฟุง ตั้งอยู่ที่เมืองยามะโตะ โดยที่มาของชื่อยุคโคฟุงนี้ มีที่มาจากชื่อเรียกของสุสานจักรพรรดิญี่ปุ่น ที่ปรากฏอยู่จำนวนมากในยุคสมัยนี้
• ยุคอะสึกะ (Asuka Period) | ค.ศ. 538-710
ยุคอะสึกะ เป็นยุคสมัยที่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา โดยได้รับอิทธิพลโดยเฉพาะจากจีน ชื่อของยุคสมัยมีที่มาจากเมืองอะสึกะ ศูนย์กลางอำนาจในขณะนั้น
2
ในยุคสมัยนี้ อำนาจของราชสำนักและสมเด็จพระจักรพรรดิเริ่มถูกควบคุมโดยกลุ่มขุนนางจากตระกูลโซงะ (Shoga) โดยมีการแต่งงานกันระหว่างราชวงศ์ยามะโตะกับคนจากตระกูลโซงะ
แต่ท้ายที่สุดตระกูลโซงะ ก็ถูกปราบปรามโดยเชื้อสายราชวงศ์และคนจากตระกูลฟูจิวาระ (Fujiwara) ซึ่งในเวลาต่อมา ตระกูลฟูจิวาระจะกลายเป็นผู้คุมอำนาจของราชสำนักญี่ปุ่นแทน
นอกจากนี้ในยุคอะสึกะ ยังมีนักปฏิรูปคนสำคัญที่ต้องกล่าวถึง คือเจ้าชายโซโตกุ (ค.ศ. 574-662) ผู้นำการปฏิรูปญี่ปุ่นในหลากหลายด้าน อาทิ การฟื้นฟูพระราชอำนาจของจักรพรรดิ การรับเอาศาสนาพุทธเข้ามาในญี่ปุ่น การนำแนวคิดของศาสนาพุทธมาประยุกต์ใช้กับศาสนาชินโต (Shinto) และลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของญี่ปุ่น
• ยุคนารา (Nara Period) | ค.ศ. 710-794
ยุคนารา เป็นยุคสมัยที่สืบต่อจากยุคอะสึกะ ชื่อของยุคตั้งตามชื่อเมืองนารา หรือ เฮโจเคียว (Heijokyo) ศูนย์กลางอำนาจในขณะนั้น
ซึ่งนครนารานี้ ถือว่าเป็นเมืองแรกๆ ของญี่ปุ่น ที่ได้รับต้นแบบจากการสร้างเมืองของจีน ทำให้นครแห่งนี้มีผังเมืองที่มีระเบียบแบบแผน
ยุคนารายังเป็นยุคสมัยที่มีการก่อสร้างศาสนสถาน และวัดทางศาสนาเป็นจำนวนมาก ยุคสมัยนี้จึงถือว่าเป็นยุคที่ศาสนาพุทธในญี่ปุ่นเจริญเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ในยุคนารา ยังได้มีการจัดทำบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นขึ้นมา ที่มีชื่อว่า "นิฮง โซกิ" (Nihon Shoki) และ "โคจิกิ" (Kojiki) ซึ่งบันทึกทั้งสองนี้ ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
โดยบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งสองเล่มนี้ จะบันทึกเรื่องราวตั้งแต่การสร้างประเทศญี่ปุ่น เรื่องราวของเทพปรัมปราญี่ปุ่น และการถือกำเนิดของราชวงศ์ยามะโตะ ที่อ้างว่าสืบเชื้อสายจากเทพีอะมะเตะระสุ (Amaterasu) เทพีแห่งดวงอาทิตย์ ที่ชาวญี่ปุ่นให้ความเคารพนับถือ และยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่น
2
ที่สำคัญชื่อประเทศในภาษาญี่ปุ่นอย่างนิปปง (Nippon) หรือนิฮง (Nihon) ที่มีความหมายว่า "ดินแดนอาทิตย์อุทัย" ก็ได้ปรากฏขึ้นในยุคสมัยนี้ด้วย
1
• ยุคเฮอัน (Heian Period) | ค.ศ. 794-1185
ยุคเฮอัน เป็นยุคที่สืบเนื่องต่อจากยุคนารา โดยเริ่มจากการย้ายเมืองหลวงจากนครนารา มาที่นครเฮอันเคียว (Heiankyo) หรือนครเกียวโต (Kyoto) ในปัจจุบัน
ในยุคสมัยนี้ เป็นสมัยที่ศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์และเฟื่องฟูถึงขีดสุด ลักษณะสังคมและอัตลักษณ์จากชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากยุคเฮอัน
ในยุคเฮอัน อำนาจของราชสำนักและสมเด็จพระจักรพรรดิ รวมไปถึงตระกูลฟูจิวาระที่กุมอำนาจในราชสำนักมาตั้งแต่ยุคอะสึกะ เริ่มเข้าสู่ความเสื่อมถอย
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าบรรดาตระกูลต่างๆ ที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น เริ่มซ่องสุมอำนาจ และแย่งชิงอำนาจกัน โดยแต่ละตระกูลจะมีทหารอาชีพเป็นของตนเอง และนี้ก็คือที่มาของ "ซามูไร" (Samurai) นักรบชั้นสูง ที่จะมีอำนาจและอิทธิพลในญี่ปุ่นจนถึงช่วงศตวรรษที่ 19
1
ในช่วงปลายยุคเฮอัน เกิดการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างสองตระกูล คือ ตระกูลไทระ (Taira) และตระกูลมินาโมโตะ (Minamoto) จนเกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ คือ สงครามเกนเป (Genpei War) ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180-1185 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของตระกูลมินาโมโตะ
หลังชัยชนะในสงครามเกนเป ผู้นำของตระกูลมินาโมโตะ นามว่า มินาโมโตะ โยริโตโมะ (Minamoto Yoritomo) จึงได้สถาปนาตนเองเป็นโชกุน (Shogun) ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารของจักรพรรดิ และก่อตั้งรัฐบาลโชกุนที่เมืองคามาคุระ (Kamakura) นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคามาคุระ
• ยุคคามาคุระ (Kamakura Period) | ค.ศ. 1185-1333
ยุคคามาคุระ เป็นยุคสมัยที่ญี่ปุ่นถูกปกครองโดยรัฐบาลของโชกุน (Shogunate) หรือบาคุฟุ (Bakufu) จากตระกูลมินาโมโตะ ซึ่งมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมืองคามาคุระ
ตามหลักชนชั้นทางสังคมของญี่ปุ่นโบราณนั้น ตำแหน่งโชกุนจะมีอำนาจที่น้อยกว่าและเป็นผู้รับใช้ของจักรพรรดิ แต่นับตั้งแต่ยุคคามาคุระเป็นต้นมา อำนาจในการปกครองญี่ปุ่นทั้งหมด จะตกอยู่ในมือของโชกุนแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนราชสำนักและจักรพรรดิ ที่ประทับอยู่ในนครเกียวโตนั้น จะไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ ในการปกครองประเทศ จักรพรรดิจะทรงเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์และประมุขของญี่ปุ่นในนามเท่านั้น
เรียกได้ว่านับตั้งแต่ยุคคามาคุระ ญี่ปุ่นมีรัฐบาลที่ปกครองประเทศอยู่ 2 รัฐบาล คือ รัฐบาลของราชสำนักที่ไม่มีอำนาจใดๆ กับรัฐบาลของโชกุนที่มีอำนาจที่แท้จริง
ยุคคามาคุระยังเป็นยุคที่ญี่ปุ่นถูกรุกรานจากชาติภายนอก โดยเฉพาะจักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire) ที่เข้ารุกรานญี่ปุ่นในปี 1274 และ 1281 อีกด้วย
• ยุคมุโรมาจิ (Muromachi Period) | ค.ศ. 1336-1568
ในช่วงปลายยุคคามาคุระ อำนาจของโซกุนคามาคุระเริ่มเสื่อมถอย เปิดโอกาสให้สมเด็จพระจักรพรรดิโกไดโงะ (Go-Daigo) ทำการปฏิรูปเคมมุ (Kemmu Restoration) ในปี ค.ศ. 1333 เพื่อล้มล้างรัฐบาลโชกุน และคืนอำนาจให้กับราชสำนัก
โดยสมเด็จพระจักรพรรดิโกไดโงะ ได้ขอความช่วยเหลือจากอะซิกางะ ทากาอุจิ (Ashikaga Takauji) ผู้นำตระกูลอะซิกางะ ในการทำศึกโค่นล้มรัฐบาลโชกุนคามาคุระ
ท้ายที่สุด อะซิกางะ ทากาอุจิ ก็ได้นำกองทัพโค่นล้มรัฐบาลโชกุนคามาคุระได้สำเร็จ แต่ในเวลาต่อมา ทากาอุจิกลับสถาปนาตนเองเป็นโชกุน และก่อตั้งรัฐบาลโชกุนแห่งใหม่ที่ย่านมุโรมาจิในนครเกียวโตแทน ในปี ค.ศ. 1336 นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคมุโรมาจิ
อำนาจของโชกุนมุโรมาจิ รุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของอะซิกางะ โยซิมิตสึ (Ashikaga Yoshumitsu : ค.ศ. 1394-1423) ซึ่งเป็นโชกุนที่เรารู้จักกันอย่างดีจากการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง
3
ในช่วงปลายยุคมุโรมาจิ อำนาจของรัฐบาลโชกุนเริ่มอ่อนแอ ส่งผลให้เหล่าบรรดาไดเมียว (Daimyo) หรือเจ้าผู้ครองแคว้น เริ่มซ่องสุมกำลังและก่อศึกแย่งชิงอำนาจกัน และยุคสมัยที่ญี่ปุ่นเกิดศึกสงครามระหว่างแว่นแคว้น แผ่นดินญี่ปุ่นแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นี้ เรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่า "ยุคเซงโกคุ" (Sengoku Period) หรือยุครณรัฐ (รัฐสงคราม) ซึ่งเป็นยุคสมัยย่อยภายในยุคมุโรมาจิ
• ยุคอะสึจิ-โมโมยามะ (Azuchi-Momoyama) | ค.ศ. 1568-1603
ในปี ค.ศ. 1568 โอดะ โนบุนางะ (Oda Nobunaga) ไดเมียวแห่งแคว้นโอวาริ (Owari) ได้เข้ายึดครองนครเกียวโต และโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลโชกุนมุโรมาจิได้ อำนาจทั้งหมดของญี่ปุ่นในขณะนั้นแทบตกอยู่ในมือของโนบุนางะ
แต่ในเวลาต่อมา โนบุนางะกลับถูกลูกน้องของตนทรยศจนต้องปลิดชีพตัวเอง โดยผู้ที่สืบทอดอำนาจต่อจากเขาก็คือ โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ขุนศึกคนสำคัญของโนบุนางะ
ฮิเดโยชิได้สถาปนาตนเองเป็นผู้สำเร็จราชการองค์จักรพรรดิ และสืบทอดเจตนารมณ์ของโนบุนางะ ในการรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียว ในที่สุดปี ค.ศ. 1590 ฮิเดโยชิก็สามารถรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ภายหลังการรวมญี่ปุ่น ฮิเดโยชิได้สร้างศูนย์กลางอำนาจของตนที่เมืองโอซาก้า (Osaka)
ในปี ค.ศ. 1592-1598 ฮิเดโยชิได้สั่งการให้รุกรานเกาหลี แต่การบุกในครั้งนี้ประสบความล้มเหลว ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1598 ฮิเดโยชิจะเสียชีวิตลง
หลังการเสียชีวิตของฮิเดโยชิ ได้เกิดการแย่งชิงอำนาจกัน โดยผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในขณะนั้นก็คือ โทกุงาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu)
ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1600 จะเกิดสงครามเซกิกาฮาระ (Sekigahara) ระหว่างฝ่ายโทกุงาวะ กับฝ่ายที่ต่อต้านเขา ท้ายที่สุดฝ่ายโทกุงาวะชนะอย่างเด็ดขาด ญี่ปุ่นตกอยู่ในมือของโทกุงาวะ อิเอยาสึ
ส่วนที่มาของชื่อยุค มาจากชื่อปราสาทอะสึจิของโนบุนางะและปราสาทโมโมยามะ (หรือปราสาทฟูชิมิ) ของฮิเดโยชิ
• ยุคเอโดะ (Edo Period) | ค.ศ. 1603-1868
ปี ค.ศ. 1603 อิเอยาสึได้สถาปนาตนเป็นโชกุน และก่อตั้งรัฐบาลโชกุนที่เมืองเอโดะ (Edo) หรือโตเกียวในปัจจุบัน นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเอโดะ ยุคสมัยเฟื่องฟูสุดท้ายของระบอบศักดินาญี่ปุ่น
ในยุคเอโดะนี้ ญี่ปุ่นได้มีนโยบายปิดประเทศ ไม่ยอมให้ต่างชาติรวมถึงชาวญี่ปุ่นเดินทางเข้าออกประเทศได้ (ยกเว้นบางชาติ เช่น เนเธอร์แลนด์และจีน ที่ญี่ปุ่นยังคงติดต่อค้าขายอยู่) การปิดประเทศของญี่ปุ่นนี้จะกินเวลายาวนานกว่า 200 ปี
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1853 แมธธิว เพอร์รี่ นายพลเรือชาวอเมริกัน ได้นำกองเรือเดินทางมาที่ญี่ปุ่น และบีบบังคับให้รัฐบาลที่เอโดะยอมเปิดประเทศ ท้ายที่สุดในปีถัดมา ญี่ปุ่นจึงยินยอมเปิดประเทศรับชาวต่างชาติเข้าสู่ญี่ปุ่น
การเปิดประเทศในครั้งนี้ เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลโชกุนเอโดะอ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีไดเมียวของแว่นแคว้นบางส่วนเกิดการต่อต้านรัฐบาลโชกุน และต้องการให้คืนอำนาจการปกครองประเทศให้กับสมเด็จพระจักรพรรดิ
ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่อต้านกับรัฐบาลโชกุนดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1868 โชกุนโทกุงาวะ โยชิโนบุ (Tokugawa Yoshinobu) ได้ตัดสินใจมอบอำนาจการปกครองประเทศคืนแก่สมเด็จจักรพรรดิเมจิ (Meiji) นับเป็นจุดสิ้นสุดของรัฐบาลโชกุนเอโดะ
แม้ว่าโชกุนโยชิโนบุ จะคืนอำนาจให้กับจักรพรรดิแล้ว แต่ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามโบชิน (Boshin War) ในช่วงปี ค.ศ. 1868-1869 ระหว่างฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดิ กับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโชกุน
ท้ายที่สุดสงครามจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายจักรพรรดิ อำนาจการปกครองญี่ปุ่นทั้งหมดกลับคืนสู่องค์จักรพรรดิอีกครั้ง นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยเมจิ ยุคสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ยุคแห่งการปฏิรูปที่นำพาให้ญี่ปุ่นเข้าสู่การเป็นชาติมหาอำนาจ
• ยุคเมจิ (Meiji Period) | ค.ศ. 1868-1912
นับตั้งแต่ยุคเมจิเป็นต้นมา ญี่ปุ่นได้พัฒนาและปฏิรูปประเทศในหลากหลายด้าน จนนำพาให้ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติมหาอำนาจแห่งใหม่ของโลกอย่างแท้จริง ญี่ปุ่นเริ่มทำสงครามขยายอาณาเขต และทำสงครามกับชาติรอบข้างไม่ว่าจะเป็นจีนและรัสเซีย นับเป็นยุคสมัยที่เฟื่องฟูอย่างมากของญี่ปุ่น
• ยุคไทโซ (Taisho Period) | ค.ศ. 1912-1926
ยุคสมัยนี้เป็นยุคที่ญี่ปุ่นขยายอำนาจ และเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของโลก อย่างสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918)
• ยุคโซวะ (Showa Period) | ค.ศ. 1929-1989
ยุคสมัยนี้เป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ารุกรานดินแดนต่างๆ และเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะฝ่ายอักษะ ก่อนที่ท้ายที่สุดญี่ปุ่นจะพ่ายแพ้สงครามในปี ค.ศ. 1945
ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากความบอบซ้ำของสงครามอย่างหนัก
แต่ในท้ายที่สุดญี่ปุ่นก็สามารถผ่านช่วงเวลาอันวิกฤตนี้ได้ และพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและทางสังคมมาจนถึงทุกวันนี้ ภายใต้ยุคเฮเซและเรวะตามลำดับ
• ยุคเฮเซ (Heisei Period) | ค.ศ. 1989-2019
• ยุคเรวะ (Reiwa Period) | ค.ศ. 2019-ปัจจุบ้น
อ้างอิง
• Britannica. History of Japan.
https://www.britannica.com/place/Japan/History
• Japan Guide. History of Japan.
https://www.japan-guide.com/e/e641.html
• Asia Society. Japanese History.
https://asiasociety.org/education/japanese-history
#HistofunDeluxe
ประวัติศาสตร์
ญี่ปุ่น
111 บันทึก
43
73
111
43
73
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย