8 ก.ย. เวลา 09:41 • ประวัติศาสตร์

วันสารทจีน

"เทศกาลสารทจีน" หรือ "เทศกาลผี" จะตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นการเซ่นไหว้และเผากระดาษเงินกระดาษทองเพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ประเพณีนี้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกหลังจากไช่หลุนได้ประดิษฐ์กระดาษตามรูปแบบที่ใช้กันในปัจจุบัน
หลังจากไช่หลุนคิดค้นเทคนิคการทำกระดาษสำเร็จ เขาได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ และนำเทคนิคนี้ไปต่อยอดทำการค้าขายกระดาษจนประสบความสำเร็จ ไช่หลุนมีพี่ชายคนหนึ่งนามว่า "ไช่โม่" และพี่สะใภ้ฮุ่ยเหนียง ทั้งสองต่างก็รู้สึกอิจฉาไช่หลุนมาก
ไช่โม่และฮุ่ยเหนียงอิจฉาไช่หลุน
ฮุ่ยเหนียงเห็นว่าการค้าขายกระดาษทำกำไรมหาศาล และในเมื่อไช่โม่เป็นพี่ชายของไช่หลุน เธอและสามีน่าจะหาประโยชน์ได้จากความสัมพันธ์นี้ เธอได้ให้ไช่โม่ไปเรียนรู้เทคนิคการทำกระดาษจากน้องชาย แต่ไช่โม่กลับไม่อยากไปเรียน เพราะเขาคิดว่าการทำกระดาษนั้นทั้งเหนื่อยและลำบาก สู้ไปขอเงินจากไช่หลุนมาเลยดีกว่า เมื่อฮุ่ยเหนียงได้รู้ว่าสามีของเธอมีความคิดเช่นนี้ เธอจึงรู้สึกโกรธมาก แต่เธอก็พยายามทำใจเย็นและเกลี้ยกล่อมไช่โม่ให้ไปเรียน จนในที่สุดเธอก็เกลี้ยกล่อมเขาสำเร็จ
2
สามวันถัดมาไช่โม่กลับบ้านด้วยท่าทางดีใจ เขาบอกฮุ่ยเหนียงว่าเขาเรียนรู้เทคนิคการทำกระดาษทั้งหมดแล้ว ฮุ่ยเหนียงดีใจมาก เธอไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วนำเงินเก็บทั้งหมดมาเปิดร้านขายกระดาษ แต่หลังจากร้านเปิดได้ไม่นาน ฮุ่ยเหนียงก็ได้พบความจริงว่า ตลอดสามวันที่ไช่โม่ไปเรียนนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง เขาเรียนอย่างผิวเผิน แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้แล้ว ดังนั้นกระดาษที่เขาทำออกมาจึงมีคุณภาพต่ำมากจนไม่มีใครซื้อ ฮุ่ยเหนียงรู้สึกหัวเสียและเสียใจมากที่เชื่อใจสามี
กระดาษคุณภาพต่ำทำให้ขายไม่ได้
สองสามีภรรยาต่างนั่งกลุ้มใจเมื่อเห็นกระดาษเต็มบ้าน ฮุ่ยเหนียงรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก เพราะเงินเก็บทั้งหมดได้นำไปลงทุนเปิดกิจการ แต่กลับขายกระดาษไม่ได้เลย ยิ่งคิดยิ่งทำให้ฮุ่ยเหนียงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ความโกรธและความเครียดทำให้เธอหน้ามืดเป็นลม
เมื่อไช่โม่เห็นฮุ่ยเนียงเป็นลม เขาตกใจมาก รีบเข้าไปประคองฮุ่ยเหนียงไปที่เตียงเพื่อช่วยชีวิต แต่ช่วยอยู่นานอาการฮุ่ยเหนียงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา เขาอยากจะพาฮุ่ยเหนียงไปหาหมอ แต่ที่บ้านไม่มีเงินเหลือเลย เขารู้สึกแค้นใจมาก เขาจึงเผากระดาษไปร้องไห้ไป
ไช่โม่เผากระดาษและร้องไห้ฟูมฟาย
ควันไฟที่ลอยคลุ้งจากการเผากระดาษ ทำให้เพื่อนบ้านต่างตกใจและรีบวิ่งมาดู เมื่อพวกเขาเห็นฮุ่ยเหนียงนอนอยู่บนเตียง ไช่โม่คุกเข่าเผากระดาษและร้องไห้อย่างเจ็บปวด พวกเขาก็นึกว่าฮุ่ยเหนียงเสียชีวิตแล้ว จึงรู้สึกเศร้าเสียใจตามไปด้วย แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ควันจากกระดาษกลับทำให้ฮุ่ยเหนียงไอและฟื้นขึ้นมา เพื่อนบ้านต่างตกใจและไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน
เมื่อฮุ่ยเหนียงลืมตาขึ้นมาและเห็นภาพตรงหน้า ทันใดนั้นเธอก็เกิดความคิดแวบขึ้นมา เธอค่อยๆยันตัวขึ้นอย่างอ่อนแรงและพยักหน้าให้สามีเข้ามาพยุง เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า "เมื่อกี้ข้าเดินทางไปประตูผีมา แต่กระดาษเงินกระดาษทองที่เจ้าเผาไปช่วยข้าเอาไว้ พวกเขาเอากระดาษเหล่านี้ไป แล้วยอมให้ข้าเดินทางกลับมายังโลกมนุษย์" ไช่โม่รู้สึกงงๆแล้วพูดว่า "ข้าไม่ได้เผากระดาษพวกนี้ให้เจ้า" ทันใดนั้นฮุ่ยเหนียงชี้ไปที่กองไฟแล้วพูดว่า "กระดาษเงินกระดาษทองเหล่านี้มีใช้ในยมโลก ที่นั่นก็ใช้กระดาษเป็นเงินเหมือนกัน"
ฮุ่ยเหนียงฟื้นขึ้นมาหลังไช่โม่เผากระดาษ
ก่อนที่ไช่โม่จะพูดอะไรออกมา เพื่อนบ้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า "กระดาษของพวกเจ้าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ช่วยขายให้ข้าหน่อยเถอะ ข้าจะเผาส่งไปให้ท่านแม่ข้าที่จากไปแล้ว ถึงแม้ท่านแม่จะฟื้นขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็ยังช่วยให้ท่านแม่ได้รับความทุกข์ทรมานในยมโลกลดลงได้" เมื่อเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็พากันควักเงินมาซื้อกระดาษกันยกใหญ่
ในวันรุ่งขึ้น ข่าวที่ว่าฮุ่ยเหนียง "ฟื้นจากความตาย" ด้วยกระดาษเงินกระดาษทองก็แพร่ไปทั่วเมือง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาแย่งกันซื้อ ไม่นานนักกระดาษของสองสามีภรรยาก็ขายจนหมดเกลี้ยง
กระดาษของไช่โม่และฮุ่ยเหนียงขายหมด
วันที่ฮุ่ยเหนียง "ฟื้นจากความตาย" ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อถึงวันนี้ผู้คนก็จะจุดธูปเผากระดาษให้แก่ญาติที่ล่วงลับไป ธรรมเนียมนี้จึงถูกเผยแพร่และสืบทอดกันมานับแต่นั้นเป็นต้นมา
ความหมายเชิงวัฒนธรรม
ในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม เทศกาลสารทจีนนอกจากจะเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้ว ยังมีอีกความหมายหนึ่ง
ตามหลักการหยิน-หยางโบราณ เดือนเจ็ดถือเป็นเดือนมงคล และวันที่สิบห้าเดือนเจ็ดก็เป็นวันเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลในต้นฤดูใบไม้ร่วงและแสดงความขอบคุณต่อผืนแผ่นดิน
เมื่อพืชผลสุกงอม ผู้คนก็จะใช้ข้าวใหม่มาเซ่นไหว้บรรพบุรุษเพื่อรายงานผลการเก็บเกี่ยว และเฉลิมฉลองความเป็นสิริมงคล นี่คือความหมายดั้งเดิมของเทศกาลสารทจีน ก่อนที่กาลเวลาจะเปลี่ยนไป ทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นวันเซ่นไหว้ผู้ล่วงลับอย่างในปัจจุบัน
โฆษณา