11 ก.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

☀️ เตือนภัย "พายุสุริยะ" ล่วงหน้าได้นานขึ้น: เมื่อยานสำรวจ อาจให้เวลาเรารับมือได้ถึงครึ่งวัน

คุณเคยจินตนาการไหมครับว่า ถ้าวันหนึ่งไฟฟ้าดับทั่วโลก, อินเทอร์เน็ตล่มสลาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดใช้การไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้น? นี่ไม่ใช่พล็อตหนังวันสิ้นโลกครับ แต่มันคือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้จริงจาก ‘พายุสุริยะ’ (Solar Storm) และที่ผ่านมา เรามีเวลาเตือนภัยล่วงหน้าไม่ถึงชั่วโมง... แต่ตอนนี้ ทุกอย่างอาจกำลังจะเปลี่ยนไป
☄️ ดวงอาทิตย์ของเรานั้นไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่เห็น แต่มันมีการปลดปล่อยมวลพลาสมาขนาดใหญ่ออกมาเป็นครั้งคราว ซึ่งเรียกว่า การปลดปล่อยมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejections - CMEs)
หาก CME ที่รุนแรงพุ่งตรงมายังโลก มันจะนำสนามแม่เหล็กพลังงานสูงมาด้วย ซึ่งสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าแรงสูงในสายส่งไฟฟ้าและทำลายหม้อแปลงจนเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง, ทำให้ดาวเทียมเสียหาย และทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดบนโลกหยุดทำงานได้
🛰️ ปัญหาของ "ยามเฝ้าระวัง" คนปัจจุบัน
ปัญหาใหญ่คือ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า CME ลูกไหนที่เป็นอันตรายจนกว่ามันจะเดินทางมาเกือบถึงโลกแล้ว
ปัจจุบัน เราใช้ดาวเทียมที่โคจรอยู่ที่ จุดลากร็องจ์ (Lagrange points) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกหลายแสนกิโลเมตร แต่ก็ยังคิดเป็นระยะทางเพียง 1% ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีเวลาเตือนภัยล่วงหน้า ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
🚀 "Solar Orbiter" ฮีโร่คนใหม่ที่ใกล้กว่าเดิม
แต่ล่าสุด ทีมนักวิจัยนำโดย เอ็มมา เดวีส์ (Emma Davies) จากสำนักงานสภาพอวกาศออสเตรีย (Austrian Space Weather Office) ได้ค้นพบวิธีที่จะให้คำเตือนที่เร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด
พวกเขาใช้ข้อมูลจากยาน Solar Orbiter ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) ซึ่งเป็นยานที่โคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวเทียมของเรามาก และในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ยานลำนี้ก็ได้โคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดี
⏳ 15 ชั่วโมงแห่งความหวัง
ในช่วงเวลานั้น ได้เกิด CME สองคู่พุ่งตรงมายังโลก และทีมวิจัยก็สามารถใช้ข้อมูลสนามแม่เหล็กและความเร็วลมสุริยะจากยาน Solar Orbiter มาสร้างแบบจำลองและพยากรณ์ความรุนแรงของพายุแม่เหล็กโลกที่จะเกิดขึ้นได้สำเร็จ
ผลการศึกษาพบว่าพวกเขาสามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้าถึง 7 และ 15 ชั่วโมง ก่อนที่พายุสุริยะจะเดินทางมาถึงโลก! อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่าการพยากรณ์ยังคงมีความคลาดเคลื่อนอยู่หลายชั่วโมง
🏡 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
พายุสุริยะที่รุนแรงคือภัยพิบัติระดับโลก และประเทศไทยก็มีความเปราะบางไม่ต่างจากประเทศอื่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเรา ตั้งแต่ระบบธนาคาร, การสื่อสาร, โรงพยาบาล ไปจนถึงโครงข่ายไฟฟ้า ล้วนพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสิ้น
การมีเวลาเตือนภัยล่วงหน้าที่นานขึ้นจากไม่ถึง 1 ชั่วโมงเป็น 15 ชั่วโมง จะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติระดับชาติ มันคือเวลาอันมีค่าที่จะช่วยให้เราสามารถป้องกันความเสียหายต่อโครงข่ายไฟฟ้าและรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนทั้งประเทศไว้ได้
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ เตือนภัยได้เร็วขึ้น: นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการใช้ยาน Solar Orbiter เพื่อพยากรณ์ความรุนแรงของ พายุสุริยะ (CME) ได้ล่วงหน้า 7 ถึง 15 ชั่วโมง
✅ ก้าวกระโดด: นี่คือการพัฒนาครั้งสำคัญ เพราะระบบเตือนภัยในปัจจุบันสามารถให้เวลาเตือนภัยล่วงหน้าได้ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
✅ ข้อได้เปรียบเชิงตำแหน่ง: ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้เพราะยาน Solar Orbiter โคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่า ทำให้สามารถตรวจจับพายุสุริยะได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
✅ ความหวังในการป้องกัน: แม้จะยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง แต่นี่คือก้าวแรกที่สำคัญสู่การพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่อาจช่วยปกป้องโครงข่ายไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกจากหายนะได้
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
ถ้าคุณรู้ล่วงหน้า 15 ชั่วโมงว่าจะเกิดพายุสุริยะครั้งใหญ่จนไฟฟ้าดับทั่วโลก สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไรครับ? และคุณคิดว่าประเทศไทยควรลงทุนกับระบบเตือนภัยทางวิทยาศาสตร์มากน้อยแค่ไหน?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🛰️ อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมเตรียมพร้อมรับมือกับภัยจากอวกาศนี้ด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Davies, E. E., et al. (2025). Real-time prediction of geomagnetic storms using Solar Orbiter as a far upstream solar wind monitor. arXiv. https://doi.org/p4f3
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
วิทยาศาสตร์คือการสร้าง "ระบบเตือนภัย" ที่ดีที่สุดให้กับมนุษยชาติ เพื่อให้เรามองเห็นและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่มองไม่เห็น...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "ผู้เฝ้าระวัง" ที่จะคอยสอดส่องงานวิจัยล่าสุด แล้วนำมาแปลความหมายเพื่อเป็น "สัญญาณเตือน" ที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายสำหรับสังคมของเรา
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้ "หอสังเกตการณ์" ของเรายังคงทำงานได้อย่างเต็มที่ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา