EP#18 การเลือกตั้งในประเทศนอร์เวย์
#Stortingsvalget2025
การเลือกตั้งระดับภูมิภาค/ระดับชาติ (Storting รัฐสภา) ของประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 8/9-25 ที่ผ่านมา
ในนอร์เวย์มีระบบ “การเลือกตั้งล่วงหน้า” (forhåndsstemming / advance voting)
📌 กฎการเลือกตั้งล่วงหน้า
• เปิดให้ลงคะแนนล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ของปีเลือกตั้ง
• และเปิดต่อเนื่องไปจนถึง วันศุกร์ก่อนวันเลือกตั้งหลัก (คือ 2 วันก่อนวันอาทิตย์ที่เป็นวันเลือกตั้ง)
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปลงคะแนนล่วงหน้าได้ที่ศูนย์เลือกตั้งที่จัดไว้ เช่น ศาลาว่าการ, ห้องสมุด, หรือแม้แต่ในสถานทูต/สถานกงสุล (สำหรับคนที่อยู่นอกนอร์เวย์) ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถเลือกตั้งได้ก่อน ไม่วุ่นวายมากในวันเลือกตั้งจริง
📌 กรณีการเลือกตั้งรัฐสภา (Stortingsvalg) 2025
• วันเลือกตั้งหลักคือ วันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2025
• ดังนั้น การเลือกตั้งล่วงหน้าเปิดตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2025
ถือเป็นการเปิดโอกาศให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้งในวันนั้นได้มีโอกาสเลือกตั้งล่วงหน้าได้ และหรือมีสถานที่ให้เลือกตั้งหลายที่มาก สะดวกและรวดเร็ว การทำงานมีความโปร่งใสและเป็นไปตามกฎระเบียบของการเลือกตั้งอย่างชัดเจน
ชาวนอร์เวย์สามารถลงคะแนน ล่วงหน้าได้ยาวนานถึง 2 เดือนกว่า ๆ (ประมาณ 68 วัน)
🇹🇭🇹🇭 สำหรับพลเมืองไทยที่ได้สัญชาตินอร์เวย์ และมีสิทธิเลือกตั้งระดับชาติ (รัฐสภา)ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน เพราะในระบบ Statistics Norway (SSB) ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลระบุแยกตามสัญชาติเดิมในปีล่าสุด สำหรับพลเมืองไทยที่ได้รับวีซ่าถาวร แต่ไม่ได้ขอสัญชาติ ไม่สามารถเลือกตั้งระดับชาติหรือภูมิภาคได้ แต่สามารถเลือกตั้งในระดับเทศบาลได้
🔥พรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสตอร์ติ้ง (Storting) ปี 2025
เหล่านี้คือ 9 พรรคการเมืองที่ได้รับที่นั่งในรัฐสภานอร์เวย์
• Arbeiderpartiet (Ap) – พรรคแรงงาน
• Fremskrittspartiet (FrP) – พรรคก้าวหน้า
• Høyre (H) – พรรคอนุรักษ์นิยม
• Senterpartiet (Sp) – พรรคกลาง
• Sosialistisk Venstreparti (SV) – พรรคสังคมนิยมซ้าย
• Rødt (R) – พรรคแดง
• Miljøpartiet De Grønne (MDG) – พรรคกรีน
• Kristelig Folkeparti (KrF) – พรรคคริสเตียนประชาธิปไตย
• Venstre (V) – พรรคเสรีนิยม
นอกจากนี้ ยังมี 13 พรรคที่เข้าร่วมการเลือกตั้งในปีนี้ แม้จะไม่ได้ที่นั่งในรัฐสภา
• Pasientfokus (Patient Focus)
• Norgesdemokratene (Norway Democrats)
• Pensjonistpartiet (Pensioners’ Party)
• Konservativt (The Christians/Conservative)
• Industri- og Næringspartiet (Industry and Business Party)
• Partiet Sentrum (Centre Party)
• Velferd og Innovasjonspartiet (Welfare and Innovation Party)
• Norges Kommunistiske Parti (Communist Party of Norway)
• Generasjonspartiet (Generation Party)
• Partiet DNI (DNI Party)
• Fred og Rettferdighet (Peace and Justice – FOR)
• Ensomhetspartiet (Loneliness Party)
• Redd Ullevål Sykehus (Save Ullevål Hospital)
🇳🇴🇳🇴ข้อเสนอหลักๆ ของแต่ละพรรคและผลการวิเคราะห์ที่ได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ ดังนี้
1. Arbeiderpartiet (Ap) – พรรคแรงงาน
พรรคใหญ่สายกลาง–ซ้าย เสนอให้ รักษารัฐสวัสดิการเข้มแข็ง ปกป้องงานในประเทศ ลงทุนในการศึกษาและระบบสุขภาพ และควบคุมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยยังรักษาอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นแหล่งรายได้สำคัญ
🔎 ยังคงเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นายกฯ Jonas Gahr Støre สามารถพาพรรคกลับมาคว้าชัย แม้คะแนนไม่ถล่มทลาย แต่เพียงพอที่จะรักษาอำนาจต่อ เสียงสนับสนุนส่วนหนึ่งมาจากการกลับมาของ Jens Stoltenberg เป็นรัฐมนตรีคลังที่สร้างความเชื่อมั่น พรรคเสนอการคงรัฐสวัสดิการและควบคุมการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
2. Fremskrittspartiet (FrP) – พรรคก้าวหน้า
พรรคขวาประชานิยม เสนอ ลดภาษี, ลดขนาดรัฐ, คุมเข้มการย้ายถิ่น, และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรน้ำมันและก๊าซให้เต็มที่ โดยไม่ให้ “สิ่งแวดล้อม” ขัดขวางการเติบโต
🔎กลายเป็น “ดาวรุ่ง” ของการเลือกตั้ง คะแนนกระโดดขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2021 การเน้นนโยบายลดภาษี คุมเข้มคนเข้าเมือง และสนับสนุนการใช้น้ำมันเต็มที่ ทำให้เข้าถึงประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มชายหนุ่มวัยทำงาน ผลคือตอนนี้ FrP เป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่มีพลังต่อรองสูง
3. Høyre (H) – พรรคอนุรักษ์นิยม
พรรคกลาง–ขวา เน้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ, ลดภาษีธุรกิจ, การศึกษาและนวัตกรรม, และให้บทบาทเอกชนมากขึ้นในบริการสาธารณะ แต่ยังรักษาความสมดุลกับรัฐสวัสดิการ
🔎พรรคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแกนนำรัฐบาล กลับพ่ายยับ คะแนนต่ำสุดในรอบสองทศวรรษ หลายเสียงบอกว่า Erna Solberg และทีมไม่ได้เสนอวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ พอสำหรับคนรุ่นใหม่ จึงถูกเบียดทั้งจาก Ap และ FrP อย่างเห็นได้ชัด
4. Senterpartiet (Sp) – พรรคกลาง
พรรคที่ยึดโยงกับเกษตรกรและท้องถิ่น เน้น กระจายอำนาจออกจากเมืองใหญ่, สนับสนุนการเกษตรและชนบท, และปกป้องผลประโยชน์คนทำงานในภูมิภาค
🔎เสียงตกลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อน เพราะช่วงสี่ปีที่ผ่านมาไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรและคนชนบทได้ตามที่สัญญา อย่างไรก็ตาม พรรคยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
5. Sosialistisk Venstreparti (SV) – พรรคสังคมนิยมซ้าย
ผลักดัน การเก็บภาษีคนรวยมากขึ้น, เพิ่มงบสวัสดิการ, ขยายสิทธิความเท่าเทียมทางสังคม, และเร่งเลิกใช้น้ำมันไปสู่พลังงานสะอาดอย่างเด็ดขาด
🔎รักษาฐานเสียงได้ค่อนข้างมั่นคง เน้นการเก็บภาษีคนรวยและขยายรัฐสวัสดิการ จุดขายคือการเร่งเปลี่ยนผ่านพลังงานจากน้ำมันสู่พลังงานสะอาด SV ยังเป็นพรรคที่ Arbeiderpartiet ต้องพึ่งในการผลักดันนโยบายสังคมก้าวหน้า
6. Rødt (R) – พรรคแดง
พรรคซ้ายสุด เสนอ ยกเลิกนโยบายทุนนิยมที่เอื้อคนรวย, ลดความเหลื่อมล้ำอย่างจริงจัง, ยกเลิกภาษีที่เอื้อเจ้าสัว, และสร้างสังคมแบบสังคมนิยมเต็มรูปแบบ
🔎แม้จะเป็นพรรคซ้ายสุด แต่กลับรักษาที่นั่งไว้ได้มากขึ้น เสนอแนวทางลดความเหลื่อมล้ำแบบเข้มข้น ต่อต้านการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุน เสียงของ R ทำให้แรงกดดันภายในฝ่ายซ้าย “ซ้ายจริง” ชัดเจนขึ้น
7. Miljøpartiet De Grønne (MDG) – พรรคกรีน
เน้นประเด็น สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทันที, ลดการพึ่งพาน้ำมัน ปรับระบบเศรษฐกิจให้ยั่งยืน และเน้นสิทธิของคนรุ่นใหม่ในอนาคต
🔎ยังไม่ก้าวขึ้นมาเป็นพรรคใหญ่ แต่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จุดขายคือการ “เลิกน้ำมันทันที” และปกป้องสิ่งแวดล้อม พรรคนี้สะท้อนว่าคนรุ่นใหม่ในเมืองใหญ่ยังให้ความสำคัญกับ climate crisis อย่างมาก
8. Kristelig Folkeparti (KrF) – พรรคคริสเตียนประชาธิปไตย
ยึดหลักคุณค่าคริสเตียน เน้น นโยบายครอบครัว, เด็ก, การดูแลผู้สูงอายุ, และการพัฒนาสังคมบนฐานศีลธรรม, แต่ยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจตลาด
🔎คะแนนดีขึ้นเล็กน้อย โดยชูคุณค่าดั้งเดิมทางศาสนาและครอบครัว จุดแข็งคือการสร้างภาพพรรคที่เป็นกลาง ไม่สุดโต่ง แต่ข้อจำกัดคือฐานเสียงยังเล็กและจำกัดอยู่ในกลุ่มอนุรักษ์นิยมเชิงศีลธรรม
9. Venstre (V) – พรรคเสรีนิยม
เสนอ สิทธิเสรีภาพของประชาชน, สิ่งแวดล้อม, การศึกษา, และนวัตกรรม, อยู่กึ่งกลางระหว่างซ้าย–ขวา แต่คะแนนเสียงปีนี้ลดลงมาก
🔎พรรคเสรีนิยมเก่าแก่กลับสูญเสียที่นั่งต่อเนื่อง แม้นำเสนอนโยบายสิ่งแวดล้อมและสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่สามารถแย่งพื้นที่จาก MDG หรือ Høyre ได้ ทำให้คะแนนลดลงอีก
🧭 ภาพรวมและการตีความ
1. ฝ่ายซ้ายยังเป็นแกนนำรัฐบาล
Arbeiderpartiet รอดมาได้อีกครั้ง แม้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่สามารถจับมือกับ SV, Sp, R และ MDG ได้พอที่จะคุมทิศทางรัฐสภา
2. ฝ่ายขวาเปลี่ยนโฉม
FrP ผงาดขึ้นแทนที่ Høyre ในฐานะพรรคฝ่ายค้านหลัก ชี้ชัดว่าประชาชนส่วนหนึ่งไม่พอใจกับการเมืองสายอนุรักษ์เดิม ๆ และหันไปหาพรรคที่พูดตรง ตอบโจทย์เรื่องเงินในกระเป๋าและการคุมคนเข้าเมือง
3. การเมืองนอร์เวย์แตกเป็นหลายเสียงมากขึ้น
ไม่มีพรรคเดียวที่ครองเสียงข้างมาก การเมืองปี 2025 จึงเป็นภาพของ “การต่อรอง” อย่างต่อเนื่อง ฝ่ายซ้ายต้องฟังเสียงจากหลายพรรคเล็ก ขณะที่ฝ่ายค้านก็หลากหลายและมีพลัง
4. ประเด็นหลักที่ขับเคลื่อนการเลือกตั้ง
• ค่าครองชีพและภาษี
• บทบาทของอุตสาหกรรมน้ำมัน
• สิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด
• การย้ายถิ่นและความมั่นคง
หากท่านใดชื่นชอบ ช่วยกดหัวใจเป็นกำลังให้ด้วยนะคะ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
