Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
10 ก.ย. เวลา 11:15 • การเมือง
เพราะโซเชี่ยลมีเดียไม่ใช่แค่สื่อ …
ความรุนแรงในเนปาล มีฟางเส้นสุดท้ายอยู่ที่
รัฐบาลดันไปหาเรื่องปิดกั้นโซเชี่ยลมีเดียนี่เอง
ไม่ว่าจะอ้างอะไร คนร่ำรวยที่ชอบอวดความสุข
จากการคอรัปชั่นในเนปาลเองนั่นแหละ คือต้นเรื่องทั้งหมด
ที่ไปกระตุกความไม่พอใจของชาวบ้าน ที่ส่วนมากยังยากจน
และจนซ้ำซากมาหลายสิบปี ตั้งแต่มีประเทศขึ้นมาแล้ว
หลังจากเปลี่ยนมาแล้วทุกระบอบการปกครอง
พอเขาประท้วงกันเพราะเรื่องนี้ รัฐบาลก็หาเรื่องปิดโซเชี่ยลฯ
เพื่อให้ทุกอย่างนั้นหายไป แล้วก็ได้เรื่อง…
…เมื่อเลือกปราบปรามรุนแรง ชาวบ้านก็แค้น บานปลาย
เละเทะ อย่างที่เห็นกันไป….
…เนื่องจากข่าวเยอะแล้ว ผมเชื่อว่าผู้สนใจข่าวต่างประเทศ
คงอ่านรายงานกันหมดแล้ว ขอไม่เล่าซ้ำดีกว่า …
ประเด็นที่อยากเขียน คือ มีบางคนในไทย และเยอะด้วย
ที่มองว่า ก็แค่รัฐควบคุมสื่อ ป้องกันข่าวปั่น มันจะอะไร
นักหนา เด็กถูกตะวันตกเสี้ยมอีกแล้ว อะไรประมาณนั้น
คือ ผมอยากบอกว่าคนกลุ่มนี้หลงยุค และไม่เข้าใจอะไรเลย
…ที่สำคัญ คือพวกเขาไม่เข้าใจ ว่าโซเชี่ยลมีเดียไม่ใช่แค่สื่อ
เหมือนวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ที่โดนปิดกั้นในยุคท่าน…
เราคงต้องเข้าใจ ว่าปัจจุบัน มนุษย์เราส่วนมาก
มีสองโลกอยู่แล้ว คือโลกจริง และโลกเสมือน
แม้แต่ผู้มีแนวคิดต่อต้านเจ้าของโซเชี่ยล
99% เลย พวกเขาก็ยังใช้แพลตฟอร์มของประเทศ
ที่ตัวเองด่าทุกวันนั่นแหละ
จะทั้งใช้เพื่อสื่อสาร ระบายอารมณ์กับผู้ร่วมอุดมการณ์
หาข่าวสารตามแนวคิดตัวเอง ก็ต้องถือว่าใช้
ด้วยตัวตนอีกคนหนึ่งทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้แต่ใน blockdit นี่ ซึ่งหนักกว่าเฟสฯอีก
เพราะส่วนมากใช้นามปากกา และชื่ออวตาร (ผู้เขียนก็ใช่)
ดังนั้น โซเชี่ยลทุกตัว คือการสื่อสารสองทาง
มันทำให้คนมีตัวตนอีกโลกหนึ่งขึ้นมา
ต่างจากสมัยก่อน วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว
จึงไม่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนมากนัก
ผมขอยกตัวอย่างนะ
เชื่อหรือไม่ ว่าถ้าสมมุติรัฐบาลไทย ปิดช่องทาง
ทั้งเฟสและไลน์ คนเราจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลายพันบาท
ต่อเดือน จากค่าโทรศัพท์ ค่าส่งเอกสารต่างๆ
รวมถึงการเดินทางที่จะมากขึ้น จากการคุยออนไลน์ไม่ได้
เศรษฐกิจการค้าขาย ก็จะหายไปมากกว่าครึ่ง
ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม
นี่คือสิ่งที่โซเชี่ยลเป็นและทำกับมนุษย์ มันไม่ใช่แบบทีวี วิทยุ
ในยุคสงครามเย็น ที่ไม่กระทบอะไรเลยกับผู้คนเมื่อถูกปิด
ดังนั้นการปิดมัน จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ว่าจะที่ไหนบนโลก
…ลองคิดดู แม้แต่สหรัฐเองก็ไม่กล้าปิดติ๊กต่อกน่ะนะ….
1
…แล้วคุณเป็นใครล่ะ ที่คิดว่าปิดมันได้ ….
โซเชี่ยล ปิดได้ แต่ต้องมีของตัวเองรองรับ
ในกรณีเป็นรัฐปิด ที่ต้องการควบคุมข้อมูลข่าวสาร
คุณก็ต้องทำให้ได้แบบจีน คือสร้างของตัวเองขึ้นมา
แล้วค่อยควบคุม
ไม่ใช่ว่า ไปสั่งปิดจนชาวบ้านเดือดร้อนแต่ไม่มีอะไรรองรับ
กรณีจีนนั้น เขาค่อนข้างวางแผนมาดี
คือ ไม่ได้ปล่อยให้คนนั้นเข้าถึงโซเชี่ยลฝั่งตะวันตก
ตั้งแต่แรก มันจึงไม่มีใครมีตัวตนอยู่บนนั้นมากนัก
จึงไม่มีการต่อต้าน เมื่อต้องใช้แพลตฟอร์มปิดของตัวเอง
ซึ่งก็ไม่ได้ปิดซะทีเดียว มันยังมีการเชื่อมโยงกับ user
ในต่างประเทศ อยู่มากพอสมควร แม้แต่ในสหรัฐ
เอาจริงๆ จีนเองทุกวันนี้ ขนาดเป็นแพลตฟอร์มตัวเองแท้ๆ
ก็ชักเริ่มคุมไม่อยู่ ข่าวด้านลบ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ
จากคนตกงานในจีนจำนวนมาก มันเกินกำลังที่ทางการ
จีนจะไปไล่ลบ จนหลุดโดนแชร์ออกมาที่แพลตฟอร์มสากล
มากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
…แต่จีนก็ต้องปล่อย พวกเขาควบคุมมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ไม่งั้นก็เสี่ยง ที่ชาวจีน ซึ่งก็หากินกันออนไลน์เยอะที่สุดในโลก
จะเกิดความไม่พอใจ ออกมาสร้างความวุ่นวายได้…
…จีนนี่ถ้าปิดโซเชี่ยล จะเละที่สุดในโลกครับ ขอบอก
เพราะเศรษฐกิจของพวกเขาปัจจุบัน พึ่งพาโซเชี่ยลอย่างมาก…
โซเชี่ยลกับมนุษย์ปัจจุบัน แยกกันไม่ออกหรอก ทั้งเรื่อง
ชีวิตความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจ มันไปอยู่บนนั้นซะเยอะแล้ว
…ถ้าจะแบนของต่างชาติ ก็ต้องมีของตัวเองรองรับ….
…แน่นอน มันไม่ใช่ว่าทุกชาติจะมีเงินทำ และมันไม่ง่าย
ที่จะทดแทนของเจ้าตลาดเดิมได้อย่างแนบเนียน…
หากต้องการควบคุมข่าวสาร ยิ่งต้องมีของตัวเองเท่านั้น
กรณีของเนปาลนั้น ถ้ารัฐบาลอยากควบคุมข่าวสารจริงๆ
การให้ไปใช้แพลตฟอร์มอื่น เช่น ของจีน และเทเลแกรม
จากรัสเซีย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข่วยควบคุมได้
กรณี Telegram ไม่ต้องพูดถึง มันควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว
แม้แต่ทางการรัสเซียก็ปวดหัวกับมัน
เนื่องจากมันเป็นระบบที่ไม่มีแกนกลาง
อาศัยเครือข่ายย่อยๆจากผู้ใช้ทุกคน
สร้างเครือข่ายใหม่ขึ้นมา จึงไม่มีใครควบคุมมันได้
แม้แต่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมา
ง่ายๆ ยูเครนยังใช้เทเลแกรมปล่อยข่าวโจมตีรัสเซียได้
ดังนั้น แม้รัสเซียจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ ก็ไม่สามารถคุม
มันได้อยู่ดีนั่นเอง
แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น รัสเซียจำเป็นต้องให้ชาวบ้าน
มีช่องทางเหล่านี้ ไม่งั้นก็ยุ่งแน่
…แต่ชาวรัสเซียจะค่อนข้างพิเศษหน่อย พวกเขาเก่งเรื่องนี้
เป็นชาติที่มี VPN มากที่สุดในโลก เพื่อเข้าถึงสื่อฝั่งตะวันตก
ทั้งเพื่อเรื่องส่วนตัว และข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นจึงไม่ได้แคร์
อะไรนัก ถึงรัฐจะปิดกั้นสื่อตะวันตกก็ตาม ยังใช้กันเกลื่อน…
หรือถ้าจะเอาต้นแบบหลักของโซเชี่ยลปิด คือจีน
มันก็ใช้เงินเยอะ ยากที่ใครจะทำได้
แพลตฟอร์มจีน มีการดำเนินแบบเดียวกับเจ้าใหญ่
ของค่ายตะวันตกนั่นแหละ ลงทุนกันมหาศาล
เพียงแต่คัดข้อมูลมากกว่าเท่านั้นเอง
และเขาคัด เพื่อเรื่องของพวกเขาเป็นหลัก
ไม่ได้เผื่อแผ่คนอื่น
กรณีว่า ถ้ามีชาติมองว่าของจากฝั่งตะวันตกเป็นภัย
แล้วให้ย้ายค่ายไปใช้ของจีน มันก็ไม่มีประโยชน์มากนัก
เนื่องจาก algorithms ของแพลตฟอร์มจีน
ถูกสร้างมาเพื่อกรองข้อมูลที่เป็นภัยกับจีนเท่านั้น
ไม่ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปที่คนอื่นด้วย
เราจะเห็นได้ชัดเลย tiktoker สายสงครามในสหรัฐ
ก็ยังใช้ tiktok ในการโจมตีรัสเซียได้อย่างอิสระ
ก็เพราะ เหตุผลนี้นี่เอง
การไปขอให้จีนช่วยสร้างส่วนกรองข้อมูลช่วยตน
เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นและสูงมากด้วย
อีกอย่าง ระบบของจีนปัจจุบัน ก็มีปัญหามากอยู่แล้ว
กับการกรองผู้ใช้จำนวนมหาศาลของจีนเอง
มันไม่มีทรัพยากรเหลือไปเผื่อแผ่ให้ใครฟรีๆ อย่างแน่นอน
…โซเชี่ยลมีเดีย จึงไม่ใช่เรื่องของค่ายทางการเมืองของผู้ผลิต
แต่เป็นเรื่องเฉพาะของชาตินั้นๆ การปิดมัน แล้วให้คนย้ายค่าย
มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าจะปิดหูตาประชาชน…
…เนปาลยากจนปานนั้น ถ้าปิดโซเชี่ยลหมด ก็คือชาวบ้าน
ไม่มีใช้ ผลมันจึงอย่างที่เห็นนี่แหละ…
และในความเป็นจริงทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะจีน
หรือสหรัฐ พวกเขาก็ไม่เคยควบคุมโซเชี่ยลมีเดียจริงๆได้เลย
…เพราะงี้ อีพวกผู้นำทั้งหลาย แทนที่จะไล่ปิดปาก
ก็ไปทำตัวเองให้มันดีซะ ก็จบ และง่ายกว่า จริงไหม…
ผู้บริหารประเทศยุคใหม่ จำเป็นต้องมีความเข้าใจ
ว่าโซเชี่ยลนั้นไม่ใช่แค่สื่อ ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน
มันก็มีบทบาทสำคัญมากในชีวิตคนเราไปแล้ว
การสั่งปิด โดยไม่มีมาตรการรองรับ เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
เหตุผลอันควร อาจมีเพียงสงครามขนาดใหญ่เท่านั้น
ที่อาจทำให้คนไม่ต่อต้าน
ลองคิดดูว่า ทุกวันนี้ มีกี่คนที่มีโทรศัพท์พื้นฐานในบ้าน
แล้วคุณอยากจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือจริงๆงั้นเหรอ
ในเมื่อการโทรผ่านโซเชี่ยลนั้นประหยัดกว่ามาก
ยิ่งกับวัยรุ่น ต้นเหตุของเรื่องครั้งนี้ในเนปาล
มันเหมือนรัฐบาล ห้ามพวกเขาคุยกับแฟนเลยนะ
พลังความเดือด มันเลยอลังการ รุนแรงอย่างที่เห็น
รัฐบาลเนปาล แก้ปัญหาผิดจุด แทนที่จะแก้ต้นเหตุ
แต่กลับกลบเกลื่อนการคอรัปชั่น ผลมันเลยรุนแรง
ซึ่งก็ควรจะเป็นบทเรียนของชาติอื่น ที่กำลังพยายาม
ปิดกั้นสื่อต่างๆเช่นกัน ….
…สมัยก่อน ปิดทีวี วิทยุ สุดท้ายก็โดนใบปลิว…
…โบราณเลย ปิดการเขียน ก็โดนซุบซิบนินทา
ด่าผ่านเพลง งิ้ว อุปรากรต่าง จนเป็นไฟลามทุ่ง
สร้างความเปลี่ยนแปลงมานักต่อนักแล้ว….
อย่าไปโทษแต่อินเตอร์เน็ตเลย การปิดปากชาวบ้าน
มันไม่เคยสำเร็จจริงๆมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์นั่นแหละ….
ผู้นำที่ดีจริงๆเท่านั้น ถึงจะอยู่ค้ำฟ้า แบบไม่กลัวเสียงนินทา
ผิดถูก ก็ยอมรับกับชาวประชาแบบไม่ต้องอายฟ้าดิน
แบบนั้น ชาวบ้านเจ้าของประเทศจริงๆ ก็ยังให้อภัยบ้าง
…แต่ถ้าโดนนินทาแล้วร้อนตัว จนต้องปิดปากประชาชน…
…นั่นก็แสดงว่า ไอ้ที่เค้าซุบซิบกัน มันมีมูลนั่นแหละ…
…ทองแท้เขาไม่กลัวไฟกันหรอก….จะร้อนตัวทำไม …
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
22
5
1
1
22
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย