11 ก.ย. เวลา 04:00 • การเมือง

เบื้องหลัง ‘ไฟแค้น เนปาล’ หนุ่มสาวว่างงาน สูงแตะ 20% หนีออกนอกประเทศวันละพัน

การลุกฮือใน #เนปาล ไม่ได้เกิดเพราะเพียงคำสั่งแบนโซเชียล แต่เป็นเสียงสะสมของความแค้นฝังลึก จากวิกฤติว่างงาน เรื่องฉาวคอร์รัปชันที่ไม่ถูกลงโทษ ไปจนถึงเกมบัลลังก์ชนชั้นนำที่วนเวียนไม่รู้จบ ทั้งหมดนี้ได้จุดไฟให้ Gen Z และประชาชนออกมาบนถนน ทวงถามการเปลี่ยนแปลง
เสียงโห่ร้องและควันไฟปกคลุมทั่วกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล เมื่อการประท้วงที่เริ่มจากคำสั่ง “แบนโซเชียลมีเดีย” กลับลุกลามกลายเป็นคลื่นลุกฮือรุนแรง
1
แม้รัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งแบนในวันถัดมา และนายกรัฐมนตรีเคพี ชาร์มา โอลีพร้อมคณะรัฐมนตรีหลายคนตัดสินใจลาออก แต่ไฟแห่งความโกรธยังไม่มอดลง ผู้ประท้วงบางส่วนตอบโต้ด้วยการเผารัฐสภา จับเหล่ารัฐมนตรีแก้ผ้า ลากถูไปตามพื้นถนน และทุบตีด้วยความโกรธแค้น อะไรคือ “เบื้องหลังของความแค้น” ที่ปะทุอย่างรุนแรงเช่นนี้
3
📌หางานยาก งานในประเทศไม่มี
หนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศคือ “วิกฤติการจ้างงาน” การหางานในเนปาลนั้นเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราว่างงานของประชากร “แตะเลขสองหลัก” อยู่ที่ 12.6% ซึ่งถือว่า “สูงมาก” โดยเฉพาะจากโครงสร้างประชากรที่มีหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่อย่างเนปาล
ยิ่งหากเป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 15–24 ปี อัตราการว่างงานสูงแตะ 20.8%
เมื่อโอกาสงานในประเทศ “แทบไม่มี” หนุ่มสาวชาวเนปาลกว่าพันคนจึงต้องเดินทางออกนอกประเทศทุกวัน เพื่อทำงานตามสัญญาระยะยาวในประเทศที่อุดมด้วยน้ำมันในอ่าวเปอร์เซียและมาเลเซีย ขณะเดียวกัน ยังมีแรงงานอีกนับหมื่นที่เลือกไปทำงานชั่วคราวในอินเดีย
ข้อมูลของรัฐบาลเผยว่า เพียงปีที่ผ่านมา มีชาวเนปาลกว่า 741,000 คน เดินทางออกจากประเทศ โดยส่วนใหญ่เข้าสู่ภาคการก่อสร้างและเกษตรกรรมต่างแดน รายได้จากแรงงานเหล่านี้ถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ ซึ่งเนปาลพึ่งพา “เม็ดเงินจากการส่งเงินกลับบ้าน” อย่างมาก
2
ในปี 2024 เพียงปีเดียว เงินที่ถูกส่งกลับมามีมูลค่าราว 3.5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 26% ของเศรษฐกิจประเทศ
📌เรื่องฉาวคอร์รัปชัน ที่ไม่ถูกลงโทษ
1
หากจะมีสิ่งใดที่ต้องโทษว่า เป็นสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมดนี้ ชาวเนปาลจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ร่วมประท้วง จะชี้ไปที่ “การทุจริต” พวกเขารังเกียจภาพของชนชั้นสูงชาวเนปาลเพียงไม่กี่คน สะสมทรัพย์สินมหาศาลให้กับลูกหลานของตน
องค์กร Transparency International ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอิสระที่มุ่งเน้นการตรวจสอบรัฐบาล จัดอันดับให้เนปาลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการ “ทุจริตมากที่สุดในเอเชีย”
1
ตัวอย่างเช่น การสอบสวนของรัฐสภาพบว่า เกิดการยักยอกเงินอย่างน้อย 2,200 ล้านบาทในโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติที่เมืองโพขรา โดยเงินกู้ที่ได้จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน ถูกทำให้ “หายไป” ผ่านการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และบริษัทก่อสร้างจากจีน แม้จะมีการแนะนำให้สอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหา แต่กลับ “ไม่มีใครถูกดำเนินคดี”
2
ในอีกกรณีหนึ่ง มีการเปิดโปงว่า ผู้นำเนปาล “เรียกเก็บเงิน” จากคนหนุ่มสาวที่อยากไปทำงานในสหรัฐ โดยอ้างสิทธิ์ในโควตาผู้ลี้ภัย ซึ่งเดิมทีตั้งใจไว้สำหรับชาวเนปาลเชื้อสายภูฏานที่ถูกบังคับเนรเทศออกจากภูฏาน
1
เอกสารปลอมถูกนำมาใช้ทำให้คนว่างงานชาวเนปาล กลายเป็น “ผู้ลี้ภัยชาวภูฏาน” ตามเอกสาร เพื่อสามารถขอไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐได้
1
ผลการสอบสวนพบว่า มีนักการเมืองจากทุกพรรคเกี่ยวข้อง แต่สุดท้าย กลับมีเพียงนักการเมืองฝั่งฝ่ายค้านเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดี
“แม้ชนวนหลักของการประท้วง จะมาจากคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียเมื่อไม่นานนี้ แต่ ‘สาเหตุสำคัญ’ ที่ทำให้ผู้คนหลายพันออกมาบนท้องถนน กลับเป็นปัญหาคอร์รัปชันและการบริหารประเทศล้มเหลว ซึ่งเรื้อรังมายาวนาน” ชายวัย 28 ปีที่เข้าร่วมการประท้วงกล่าว
1
อ่านต่อ:
โฆษณา