10 ก.ย. เวลา 14:17 • ปรัชญา
เรื่องราว หนึ่ง ที่เค้าว่า จิตมันอ่อน หนอนก็ชอนไชจิต ..หนอนนั้นก็คืออารมณ์ ต่างๆที่มันเกิดขึ้น เรื่องราวอะไร มันเกิดขึ้น เรื่องคนนั้นคนนี้ เรื่องที่ไปรับรู้ เรื่องราวต่างๆ นอกเหมือ ภายในตัวเอง เช่น เรื่องอารมณ์คนนั้นคนนี้ เรื่องข่าวคนนี้คนนี้ ก็เก็บยึดเข้ามา คนนั้นคนนี้ มาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ ยิ่งระบายอารมณ์มา ก็เก็บเอามา คิดมานึก วิตกวิจารณ์ ไปเรื่อยๆ บางที่ก็ไปอยากรู้อยากเห็น เรื่องคนนั้นคนนี้ บางที่ก็อยากเป็นอย่างเค้าบ้าง โอ้ย .แล้วจิตเรามันเล็ก จิตน้อยๆ อาศัยอยู่ภายในกาย มันจะแบกไหวมั้ย
ในแต่ละวัน ก่อนออกจากบ้าน เราก็ไปกราบพระ ว่าวันนี้ จะมีสติ ระมัดระวัง กายวาจาใจ ของเรา ไม่ให้เผลอสติ ไปว่าติเตียน คนนั้นคนนี้ พอตกเย็นมา ก็มาดูตัวเอง เจ้าไปกราบพระ นั่งนิ่งๆ ทบทวนตัวเอง วันนี้ เผลอไปติเตียนใครบ้าง ก็หัดทำไปเรื่อยๆ พอรู้ว่า ไม่เกิดอารมณ์ติเตียนใคร เราก็ฝึกหัด ขยับ ไปดูอารมณ์พอใจไม่พอใจ เราก็บอกตัวเอง ว่าวันนี้ เราจะระมัดระวัง ตัวอารมณ์พอใจ หรือ ไม่พอใจ พอทำได้ ก็ค่อยขยับ ไปเรื่อย .
แล้วมันก็มีเรื่องราวที่เราใช้อารมณ์ต่างๆ ที่ว่า จิตอาศัยในกาย จิตเราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆตลอดเวลาลงไปที่ธาตุทั้งสี่ หรือที่เรียกว่าจิตใต้สำนึก ที่เก็บสะสมเรื่องราวต่างๆ บ้างทีอยู่ตัวคนเดียว ..อารมณ์ใต้จิตสำนึกก็ ลอยขึ้นมา เรื่องคนคนนั้น คนนี้ ลอยขึ้นมา อารมณ์เราก็ ปรุวแต่งนึกคิดไปเรื่อย เรื่องนั้นเรื่องนี้ ผุดขึ้นมา หมุนจิต..ไปเรื่อยๆ หมุนวิตกกังวล ในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แล้วจะทำอย่างไรดี ..เราก็อาศัยการเดืนจงกรม สร้างสติของจิตให้เข้มแข็ง มีแต่คำภาวนา พุทโธสิงคำให้จิตยึดถือ จะได้ไม่ไปยึดอารมณ์ อารมณ์อะไรผ่านมา เราก็บังขับกายให้นิ่งๆ จิตภาวนาพุทโธ ไม่ไปยึดอารมณ์นึกคิดที่ผุดขึ้น เราทำกายให้นิ่ง จิตไม่ไปยึดอารมณ์นึกคิด เดี๋ยว..อารมณ์นั้นมันก็ผ่านลอยออกไปจากกายเอง นั้นก็เป็นวิธีหนึ่งที่คนปฏิบัติ เอารอยทั้งสี่มาฝึกหัด กายที่จิตตัวเองอาศัย .ให้จิตนั้นแข็งแรงขึ้น ..ไม่อย่างนั้น หนอนมันก็ขอนไขจิตอยู่ร่ำไป
แล้วเรื่องราวรอยทั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่นึกคิดอะไรนั้น พูดง่าย แต่ทำยาก เพราะปกติคนเราก็ใช้กิริยาทั้งสี่ ยืนเดืนนั่งนอน ..เดินไปว่าเค้าบ้าง นั่งคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ วิตกวิจารณ์ ยืนทำร้ายตบตีกันบ้าง แม้แต่ในสภา ก็ยืนให้เกียรติกัน ยืนประท้วงกัน
แม้แต่นอนก็ยังสร้างกรรม กิริยานอน เมือหมดลม ก็นอนตาย.ชีวิตทั้งชีวิต ไม่เคยว่างเว้นจากอารมณ์ไปได้เลย พอนอนตาย ..อารมณ์ก็ไม่ปรุงแต่งเสียแล้ว เค้าเอากายไปเผา ก็ไม่รับรู้อะไรได้เลย คนเก่งก็ตาย คนโง่ก็ตาย คนจนก็ตาย คนรวยก็ตาย ..จิตนั้นได้อะไร .เมื่อเคลื่อนที่ออกจากกาย
คราวนี้มันก็มีเรื่องราวเมื่อมีชีวิต ก็นำกายนี้ มาสร้าง แบ่งเวลามา สวดมนต์ ทำยบุญ ปฏิบัติธรรมขึ้นมา วันละห้านาที สิบนาที ไม่นึกคิดอะไร ว่างเว้นจากอารมณ์ ทำทุกวันไปเรื่อง เดือนหนึ่งได้กี่นาที ปีหนึ่งได้กี่นาที หากทำทั้งชีวิต เวลาที่ทำกายวาจาใจ ว่างเว้นจากอารมณ์โลภโกรธหลง คงสะสมได้มาก..จิตออกจากกาย จิตก็เบาบาง ลอยขึ้นที่สูงได้ เค้าว่า วิมานชั้นฟ้า หากไม่ทำจิตมันก็หนักจมลงไป ใต้พระธรณี มีรูปไส้เดือน กิ้งกือ มดตะขาบ หากลึกไปอีก ก็นรกอเวจี ที่เป็นอบายทั้งนั้น เพราะจิตไม่สะสมบุญกุศลบารมี ช่วยหนุนนำจิต
เรื่องสร้างบุญกุศลบารมี คงทำยาก เพราะมีแต่ข่าวเรื่องราวไม่ดี ยิ่งข่าววัดดัง ..ใช้เงินที่เค้า สละมาผิดวัตถุประสงค์ บำเรออารมณ์โลภโกรธหลงตัวเอง ..ก็ทำให้คนเสื่อม
ศรัทธา .. ทำบุญไม่เกิดเป็นบุญขึ้นมาเลย แล้วถามว่าชีวิตที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ นำมาปฏิบัติในรอยทั้งสี่นั้นมีมั้ย หากไม่มี ..สิ่งที่ทำก็มีแต่อารมณ์กรรมตัวกระทำที่สร้างกรรม . ต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองเป็นผู้ทำเอง นักบวชเค้ามาในศาสนา .ไม่ได้ลดละโลภโกรธหลง ก็เป็นเช่นนี้เอง
โฆษณา