11 ก.ย. เวลา 02:00 • การศึกษา
Website By Shoper Gamer

Dynamic Website คืออะไร

โดย
หากคุณเคยซื้อของออนไลน์, ตรวจสอบยอดบัญชี หรือ เลื่อนดูฟีดโซเชียลมีเดีย คุณกำลังใช้เว็บไซต์แบบไดนามิก (Dynamic Website) อยู่! เว็บไซต์ประเภทนี้แตกต่างจากเว็บไซต์แบบสแตติกที่แสดงผลเหมือนกันทุกครั้ง เพราะมันจะ "เปลี่ยนเนื้อหา" ได้ตามผู้ใช้, ตามเวลา และ ตามการกระทำ ทำให้ประสบการณ์บนอินเทอร์เน็ตมีชีวิตชีวา และ เป็นส่วนตัว
  • ​Dynamic Website คืออะไร
Dynamic Website คือ เว็บไซต์ที่สร้าง หรือ สร้างหน้าเว็บ "ในขณะนั้น" เมื่อผู้ใช้ส่งคำขอโดยเนื้อหาจะถูกดึงมาจากฐานข้อมูล, ประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ และ สร้างเป็นโค้ด HTML เฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละคน หรือ แต่ละครั้งที่เข้าชม ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนเห็นเนื้อหาที่แตกต่างกันได้
  • ​Dynamic Website ทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ Dynamic Website จะเกี่ยวข้องกับการประมวลผลฝั่งเซิร์ฟเวอร์
1) ผู้ใช้ส่งคำขอ: ผู้ใช้ร้องขอหน้าเว็บ (เช่น เข้าไปที่ `yourbank.com/account`)
2) เซิร์ฟเวอร์รับคำขอ: เว็บเซิร์ฟเวอร์ (เช่น Apache, Nginx) รับคำขอ
3) ประมวลผล: เซิร์ฟเวอร์ส่งคำขอไปยังแอปพลิเคชันหรือสคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (เช่น PHP, Python, Node.js)
4) เชื่อมต่อฐานข้อมูล: สคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์จะเรียกดูฐานข้อมูล (เช่น MySQL, PostgreSQL) เพื่อดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (เช่น ข้อมูลบัญชี, ประวัติการทำรายการ)
5) สร้างหน้าเว็บ: สคริปต์จะนำข้อมูลที่ได้มา "ประกอบ" เข้ากับโค้ดเพื่อสร้างหน้าเว็บ HTML
6) ส่งกลับให้ผู้ใช้: เซิร์ฟเวอร์ส่งหน้า HTML ที่สร้างเสร็จแล้วกลับไปยังเบราว์เซอร์ของผู้ใช้เพื่อแสดงผล
  • ​ประเภทของ Dynamic Website
○ แบบ Server-Side Rendering (SSR): เป็นวิธีดั้งเดิมที่หน้าเว็บทั้งหน้าจะถูกสร้างขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นจึงส่งโค้ด HTML ที่สมบูรณ์กลับไปให้ผู้ใช้ (ตัวอย่าง: WordPress, Laravel)
○ แบบ Client-Side Rendering (CSR): ใช้เฟรมเวิร์ก JavaScript (เช่น React, Angular, Vue.js ) โดยเซิร์ฟเวอร์จะส่งไฟล์ HTML พื้นฐาน และ ไฟล์ JavaScript ไปให้ จากนั้น JavaScript จะทำงานในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้เพื่อดึงข้อมูลจาก API และอัปเดตหน้าเว็บแบบไดนามิก
○ แบบ Hybrid (SSR + CSR): เป็นวิธีที่ทันสมัย โดยผสมผสานข้อดีของทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน หน้าเว็บเริ่มต้นจะถูกสร้างบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้โหลดได้เร็ว (เป็นประโยชน์ต่อ SEO) จากนั้นส่วนอื่นๆ จะถูกควบคุมโดย Client-Side เพื่อการโต้ตอบที่รวดเร็ว (ตัวอย่าง: Next.js, Nuxt.js)
  • ​ประโยชน์
✅️ โต้ตอบได้สูง: สามารถตอบสนองและโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ทันที (เช่น การกดไลก์, การเพิ่มสินค้าในตะกร้า)
✅️ จัดการเนื้อหาง่าย: มักจะมีระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ทำให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคสามารถอัปเดตเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย (เช่น บทความบล็อก, สินค้า)
✅️ เป็นส่วนตัว: สามารถแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันสำหรับผู้ใช้แต่ละคนได้ (เช่น แนะนำสินค้า, ไทม์ไลน์บนโซเชียลมีเดีย)
✅️ ฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย: รองรับคุณสมบัติที่ซับซ้อน เช่น การล็อกอินเข้าระบบ, การชำระเงิน, ฟอรัม
✅️ ข้อมูลเป็นปัจจุบัน: เนื้อหาเป็นข้อมูลล่าสุดเสมอ เนื่องจากดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • ​ตัวอย่างการใช้งาน
○ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: Facebook, Blockdit, Instagram (ฟีด และ เนื้อหาเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ใช้)
○ ระบบ E-Commerce: Shopee, Lazada, Amazon (สินค้า, ตะกร้า, ระบบแนะนำสินค้า)
○ บริการธนาคารออนไลน์ แอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลบัญชี และ อนุญาตให้ทำธุรกรรมได้
○ เว็บแอปพลิเคชัน: Google Docs, Figma, Canva (ทำงานเหมือนแอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์)
○ ระบบจัดการเนื้อหา (CMS): WordPress (สำหรับบล็อก และ เว็บไซต์ที่ต้องการอัปเดตเนื้อหาบ่อยๆ)
✏️ Shoper Gamer
  • ​Frontend คืออะไร 👇
  • ​API คืออะไร 👇
  • ​Backend คืออะไร 👇
Credit :
👇
  • ​https://www.1001click.com/blog/what-is-dynamic-website-differences-static
  • ​https://www.geeksforgeeks.org/html/dynamic-websites/
  • ​https://www.hostinger.com/tutorials/dynamic-website
  • ​https://sites.google.com/site/stdcas/static-website--dynamic-webpage
  • ​https://blog.hubspot.com/website/static-vs-dynamic-website

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา