28 ก.ย. เวลา 13:13 • การศึกษา
Website By Shoper Gamer

Web Application คืออะไร

โดย
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว Web Application (เว็บแอปพลิเคชัน) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การธนาคารออนไลน์ การซื้อของ ไปจนถึงการทำงานร่วมกัน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกไปกับ Web Application ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง
2
  • ​Web Application คืออะไร
Web Application (WebApp) คือ แอปพลิเคชันที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยมีลักษณะสำคัญคือ
✅️ ทำงานบนเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมลงในอุปกรณ์
✅️ เก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ ทำให้เข้าถึงได้จากทุกที่
✅️ รองรับการโต้ตอบแบบ Real-time (มีการตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้อย่างรวดเร็ว)
✅️ อัปเดตได้ง่าย โดยผู้ใช้ทุกคนได้รับเวอร์ชันล่าสุดพร้อมกัน
  • ​Web Application ทำงานอย่างไร
1) สถาปัตยกรรมพื้นฐาน
Front-end (Client-side)
○ องค์ประกอบ: HTML, CSS, JavaScript
○ Frameworks/Libraries: React, Angular, Vue
💡 มีหน้าที่รับผิดชอบการแสดงผล และ โต้ตอบกับผู้ใช้ (สิ่งที่ผู้ใช้เห็น และ สัมผัสได้)
2) Back-end (Server-side)
○ องค์ประกอบ: Server, Database, Application Logic
○ Technologies: Node.js, Python, PHP, Java
💡 มีหน้าที่ประมวลผลข้อมูล, จัดการธุรกิจ Logic และ ติดต่อกับฐานข้อมูล
3) การสื่อสาร
○ ช่องทาง: API (REST, GraphQL), HTTP/HTTPS Protocols
○ พิเศษ: WebSockets สำหรับการสื่อสารแบบ Real-time (เช่น แชท))
  • ​ประเภทของ Web Application
1) Static Web App
ลักษณะ: เนื้อหาคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักตามการโต้ตอบของผู้ใช้
○ เทคโนโลยี: HTML, CSS
○ ตัวอย่าง: Landing Page, Portfolio
2
2) Dynamic Web App
ลักษณะ: เนื้อหาเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขหรือผู้ใช้
○ เทคโนโลยี: Server-side scripting
○ ตัวอย่าง: Blog, News Site
1
3) Single Page Application (SPA)
ลักษณะ: โหลดหน้าเว็บเพียงหน้าเดียว (index.html) และเปลี่ยนแปลงเนื้อหาแบบไดนามิก โดยไม่รีเฟรชทั้งหน้า
○ เทคโนโลยี: React, Angular, Vue
○ ตัวอย่าง: Gmail, Facebook
4) Progressive Web App (PWA)
ลักษณะ: ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงแอปพลิเคชันมือถือ สามารถทำงานแบบ Offline ได้
○ เทคโนโลยี: Service Workers
○ ตัวอย่าง: Twitter/X , Pinterest
5) E-commerce App
ลักษณะ: ระบบซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ซับซ้อน
○ ตัวอย่าง: Shopee, Lazada
  • ​WebApp กับ Website ต่างกันอย่างไร?
○ การโต้ตอบ
Web Application มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ที่สูง ส่วน Website มีการโต้ตอบที่ต่ำ
○ ฟังก์ชันการทำงาน
Web Application มีฟังก์ชันการทำงานที่ ซับซ้อน เน้นการทำงานจริง ส่วน Website มีฟังก์ชันที่ เรียบง่าย เน้นการนำเสนอ
○ การประมวลผล
Web Application ประมวลผลทั้งฝั่ง เซิร์ฟเวอร์ และ ไคลเอนต์ ส่วน Website มักเน้นการส่งข้อมูลจาก เซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก
○ การอัปเดต
Web Application มีการอัปเดตข้อมูลแบบ Real-time ส่วน Website มักอัปเดตแบบ Manual (ผู้ดูแลระบบทำเอง)
  • ​ตัวอย่างการใช้งาน
1) ระบบ E-Commerce
(JavaScript)
// ตัวอย่าง Shopping Cart Functionality
class ShoppingCart {
constructor() {
this.items = [];
}
addItem(product, quantity) {
this.items.push({ product, quantity });
this.updateCartDisplay();
}
calculateTotal() {
return this.items.reduce((total, item) => {
return total + (item.product.price * item.quantity);
}, 0);
}
updateCartDisplay() {
// อัปเดต UI
document.getElementById('cart-total').textContent = this.calculateTotal();
}
}
2) ระบบจัดการโครงการ
○ Trello จัดการงาน และ Workflow
○ Asana การวางแผนโครงการ
○ Notion All-in-one workspace สำหรับจัดการข้อมูล และ เอกสาร
3) เครื่องมือสื่อสาร
○ Slack
การสื่อสารและ ทำงานร่วมกันในทีม
○ Discord
แพลตฟอร์มสำหรับสร้างชุมชน
○ Google Meet
การประชุมทางวิดีโอ
4) เครื่องมือสร้างเนื้อหา
○ Canva
ออกแบบกราฟิกออนไลน์
○ Figma
เครื่องมือออกแบบ UI/UX
○ Google Docs
เอกสารออนไลน์ที่ทำงานร่วมกันได้
✏️ Shoper Gamer
  • ​Website คืออะไร 👇
  • ​Static Website คืออะไร 👇
  • ​Dynamic Website คืออะไร 👇
Credit :
👇
  • ​https://www.techtarget.com/searchsoftwarequality/definition/Web-application-Web-app
  • ​https://www.geeksforgeeks.org/websites-apps/what-is-web-app/
  • ​https://www.hostinger.com/tutorials/what-is-web-application
  • ​https://tadabase.io/blog/web-application

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา