5 ชั่วโมงที่แล้ว • ข่าวรอบโลก

เมื่อเทคโนโลยีจีน กำลังกินตัวเอง…

ปัจจุบัน แม้รัฐบาลจีนจะพยายามสร้างภาพความแข็งแกร่ง
ต่างๆ ผ่านโฆษณาชวนเชื่ออย่างเต็มที่
แต่มันกลับสวนทางกับโลกออนไลน์จีนเอง ที่มีแต่การโพสต์
เรื่องความย่ำแย่ และการตกงานเต็มไปหมด จนทางการจีน
ก็ไม่สามารถควบคุมได้ไหว เนื่องจากประชากรที่มากมาย
มหาศาลต่างพร้อมใจกันโพสต์ เต็มไปหมด
แม้โพสต์เหล่านี้ จะถูกไล่ลบภายหลัง แต่มันก็ยังช้าเกินไป
จนข้อมูลเหล่านี้ ถูกกระจายไปบนแพลตฟอร์มยอดนิยม
ที่จีนไม่สามารถควบคุมได้ แล้วเผยแพร่ไปทั่วโลก
ซึ่งคนเผยแพร่ ก็คนจีนเองนั่นแหละ
ซึ่งก็น่าจะเพราะความอัดอั้น กับสภาพเศรษฐกิจจริงๆ
ที่ย้อนแย้งกับภาพซึ่งทางการพยายามนำเสนอเหลือเกิน
บางราย ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก เป็นลักษณะส่งต่อกันในกลุ่ม
แต่มันก็หลุดออกมาจนได้
เยอะครับ ตอนนี้ กับคลิปคนจีนด่าเศรษฐกิจตัวเอง
แต่พวกเขาฉลาดพอ ที่จะด่าแค่นายทุน เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย
…แต่ก็นั่นแหละ ความจริงของนายทุนจีนใหญ่กับรัฐบาล
มันก็แยกกันไม่ออกหรอก ….
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ นอกจากมันเป็นปัญหาจากสภาพเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่แย่ตามแล้ว
…สาเหตุหลักของมันอีกอย่าง คือ เทคโนโลยีจีนเอง
กำลังจะทำให้คนจีนตกงานมากขึ้นเรื่อยๆ ….
เทรนด์โชว์หนังสือเลิกจ้าง มาแรงมาก ตามโซเชี่ยลจีนต่างๆ
ที่จริง มันมีคำถามมานานแล้วว่า
…เมื่อจีนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต มีทั้งหุ่นยนต์ และล่าสุด
คือ AI พวกเขาจะทำยังไงกับแรงงานมหาศาลที่ได้รับผลกระทบ
มาวันนี้ มันก็มีปัญหาจริงๆ
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ แม้แต่ในจีนเอง
ก็มีการพูดถึงกันว่า รัฐบาลจีนนั้นไปเร่งเทคโนโลยี
เพื่อการแข่งขันเอาหน้า มากจนเกินไป
โดยไม่ได้ดูถึงบริบทที่จะกระทบกับการจ้างงานมากพอ
ใช่ครับ เทคโนโลยีจีนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
นั่นทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขา คือผู้นำเทคโนโลยีโลก
แต่ในทางกลับกัน เทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้การจ้างงาน
นั้นลดลง จนมีลักษณะของ digital disruption ที่รุนแรง
มากกว่าที่อื่น จากประชากรที่มากกว่าทางตะวันตก
เช่น ในโรงงานรถยนต์ยักษ์ใหญ่ อย่าง BYD แม้มียอด
การผลิตที่มากขึ้น แต่กลับมีการปรับลดค่าจ้าง
และจำนวนแรงงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อหลีกทางให้เทคโนโลยี
ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตสูงกว่า ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน
ผลคือคนงานตกงาน เป็นจำนวนมาก
และมันไม่ใช่แค่บริษัทเดียวที่เป็นอย่างนั้น
แต่มันเป็นลักษณะนี้ไปยันรายย่อยต่างๆในประเทศด้วย
มันจึงยิ่งส่งผลกับการจ้างงานไปทั่วจีน
ซึ่งที่จริง ทางจีนเองก็อาจไม่ได้พยายามปกปิดความจริง
นี้อะไรนัก เพราะตัวเลขของรัฐเอง ก็ยังตีการตกงานไว้
ค่อนข้างสูงมาก ในกรณีเด็กจบใหม่ ที่ยังว่างงานแตะๆ
20% อยู่ตลอดเวลา (ทางจีนเคลมล่าสุดว่า 17-18%)
…แต่เนื่องจากจีนไม่ได้แยก ว่าเป็นแรงงานในส่วนไหน
เหมือนในสหรัฐและยุโรป เกษตรกรพวกเขาก็นับ
มันจึงไม่รู้แน่ชัด ว่าจริงๆแล้ว จีนมีคนว่างงานเท่าไหร่แน่…
ซึ่งมันดูแล้วน่าจะมากพอสมควรเลยทีเดียว
จากประชาการที่เยอะ และจำนวนมากก็เลยวัยทำงาน
…ตัวเลขพวกนี้จากรัฐบาลจีน คือ NBS หรือสำนักงานสถิติ
แห่งชาติของจีนเองที่ การว่างงานในเขตเมือง ที่ 5.2%
มันจึงกลายเป็นเรื่องน่าขำในหมู่ชาวจีนเอง ….
…และอย่างไรก็ตาม 5.2 % ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง
และไม่สัมพันธ์กันกับผลผลิตอยู่ดีนั่นเอง …
( แหล่งที่มา: Xinhuathai
แรงงานทักษะสูง กลับกระทบมาก …
เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก และเฉพาะมากสำหรับสังคมจีน
คือ แทนที่ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีภาคการผลิต
จะกระทบกับแรงงานขั้นต่ำ ขาดทักษะมากกว่า
แต่มันกลับกระทบแรงงานทักษะสูง มีความรู้มากกว่า
การจ้างงานเด็กจบใหม่น้อย สะท้อนสิ่งนี้ได้อย่างดี
ซึ่งถ้าถามเหตุผล มันคงไม่ใช่ว่าจีนมีการผลิตน้อยลง
แต่ปัญหามันคือ พวกเขาใช้เทคโนโลยีในการผลิต
เข้ามาแทนคนในทุกระดับมากจนเกินไปมากกว่า
…ซึ่งถ้าใครเคยทำงาน และใช้ซอฟท์แวร์จีน จะเข้าใจได้เลย
ว่าทำไมมันจึงเป็นแบบนั้น…
ซอฟท์แวร์จีน ดี และใช้ง่ายเกินไป !
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าอะไรที่ดีและง่าย จะสร้างปัญหาได้
จีนนั้นมีแนวทางการพัฒนาซอฟท์แวร์ช่วยทำงาน
ที่สุดโต่งเกินไป กล่าวคือ มันเป็นซอฟท์แวร์ที่ใครๆ
ก็สามารถใช้ได้ ถ้าอ่านออกเขียนได้ และมีความรู้พื้นฐาน
เฉพาะด้านอยู่บ้างในบางงาน
จีนชอบทำซอฟท์แวร์ในลักษณะที่เรียกว่า
non performance user
หรือก็คือ ใครๆก็ใช้ได้ โดยไม่ต้องมีความรู้มากนัก
1
แล้วกฎหมายจีนเอง ก็ดันสนับสนุนเรื่องนี้เสียด้วย
ในขณะที่ประเทศส่วนมากในโลก จะไม่ยอมรับ
ผลผลิตจากซอฟท์แวร์ลักษณะนี้ในมาตรฐานสายพาน
การผลิต จนกว่ามีวิชาชีพรับรอง แต่ในจีนทำได้
เรื่องนี้ มองในแง่ดีมันก็ดีกับภาพรวมของจีนเอง
คือ มันกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตได้เร็ว ลดต้นทุนภาคธุรกิจ
ที่ไม่ต้องจ้างแรงงานราคาแพง
แต่มุมกลับด้านลบของมัน ก็อย่างที่เห็น คือมันทำให้
คนมีทักษะเป็นที่ต้องการน้อยลง เข่น จากเคยจ้าง 10
อาจเหลือแค่หนึ่ง และปัญหามันก็มากขึ้น ตามการพัฒนา
ของเทคโนโลยี ยิ่งมาโดน AI จีนที่ใช้โคตรงายด้วยแล้ว
แบบนี้ปัญหาเลยยิ่งรุนแรง…
จากปากคำ สถาปนิกจีนในไทย ที่เคยทำงานด้วย
อันนี้เล่าให้ฟังนะครับ …
หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อโปรแกรมออกแบบจีน
อย่าง coohom และ render engine คือ D5
ที่ใช้กันในงานสถาปัตยกรรมมาบ้างนะครับ
เชื่อไหม ว่าสถาปนิกจีนเกลียดมันมาก !
ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ มันดีมากเลยแหละ
แต่ปัญหาคือ ใครๆก็ใช้มันได้ จนพวกเขาหางาน
ได้ยากขึ้นมาก และจำนวนคนที่ใช้ในแต่ละงานก็น้อยลงมาก
coohom นี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นโปรแกรมแบบที่เรียกว่า
non performance user เต็มรูปแบบเลย ใครๆก็ใช้ได้
ลากๆ วางๆ แล้วสามารถทำออกมาเป็น shop drawing
ได้เลย ยิ่งถ้าอยู่ในจีน ออก BOQ รายการวัสดุ ที่สั่งซื้อ
ออนไลน์ให้เสร็จสรรพ
…อันนี้คืองานเล็กๆในจีน สถาปนิกก็ยากล่ะครับ
เจ้าของบ้านจัดการเองหมด….
ส่วน D5 อันนี้จะใช้กับงานมูลค่าสูงหน่อย ใช้คู่กับ
Sketch up ของสหรัฐนั่นแหละ
( ตัวนี้คนไทยก็ใช้กันเยอะ แล้วเป็นเหตุให้งาน
VR มีมูลค่าต่ำลงเช่นกัน )
แต่มันใช้ง่ายมาก รุ่นใหม่มี AI อีกต่างหาก
ในระดับที่เรียกว่า ถ้าขึ้นโมเดลพอได้ ก็จบงาน
มีภาพสวยๆได้เลย ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากนัก
…อันนี้ก็ทำให้มูลค่างานสถาปนิกจีนตกบานเบอะครับ
โดยเฉพาะตัวงาน VR ที่ว่ากันว่าในจีน ทำกันใบละไม่ถึง
1,000 บาทไทยด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าต่ำมาก ถ้าเทียบกับทั่วโลก
…ในไทย ใบละพันนี่ก็หายากแล้วครับ ถ้างานเกรด
Post production นี่ว่ากันต่อภาพคือ 5,000 up
แต่ในจีน งานดีๆ อย่างมากก็ 3,000 บาท คือถูกเวอร์จริงๆ…
ผมเองมีโอกาสได้ใช้ เนื่องจากผู้จ้างก็บริษัท EV จีนนี่แหละ
ที่มาจ้างทำโชว์รูม ให้ทำกับคนของเขา เลยได้ใช้
ก็เข้าใจได้เลย ว่าทำไมสถาปนิกจีนเกลียดมันมากนัก …
…ซึ่งถือว่าโชคดีของคนไทยนะ ที่มันไม่ลามมามากนัก…
เรื่องเทคโนโลยีแย่งงานคน มันก็ทุกที่บนโลกที่โดนนั่นแหละ
ปัญหาคือจีนนั้นมีคนมากอยู่แล้ว การไปเร่งสิ่งนี้มากจนเกินไป
จึงยิ่งให้ผลที่รุนแรงกว่าที่อื่นบนโลก
สำหรับในชาติตะวันตก เทคโนโลยีช่วยให้ธุรกิจง่ายนั้น
เขาจะพัฒนากันแค่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แย่งงานคน
มากจนเกินไปเหมือนแนวทางของจีน
ไม่ใช่ทำไม่ได้นะครับ ทำได้ และทำมาเยอะแล้ว
แต่มักถูกตีกรอบด้วยสหภาพแรงงานต่างๆ หรือกระทั่ง
กฎหมาย ระเบียบต่างๆเสมอ
Developer ของฝรั่งเอง ก็เข้าใจปัญหาเหล่านี้ดี
ซอฟท์แวร์รวมถึง AI ในปัจจุบันของค่ายตะวันตก
จึงถูกจำกัดไว้บางส่วน ไม่ให้ไปล้ำเส้น แย่งงานคนจนเกินไป
หรือแม้กระทั่งการใช้เครื่องจักรในการผลิต
กฎหมายทางตะวันตก ก็บังคับถึงอัตราส่วนการจ้างงาน
ที่เป็นคนจริงๆ ต่อผลผลิตเช่นกัน จึงไม่มีปัญหามากเท่า
ในจีน ที่ไม่มีการควบคุมสิ่งเหล่านี้
พูดง่ายๆ ฝรั่งยอมให้ต้นทุนสูง เพื่อให้คนยังมีงานทำ
ใช่ มันทำให้จีนมีต้นทุนที่ต่ำ ขายของได้มาก ฝรั่งสู้ไม่ได้
แต่มันคุ้มไหม กับสังคมโดยรวม ที่การจ้างงานมันหายไปมาก
…ยิ่งจีนเร่งเทคโนโลยีเท่าไหร่ ปัญหานี้ก็จะยิ่งรุนแรง…
…มันเป็นอะไรที่ต้องเลือก หรือจัดความเหมาะสมให้ดีรึเปล่า
เพราะดูแล้ว มันสวนทางกันมากจริงๆ…
…และถ้าจะถามว่า อะไรคือปัญหาใหญ่ที่สุดของจีน
มันก็คือเรื่องนี้นั่นแหละครับ….
…มารอดูกัน ว่าพวกเขาจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง….
โฆษณา