14 ก.ย. เวลา 04:07 • ความคิดเห็น
ขออนุญาตตอบกระทู้นี้ ด้วยการหยิบยกเอาสิ่งที่ดิฉันได้เรียนผ่านคอร์สภควัตคีตา หลักสูตรของประเทศอินเดีย (พระคัมภีร์ในศาสนาฮินดู) ซึ่งทำให้ดิฉันได้เปิดโลกทัศน์ว่า ปรัชญาการปฏิบัติธรรมของพระกฤษณะและพระพุทธเจ้า แทบไร้ความต่าง และมีความเข้าใจผิดในหลายๆเรื่องเกี่ยวกับคำสอนในศาสนาฮินดู
พระกฤษณะ ทรงอธิบายในเรื่องนี้ให้กับ Arjuna ฟังว่า การควบคุมจิตใจ (To control the mind) ก็เปรียบเสมือนการเทียมรถม้าที่มีม้า 5 ตัว มีผู้กุมบังเหียน และผู้โดยสารนั่นเอง ม้า 5 ตัว เปรียบเสมือน 5 senses ของมนุษย์ (หูได้ยินเสียงหวาน, ตาได้เห็นความงาม, จมูกได้กลิ่นหอมนาง, ผิวได้สัมผัสกายนาง, ลิ้นรับรสอันกำซาบซ่าน) บังเหียนเปรียบเสมือนจิตใจ (Mind) คนขับเปรียบเสมือนความคิดสติปัญญา (Intelligence) และคนโดยสารก็คือจิตวิญญาณ (Soul) ......โปรดสังเกตการเปรียบเทียบผู้นั่นโดยสารว่าคือจิตวิญญาณ (Soul)
พุทธบอกว่า จิตต้องมีที่ยึดเกาะ
แล้วหมั่นฝึกจิตให้ว่างจากการยึด ค่อยๆละคลาย
ฮินดูบอกว่าจิตคือผู้โดยสารที่นั่งบนรถม้า
มีถูกกระทบบ้างก็เป็นธรรมดา
แต่อย่าหล่นจากรถม้าก็แล้วกัน
.............................................................
แล้วทำอย่างไร ไม่ให้ตกเล่า?
ก็อย่าเพียงนั่งนิ่งๆ ดูลมปลายจมูก
ดูสวรรค์ ดูนรก ดูท้องกลวง ตัวโคลงโยกเยก อยู่นั่นแล้ว!
สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่หนทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนเล้ย!
พุทธองค์และพระกฤษณะสอนตรงกันว่า
ถ้าพยายามนั่งอยู่แล้วมันทำท่าเหมือนจะหล่น
ก็แค่จับคนขับไว้ให้แน่นๆ
เมื่อนำมาเทียบเคียงกับคำสอนขององค์บรมศาสดา แทบไร้ความต่าง แต่บรรดาสาวกนั่นเอง ที่ผลิตศัพท์แสงออกมา อาจจะเพราะถอดแปลมา โดยพยายามจะให้คงความหมายให้ได้มากที่สุด จึงทำให้มันดูเอื้อมถึงได้ยาก เข้าใจได้ยาก
พระกฤษณะบอกว่า การควบคุมจิตใจนั้นยากและสาหัส มนุษย์โดยทั่วไป จึงเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีมนุษย์ตนใดทำได้เลย พระกฤษณะจึงให้กำลังใจ Arjuna ว่า เพียงหมั่นฝึกฝนไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องไป Greedy ว่าจะต้องทำให้ได้
ปฏิบัติได้ทุกเมื่อทุกขณะ
ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด
ขอบคุณถามค่ะ
โฆษณา