เมื่อวาน เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ไทยเล็งจัดเก็บภาษีทองคำ? หวังชะลอการแข็งค่าของเงินบาท

สำนักข่าว Bloomberg เผย ทางการไทยกำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีทองคำจริง เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท
จากกรณีที่เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี ตามแรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาทองคำตลาดโลกและการคาดการณ์เรื่องเฟดลดดอกเบี้ย โดยไปแตะระดับที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนนั้น
ล่าสุด สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว ทางการไทยกำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีทองคำจริง (Physical Gold) หรือทองที่จับต้องได้จริง ๆ เช่น เหรียญทอง ทองแท่ง ฯลฯ ไม่ใช่เพียงแค่สัญญาซื้อขายทางดิจิทัล
ไทยเล็งจัดเก็บภาษีทองคำ ชะลอการแข็งค่าของเงินบาท
ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากแหล่งข่าวซึ่งขอสงวนชื่อ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
แหล่งข่าวระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังกำลังหารือเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีทองคำที่ซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และชำระเป็นเงินบาท
การเก็บภาษีดังกล่าวอาจยกเว้นทองคำที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซื้อขายในตลาดล่วงหน้า หรือซื้อจากร้านขายทองคำ
ทางการไทยตั้งเป้าที่จะลดการส่งออกทองคำ และทำให้คนไทยเป็นเจ้าของทองคำมีค่ามากขึ้น แหล่งข่าวเสริมว่า เงินทุนที่ไหลเข้าจากเงินดอลลาร์ที่ผูกติดกับการขนส่งทองคำแท่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
การส่งออกทองคำของไทยพุ่งขึ้น 69% สู่ระดับ 2.54 แสนล้านบาท ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติทำให้เกิดข้อเรียกร้องให้มีการสอบสวน ขณะที่ราคาทองคำแท่งทั่วโลกพุ่งขึ้นเกือบ 40% ในปีนี้
รายได้จากการส่งออกทองคำช่วยผลักดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยที่ค่าเงินบาทพุ่งขึ้น 7% กระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้ธนาคารกลางเข้าแทรกแซงอย่างเข้มข้นมากขึ้นเพื่อปกป้องภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีกำหนดพบปะกับตัวแทนของบริษัทค้าทองคำในวันที่ 15 ก.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบของทองคำที่มีต่อค่าเงินบาท และแนวทางในการรายงานธุรกรรมให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
กระทรวงการคลังจะหารือกับธนาคารกลางเพิ่มเติม และจะมีการตัดสินใจหลังจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งเท่านั้น แหล่งข่าวกล่าวเสริมว่า การจัดเก็บภาษีนี้อาจถูกนำเสนอเป็นภาษีธุรกิจพิเศษ
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากผู้ขายทองคำแปลงรายได้จากเงินดอลลาร์เป็นเงินบาท ธุรกรรมดังกล่าวอาจถูกเก็บภาษี แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อสรุปอัตราการจัดเก็บภาษีใด ๆ
ธนาคารกลางระบุว่า กำไรของเงินบาทส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและปัจจัยภายนอก พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อควบคุมความผันผวนส่วนเกิน โดยทั่วไปแล้ว เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อคนไทยขายทองคำ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากรายได้จากเงินดอลลาร์จะถูกแปลงเป็นเงินตราท้องถิ่น
เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งคิดเป็น 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
เดิมผู้ส่งออกไทยกำลังเผชิญความปั่นป่วนอยู่แล้วหลังจากที่การส่งออกของไทยถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 19% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นและความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน
ความต้องการทองคำในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 13% ในปีที่แล้ว และขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
MTS Gold Group หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ระบุว่า คนไทยซื้อทองคำเกือบ 70% ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยคาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำในประเทศไทยปี 2568 จะเพิ่มขึ้นต่อเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยอาจเพิ่มเป็น 53.7 ตัน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา