ที่ดินว่างอย่าปล่อยทิ้ง เทรนด์ใหม่ “เสือนอนกิน” ธุรกิจที่จอดรถให้เช่า
การสร้างรายได้แบบไม่ต้องลงแรง หรือที่เรียกกันว่า Passive Income มักถูกเปรียบเปรยว่าเป็น เสือนอนกิน หรือพูดง่าย ๆ ว่า “นอนเฉย ๆ ก็มีเงินใช้” แนวคิดนี้กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยไม่พึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว และคนส่วนใหญ่มักเลือกต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ โดยนำทรัพย์สินที่มีอยู่ในครอบครองมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น การปล่อยเช่าบ้าน หรือที่ดินนั่นเองครับ
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีที่ดินเปล่าแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลับต้องแบกรับ “ภาษีที่ดิน” ทุกปีโดยไม่มีรายได้หมุนคืนกลับมา จึงไม่แปลกที่เจ้าของที่ดินจะเริ่มตั้งคำถามว่า ที่ดินรกร้างทำอะไรดี ? ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเรื่องภาษีที่ดินกันครับ
- ■ที่ดินเปล่า ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ?
หลายคนอาจไม่รู้นะครับว่าการปล่อยที่ดินเปล่ารกร้างโดยไม่ได้ทำประโยชน์ใด ๆ จะต้องเสียภาษีแบบขั้นบันไดตาม พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยกตัวอย่างเช่น หากมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีเริ่มต้น 0.3% ต่อปี และหากปล่อยร้างต่อเนื่อง อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ 3 ปี ครั้งละ 0.3% รวมสูงสุดไม่เกิน 3% ตามเพดานภาษี และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพมากขึ้น ลองดูข้อมูลตามตารางนี้ประกอบกันไปด้วยได้เลยครับ
ตาราง พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
เมื่อเห็นแบบนี้คงไม่อยากปล่อยที่ดินรกร้างแล้วใช่ไหมครับ? เพราะนอกจากจะต้องจ่ายภาษีเแบบก้าวกระโดดแล้ว ยังเสียโอกาสสร้างรายได้อีกด้วย
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเจ้าของที่ดินบางรายเลือกใช้วิธีปรับพื้นที่มาทำการเกษตร เช่น ปลูกกล้วย ทำสวนทุเรียน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการปลูกพืชไม้ผล จำเป็นต้องใช้เวลา แรงงาน และยังต้องการการดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างมากทีเดียวครับ JUDJOD (จุดจอด) จึงอยากมาแนะนำไอเดียสำหรับคนที่มีที่ดินเปล่าแต่ไม่รู้จะทำอะไร ซึ่งไอเดียนี้ลงทุนครั้งเดียว แต่สามารถเก็บผลตอบแทนได้ในระยะยาวครับ
กลยุทธ์ทำเงินง่าย ๆ กับที่ดินเปล่า เมื่อมีที่ดินเปล่า ทำอะไรได้บ้าง ?
- ■ที่ดินรกร้างว่างเปล่า ทำอะไรดี ?
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการหารายได้จากที่ดินรกร้างว่างเปล่า คือ ธุรกิจที่จอดรถให้เช่า ซึ่งเป็นการปรับพื้นที่ทำลานจอดรถให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นนำรถมาฝาก และเก็บค่าบริการเป็นรายชั่วโมง รายวัน หรือรายเดือน
รูปแบบการเก็บภาษีที่ดินในลักษณะนี้จะอยู่ในรูปแบบ “พาณิชยกรรม” ซึ่งมีอัตราเท่ากับเรทเริ่มต้นตามตารางภาษีที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนะครับ ยกตัวอย่างเช่น หากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 50 ล้านบาท จะเสียภาษี 0.3% ทุกปี และไม่มีการทบเป็นขั้นบันไดเช่นเดียวกับที่ดินเปล่า เรียกได้ว่าประหยัดภาษีได้มากขึ้น และยังให้ผลตอบแทนกลับคืนมาได้เรื่อย ๆ อีกด้วยครับ
- ■หารายได้จากธุรกิจรับฝากรถ เริ่มต้นยังไง ?
1. ศึกษาทำเลที่ดิน และบริเวณใกล้เคียง
หัวใจสำคัญของธุรกิจรับฝากรถ คือ “ทำเล” โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความต้องการจอดรถสูง เช่น ย่านใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล สนามบิน สถานีรถไฟ ออฟฟิศ คอนโด หรือแหล่งชุมชน รวมถึงจะต้องไม่ลืมสำรวจด้วยนะครับว่าในบริเวณนั้นมีธุรกิจแบบเดียวกันอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้กำหนดราคาและวางแผนรูปแบบธุรกิจได้อย่างเหมาะสมครับ
2. ศึกษารูปแบบธุรกิจ
เมื่อได้ทำเลแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการเลือกรูปแบบธุรกิจให้เหมาะสมครับ โดยทั่วไปการให้บริการที่จอดรถมีทั้งแบบรายชั่วโมง รายวัน รายเดือน ซึ่งควรสอดคล้องกับทำเลและพฤติกรรมของผู้ใช้ในพื้นที่นั้น ๆ ครับ เช่น
- ●รายชั่วโมง เหมาะกับพื้นที่ที่มีรถหมุนเวียนสูง จอดระยะสั้น แต่มีจำนวนรอบต่อวันที่มากขึ้น เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือสถานีรถไฟฟ้า
- ●รายวัน เหมาะกับพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการจอดต่อเนื่องหลายชั่วโมง เช่น ใกล้สถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย หรือแหล่งท่องเที่ยว
- ●รายเดือน เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าประจำ เช่น พนักงานออฟฟิศ หรือใกล้คอนโด
- ●แบบผสม เหมาะกับพื้นที่ที่มีลูกค้าขาจรและขาประจำ ช่วยให้เจ้าของธุรกิจกระจายรายได้จากลูกค้าหลายกลุ่มในเวลาเดียวกัน และใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามากขึ้น
การทำธุรกิจรับฝากร รายชั่วโมง รายวัน และรายเดือน
- ■เริ่มธุรกิจรับฝากรถ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
ก่อนจะเริ่มธุรกิจรับฝากรถหรือที่จอดรถให้เช่า การเข้าใจค่าใช้จ่ายตั้งแต่ต้นจะช่วยให้วางแผนการลงทุนและประเมินจุดคุ้มทุนได้ง่ายขึ้นนะครับ ซึ่ง JUDJOD (จุดจอด) ขอแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้ครับ
- ●ค่าใช้จ่ายการลงทุน (Capital Expenditure หรือ CapEx) คือ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ช่วงเริ่มธุรกิจ เช่น ปรับปรุงพื้นที่ เทพื้น ก่อสร้างหลังคา สิ่งเหล่านี้มักเป็นเงินลงทุนครั้งแรก หลังจากนั้นเหลือเพียงค่าบำรุงรักษาเป็นระยะ ๆ เพื่อให้พื้นที่และอุปกรณ์พร้อมใช้งานเสมอครับ
- ●ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) คือ ต้นทุนค่าใช้จ่ายคงที่และต้องจ่ายเป็นประจำ เช่น ค่าจ้างพนักงานประจำ
- ●ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คือ ต้นทุนที่เปลี่ยนตามปริมาณการใช้งาน เช่น ค่าน้ำและค่าไฟ
เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะช่วยให้เห็นภาพรวมของการลงทุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ แต่หากต้องการลดต้นทุน Fixed Cost หรือ Variable Cost บางอย่างลงไป อาจพิจารณานำ ระบบ Parking Management มาใช้ร่วมด้วยจะช่วยให้การบริหารธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
บริหารธุรกิจด้วยระบบ Parking Management System
- ■บริหารธุรกิจที่จอดรถให้เช่าแบบ “เสือนอนกิน”
การทำธุรกิจที่จอดรถให้เช่า ไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานจำนวนมากเสมอไปนะครับ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและลดต้นทุน ซึ่งระบบ Parking Management ภายใต้การดูแลของ JUDJOD (จุดจอด) เราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งระบบ แต่พร้อมเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบและเลือกโซลูชันที่เหมาะสมกับลานจอดแต่ละประเภท ตั้งแต่ลานจอดรถขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น
- ●ค่าใช้จ่ายการลงทุน (Capital Expenditure หรือ CapEx) คือ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ช่วงเริ่มธุรกิจ เช่น ปรับปรุงพื้นที่ เทพื้น ก่อสร้างหลังคา สิ่งเหล่านี้มักเป็นเงินลงทุนครั้งแรก หลังจากนั้นเหลือเพียงค่าบำรุงรักษาเป็นระยะ ๆ เพื่อให้พื้นที่และอุปกรณ์พร้อมใช้งานเสมอครับ
- ●ระบบ Semi Automation (ระบบกึ่งอัตโนมัติ) ใช้เทคโนโลยีทำงานร่วมกับคน
- ●ระบบ Fully Automation ควบคุมการเข้า–ออกอัตโนมัติแบบครบวงจร โดยไม่ต้องพึ่งพาคน
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกใช้ระบบไหน หัวใจสำคัญคือ การนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็น “ผู้ช่วยอัตโนมัติ” คอยสรุปรายงาน เช่น จำนวนรถที่เข้ามาใช้บริการและรายได้ทั้งหมด ซึ่งจะถูกรวบรวมไว้ในระบบ Cloud Server ทำให้สามารถตรวจสอบ ติดตามข้อมูล และมีความโปร่งใสได้ตลอดเวลา การลงทุนในระบบถือเป็น ค่าใช้จ่ายการลงทุน (Capital Expenditure – CapEx) จ่ายครั้งเดียวแต่ใช้งานได้ระยะยาวครับ
เจ้าของที่ดินเปล่าที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแบบ “เสือนอนกิน” เช่น รับฝากรถหรือทำที่จอดรถให้เช่า JUDJOD (จุดจอด) พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบโซลูชันระบบจอดรถอัตโนมัติให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ สามารถติดต่อฝ่ายขายได้ที่ : โทรศัพท์ 02-573-4400 ต่อ 100, 120 หรือ LINE Official Account: @judjod
เยี่ยมชมเว็บไซต์ : https://www.judjod.com
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ : https://bit.ly/3DULS7X
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
