15 ก.ย. เวลา 13:03 • ไลฟ์สไตล์

📌 บทเรียนการสร้างรายได้และพัฒนาตนเองจากมหาบุรุษเจงกิสข่าน

ในโลกปัจจุบันที่การทำงาน การสร้างรายได้ และการพัฒนาตนเองคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ แนวคิดจากอดีตอันไกลโพ้นของเจงกิสข่าน หรือเตมูจิน มหาบุรุษผู้สร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจเป็นแรงบันดาลใจและบทเรียนที่คาดไม่ถึงสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งอย่างชาญฉลาด เรื่องราวของเขาไม่ใช่แค่การพิชิตดินแดน แต่คือมหากาพย์แห่งการเปลี่ยนผ่านจากความยากจนสู่การเป็นผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจและสังคมของโลกในยุคนั้นอย่างแท้จริง
เรามาเรียนรู้เรื่องราวของเขาผ่านการบอกเล่าของ Jack Weatherford นักมานุษยวิทยาและนักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเจงกิสข่านและอาณาจักรมองโกลไปด้วยกัน
----------
1) จากความไร้ซึ่งทุกสิ่ง สู่การสร้างรากฐานแห่งความมั่งคั่ง
เจงกิสข่านในวัยเยาว์ต้องเผชิญกับความรันทดอย่างแสนสาหัส เมื่ออายุเพียง 9 ขวบ เขาต้องสูญเสียบิดาและเผ่าของตน ถูกทอดทิ้งให้อยู่ในความยากจนบนทุ่งหญ้า Steppe อันโหดร้ายของมองโกเลีย ครอบครัวของเขาถูกทอดทิ้งให้ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
“Hoelun ผู้เป็นแม่ ดึงหมวกลงมาคลุมศีรษะ เธอคว้าไม้เท้าสีดำของเธอ และวิ่งขึ้นลงริมฝั่งแม่น้ำ ขุดรากไม้มาเลี้ยงดูลูก ๆ ของเธอ” Jack Weatherford บรรยายถึงเรื่องราวที่เขาค้นคว้ามา
เจงกิสข่านเองก็เริ่มออกหาปลาและรากไม้มาช่วยครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก ประสบการณ์เหล่านี้คือบทเรียนอันเจ็บปวดแต่ล้ำค่า ที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้และเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
ความสามารถในการเอาชีวิตรอดภายใต้ข้อจำกัดอันแสนสาหัสนี้เองที่สร้าง ‘รากฐาน’ ความมั่งคั่งของเขาในอนาคต ความอดทน ความเฉลียวฉลาด และการรู้จักคุณค่าของทรัพยากรทุกชิ้นจากการที่ต้องหามาด้วยความยากลำบาก เป็นทักษะสำคัญที่ผู้นำทางธุรกิจหรือผู้ประกอบการควรมี เพื่อรับมือกับความท้าทายและการขาดแคลนในตลาด
----------
2) ความสามารถในการปรับตัวและพลิกแพลง
ต่อมา เจงกิสข่านถูกลักพาตัวและตกเป็นทาส โดยเขาถูกจับใส่แอกไม้ที่ตรึงทั้งศีรษะและแขน แต่เขากลับใช้แอกไม้ที่ถูกตรึงนั้นเป็นอาวุธในการหลบหนี นี่คือบทเรียนสำคัญที่ Jack Weatherford เน้นย้ำว่า "สิ่งใดที่เคลื่อนไหวได้ คืออาวุธ"
เจงกิสข่านเป็นผู้ที่เปิดรับเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับเมืองที่มีกำแพงใหญ่เป็นครั้งแรก เขาก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเบี่ยงทางน้ำจากแม่น้ำมาใช้ทำลายกำแพงเมือง และเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ต่อไป
การรู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือดูไม่เกี่ยวข้องเพียงใด เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้เราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่นำไปสู่ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
----------
3) การลงทุนกับคนคือการลงทุนกับอนาคต
เจงกิสข่านแตกต่างจากผู้นำอื่น ๆ ในยุคสมัยเดียวกันอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ส่งเสริมคนจากสายเลือดหรือชนชั้น แต่ส่งเสริมตามความสามารถ (Meritocracy) เขาไม่เคยลงโทษแม่ทัพที่พ่ายแพ้ แต่จะชวนไปตรวจสอบสนามรบและหารือถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อเรียนรู้จากข้อผิดพลาด สิ่งนี้สร้างกองทัพที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
1
แนวคิดนี้เมื่อนำมาใช้ในการบริหารองค์กร การส่งเสริมและให้โอกาสคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด การเปิดโอกาสให้พนักงานเรียนรู้จากความผิดพลาดโดยไม่มีบทลงโทษที่รุนแรง จะสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ และจะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของรายได้ในระยะยาว
----------
4) สร้างระบบนิเวศแห่งความมั่งคั่ง
แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ตระหนักว่าชนเผ่ามองโกลไม่สามารถผลิตสิ่งของได้มากนัก แต่ต้องพึ่งพาการค้าอย่างสูง เขาจึงได้ปฏิรูปนโยบายที่ส่งเสริมการค้าอย่างก้าวหน้าดังต่อไปนี้
🚩 ห้ามลักพาตัวและขายผู้หญิง : เพื่อลดความขัดแย้งในเผ่าและสร้างเสถียรภาพในสังคม
1
🚩 เปิดเสรีภาพทางศาสนา : ออกกฎหมายที่ให้บุคคลมีสิทธิ์เลือกศาสนาของตนเอง ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งนี้ดึงดูดชนกลุ่มน้อยให้เข้ามาร่วมและสร้างสังคมที่มั่นคง
1
🚩 ยกสถานะของพ่อค้า : พ่อค้าได้รับการยกเว้นภาษีบางประเภท และได้รับความคุ้มครองในการเดินทาง อาณาจักรมองโกลยังได้สร้างสถานีพักแรมตลอดเส้นทางการค้าเพื่ออำนวยความสะดวก
1
🚩 ยกเว้นภาษีให้สถาบันสำคัญ เช่น สถาบันศาสนา แพทย์ และครู เพื่อเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ การศึกษา และจิตวิญญาณของประชาชน
1
การสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ยุติธรรม และส่งเสริมผู้ประกอบการ (พ่อค้า) เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การออกนโยบายที่ลดความขัดแย้ง สร้างความหลากหลาย และลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ (สุขภาพ, การศึกษา) จะช่วยให้การไหลเวียนของ ‘เงิน’ และการสร้างรายได้เป็นไปอย่างยั่งยืน การปกป้อง ‘ช่องทางการสื่อสาร’ และการค้า เช่น การปกป้องทูต ก็เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจโลก
1
----------
5) บทบาทสำคัญของผู้หญิง พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มักถูกมองข้าม
ในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเจงกิสข่านไม่สามารถแยกออกจากบทบาทอันทรงพลังของผู้หญิงได้เลย ได้แก่
• Hoelun มารดาของเจงกิสข่าน เธอคือผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนเลี้ยงดูลูก ๆ ให้รอดพ้นจากความอดอยาก
• Borte ภรรยาของเจงกิสข่าน คือผู้ที่ชี้ให้เขาเห็นถึงความจำเป็นในการแยกตัวออกจาก Jamukha เพื่อความเป็นอิสระ และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาต่อสู้เพื่อความรักจนกลายเป็นอัจฉริยะทางทหาร
• Töregene ภรรยาของ Ögedei Khan เธอได้ขึ้นปกครองอาณาจักรมองโกลในฐานะสตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เธอให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและการค้า และนำพาอาณาจักรสู่ช่วงเวลาแห่งสันติภาพ ซึ่งดีต่อการค้าขาย
1
นอกจากนี้ เจงกิสข่านยังได้จัดให้ลูกสาวของตนเองปกครองพื้นที่ต่าง ๆ และให้ภรรยาดูแลเศรษฐกิจของมองโกเลียในขณะที่ผู้ชายไปออกรบ
1
การตระหนักถึงศักยภาพและบทบาทของผู้หญิงในทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารและการตัดสินใจทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น การใช้ประโยชน์จากความสามารถของทุกคนอย่างเต็มที่ โดยไม่จำกัดด้วยเพศสภาพ ไม่เพียงแต่สร้างความยุติธรรม แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
1
----------
6) มีวิสัยทัศน์ที่นำหน้ากาลเวลา
เจงกิสข่านไม่ได้มีความสนใจในทรัพย์สินทางวัตถุเลย เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในกระโจม และกล่าวว่า "ข้ากินในสิ่งที่ทหารของข้ากิน ข้าแต่งตัวอย่างที่ทหารของข้าแต่ง ข้าใช้ชีวิตอย่างที่ทหารของข้าใช้ชีวิต เราคือคน ๆ เดียวกัน" เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงอันตรายของการยึดติดกับอำนาจและการบูชาบุคคล
1
ความเรียบง่ายและการไม่ยึดติดกับวัตถุจะช่วยให้ผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนขึ้น และสามารถตัดสินใจเรื่องการเงินและการลงทุนได้อย่างเป็นกลาง การเข้าใจถึงพลวัตของโลกและความต้องการของมนุษย์ในระดับพื้นฐาน ทำให้เขาสามารถสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ความมั่งคั่งของอาณาจักรในระยะยาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
----------
เรื่องราวของเจงกิสข่านและอาณาจักรมองโกลคือบทพิสูจน์ว่า การสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้มาจากเพียงการสะสมทรัพย์สิน แต่มาจากการสร้างระบบที่แข็งแกร่ง การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การเปิดรับการเปลี่ยนแปลง และการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ซึ่งเป็นบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับทุกคนในโลกที่ซับซ้อนนี้
1
คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องราวของเจงกิสข่าน? คอมเมนต์แบ่งปันมุมมองของคุณได้เลย
#FollowTheMoney #เจงกิสข่าน #การพัฒนาตนเอง #ประวัติศาสตร์ #กลยุทธ์ธุรกิจ #ประวัติศาสตร์นอกตำรา #JackWeatherford
โฆษณา