8 ชั่วโมงที่แล้ว • ความคิดเห็น
ส่วนตัวมองว่าการพิจารณาว่า "ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา" จนสามารถละกิเลสได้ ไม่ใช่เพียงการท่องจำ หรือเป็นความรู้ ความเข้าใจของสมอง แต่คือการใช้สติ ใช้ปัญญาพิจารณาจนจิตใจนั้นประจักษ์เห็นแจ้งในสัจธรรม อย่างแท้จริง
.
เห็นแจ้งว่า ร่างกาย หรือรูปกายนั้น เกิดขึ้นมาจากการรวมกันของ ธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามเหตุปัจจัย จากทารก กลายเป็นหนุ่มสาว สู่วัยชรา เดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอม เดี๋ยวป่วยเดี๋ยวหายป่วย ไม่เคยคงที่ทุกขณะจิต ที่เรียกกันว่า อนัจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ " ไตรลักษณ์ "
1
.
เห็นแจ้งว่าหากกายเป็นของเรา เหตุใดเราจึงไม่สามารถสั่งกายให้ไม่แก่ ไม่เจ็บป่วย ไม่ตายได้
1
.
เมื่อพิจารณาจนเห็นไตรลักษณ์ของกายได้ แน่นอนว่าต้องตามพิจารณาไปจนถึงใจ เพราะกายและใจนั้นสัมพันธ์กัน ทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากใจ ความรู้สึก ความเชื่อว่ามีตัวเราล้วนมาจากใจ
.
ใจที่ยึดกาย ยึดในสิ่งที่ไม่เที่ยงอยากให้มันเที่ยง อยากให้มันคงอยู่เหมือนเดิมเช่นนั้น หรือ ไม่อยากให้มันเป็นเช่นที่เป็นอยู่ ล้วนทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ความทุกข์"
1
.
และการพิจารณามองตรงๆไปที่ความทุกข์ด้วยสติ ด้วยปัญญานี้เองที่สามารถนำเราหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนใช้เวลาค่ะ
.
ขอแนะนำคลิปด้านล่างค่ะ ว่าเหตุใด พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า
เมื่อร่างกายเจ็บป่วย...คือเวลาที่บุญบารมีจะเพิ่มพูนที่สุด
.
หวังว่าจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์จากความเจ็บป่วยอยู่นะคะ
โฆษณา