Grid/DCA Bot ใช้ตอนไหนคุ้ม เดโมตั้งบอท + ความเสี่ยงซ่อนเร้น
“ตลาดไซด์เวย์ อย่าปล่อยให้เงินนอนเฉย… Grid Bot ช่วยปั้นกระแสเงินสดทุกวัน ส่วน DCA Bot ให้คุณสะสมของดีในเทรนด์ยาว—ตอนนี้มาดูให้ชัดว่าควรใช้ ‘ตัวไหน เมื่อไร’ และตั้งยังไงให้คุ้มจริง!”
สวัสดีครับ ผมโค้ชพีช “ตามผมลงทุนคริปโต” วันนี้เราจะพาไปครบลูป:
“ตลาดไซด์เวย์ อย่าปล่อยให้เงินนอนเฉย… Grid Bot ช่วยปั้นกระแสเงินสดทุกวัน ส่วน DCA Bot ให้คุณสะสมของดีในเทรนด์ยาว—ตอนนี้มาดูให้ชัดว่าควรใช้ ‘ตัวไหน เมื่อไร’ และตั้งยังไงให้คุ้มจริง!”
สวัสดีครับ ผมโค้ชพีช “ตามผมลงทุนคริปโต” วันนี้เราจะพาไปครบลูป:
1. เข้าใจความต่างของ Grid กับ DCA ว่าควรใช้ “เมื่อไร” ถึงคุ้ม
2. เดโมตั้งบอททีละขั้น พร้อมตัวเลขตัวอย่าง
3. สูตรเลือกพารามิเตอร์แบบเร็ว
4. แผน Hybrid ผสมข้อดีทั้งสอง
5. เช็คลิสต์ความเสี่ยงซ่อนเร้นที่หลายคนพลาด
6. ปิดท้ายด้วยพรีเซ็ตพร้อมใช้ 3 ระดับ
“Grid vs DCA ใช้เมื่อไรคุ้ม”
• Grid Bot: เหมาะกับตลาด “แกว่งในกรอบ” ชัดเจน (Range Bound) — เป้าคือ “กินสเปรดถี่ๆ” จากการตั้งรับ–ขายเป็นขั้นๆ แม้ราคาไม่ไปไหน
• DCA Bot: เหมาะกับตลาด “มีแนวโน้ม” ขึ้นหรือลงแบบค่อยเป็นค่อยไป — เป้าคือ “ลดต้นทุนเฉลี่ย” สะสมของดีในระยะกลาง–ยาว
[สัญญาณที่ช่วยตัดสินใจ]
• ใช้ Grid เมื่อ: ช่วง 2–6 สัปดาห์ ราคาสวิงขึ้นลงซ้ำในโซนเดิม, ATR ไม่พุ่งผิดปกติ, ไม่มีข่าวเปลี่ยนเกม
• ใช้ DCA เมื่อ: EMA 50/200 ชี้ทางเดียว, โครงสร้าง HH/HL (ขาขึ้น) หรือ LL/LH (ขาลง) ชัด, เทรนด์ยังไม่เสีย
[จุดเด่น–จุดอ่อนแบบสั้น]
• Grid เด่น: สร้างกระแสเงินสดระหว่างที่ “ราคาไม่ไปไหน”
• Grid เสี่ยง: หลุดกรอบแรงๆ จะถือของฝั่งผิด (Inventory หนัก)
• DCA เด่น: ไม่ต้องเดาจุดต่ำสุด ต้นทุนเฉลี่ยลดลงเรื่อยๆ
• DCA เสี่ยง: ถ้าลงยาว–ผันผวนสูง เงินสดอาจหมดก่อนเทรนด์จบ
[ทางลัดเลือก]
• แกว่งในกรอบชัด → เริ่ม Grid
• มีแนวโน้ม–อยากสะสม → ใช้ DCA
• ไม่แน่ใจ → Hybrid: เปิด Grid แคบ “กลางกรอบ” + วาง DCA-on-dip เผื่อย่อ
“ตั้ง Spot Grid ทีละขั้น (ตัวอย่าง BTC/USDT, กราฟ 4H)”
หมายเหตุ: ใช้ Spot ก่อน ถ้ายังไม่ชำนาญ Futures
ขั้นที่ 1: เลือกคู่–ไทม์เฟรม
• คู่ลิควิดสูง เช่น BTC/USDT, ETH/USDT
• ไทม์เฟรม 4H เพื่อเห็นกรอบ 2–6 สัปดาห์ชัด
ขั้นที่ 2: นิยาม “กรอบราคา”
• อ้างอิง Swing Low/High 14–30 วัน หรือใช้ Bollinger Bands(20,2)
• ตัวอย่างกรอบ: ต่ำ 58,500 – สูง 65,000 (ใช้เป็นไกด์ ปรับตามจริง)
ขั้นที่ 3: จำนวนเส้นกริด (Grid Count) และระยะช่อง
• เลือก 20–30 เส้นสำหรับกรอบ ~8–15%
• ช่องสเปรดต่อขั้นประมาณ 0.5–0.7% เป็นจุดเริ่มที่ดี
ขั้นที่ 4: การกระจายเงิน
• เท่าๆ กันทั้งเส้น หรือแบบ “ถี่ด้านล่าง” (กึ่งเรขาคณิต) เพื่อรับของมากขึ้นเมื่อย่อ
ขั้นที่ 5: เป้ากำไรต่อขั้น และค่าธรรมเนียม
• ตั้ง Take Profit ต่อขั้น ~0.6–0.8%
• กฎทอง: กำไรต่อขั้น “ต้องมากกว่า 2 เท่าของค่าธรรมเนียมรวม” ต่อรอบซื้อ–ขาย เพื่อกันสลิปเพจ
ขั้นที่ 6: กฎออก (Exit Rules)
• Kill-Switch: ถ้าปิดแท่ง 4H “ต่ำกว่า Low ของกรอบเกิน 1–2 ช่อง” → ปิดบอท และมีแผนเคลียร์สต็อก (ทยอยขาย/ย้ายเป็น DCA)
• Breakout Handoff: ถ้าปิด 4H “เหนือกรอบบน 2 แท่งติด” → ปิด Grid แล้วเปลี่ยนเป็นแผนตามเทรนด์ หรือ DCA-up
ขั้นที่ 7: KPI ที่ต้องติดตาม
• จำนวนรอบสำเร็จ/วัน, กำไรสุทธิหลังค่าธรรมเนียม, เวลาที่บอท Out-of-Range, อัตรา Inventory ค้าง
ภาพรวมความคาดหวัง
• ถ้าความผันผวนพอดี บอททำดีลสำเร็จรวม ~หลายครั้ง/วัน กำไรสุทธิหลังค่าธรรมเนียมต่อดีล ~0.4% ของเงินต่อดีล ก็อาจเห็นผล ~หลักเปอร์เซ็นต์/สัปดาห์ ทั้งหมด “ขึ้นกับสภาพตลาดจริงและค่าธรรมเนียมของบัญชีพีช”
“ตั้ง Auto-DCA ทีละขั้น (ตัวอย่าง BTC/USDT หรือ ETH/USDT)”
ขั้นที่ 1: กำหนดงบสม่ำเสมอ
• ตัวอย่าง: 400 ดอลลาร์/เดือน แบ่งซื้อรายสัปดาห์ 100 × 4
ขั้นที่ 2: ตั้งความถี่
• ซื้อทุก 7 วัน วันเดิมเวลาเดิม “วินัยสำคัญกว่าเรทสวย”
ขั้นที่ 3: Dip-Triggers (ซื้อเพิ่มเมื่อย่อ)
• เพิ่มไม้เมื่อราคาต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยปัจจุบัน −5% / −10%
• จำกัดเพดานไม่เกิน 2–3 ชั้น/เดือน เพื่อไม่ให้เงินหมดเร็ว
ขั้นที่ 4: ทางออก (สำหรับสายกลาง)
• ตั้ง Take Profit 8–15% “จากราคาเฉลี่ย” + Trailing 2–3%
• หรือถือยาวตาม Thesis แล้วแบ่งขายใกล้แนวต้านกรอบสัปดาห์/เดือน
ขั้นที่ 5: วินัยที่ต้องย้ำ
• ไม่ยกเลิกการซื้อประจำเพราะข่าวระยะสั้น เว้นแต่ Thesis เปลี่ยนจริง
[HYBRID] “Grid เก็บสเปรด + DCA รองรับย่อ”
• เปิด Grid “แคบช่วงกลางกรอบ” เพื่อลดความเสี่ยงติดดอย
• แยก DCA-on-dip เมื่อราคาหลุดกรอบล่าง ให้ DCA รับหน้าที่สะสมระยะกลาง–ยาว
• สลับโหมดเมื่อ “โครงสร้างตลาดเปลี่ยน” เช่น เบรกกรอบขึ้นแรง → ปิด Grid, ปรับเป็น DCA-up หรือตามเทรนด์
“สูตรเลือกพารามิเตอร์แบบเร็ว”
• เลือกกรอบ (Grid): Low–High ของ 2–6 สัปดาห์ หรือ BB(20,2) แล้วขยาย ±0.5–1% กันหลุดนิดหน่อย
• จำนวนกริดโดยคร่าว: เปอร์เซ็นต์กรอบ ÷ สเปรดต่อขั้นที่ต้องการ
• กฎกำไรต่อขั้น: ≥ 2 × ค่าธรรมเนียมรวม (กันสลิปเพจ)
• เงินต่อเส้น: งบรวม ÷ จำนวนเส้น หรือถี่ด้านล่างแบบอัตราส่วน 1–1.2× ไล่ลง
• DCA งบ/รอบ: เงินที่ “รับดรอดาวน์ได้” ÷ จำนวนรอบ/เดือน
• DCA Dip-Triggers: −5/−10/−15% จาก “ราคาเฉลี่ยล่าสุด” (ไม่ใช่ราคาเริ่ม)
• เงินสำรอง: กันเงินสดเพิ่มอย่างน้อย 1–2 เดือนรองรับเทรนด์ลงยาว
[RISKS] “ความเสี่ยงซ่อนเร้นที่ต้องรู้”
1. Out-of-Range: ราคาหนีกรอบ บอทไม่ทำงาน เพิ่มโอกาสถือฝั่งผิด
2. Inventory Risk: Grid จะค่อยๆ สะสมเหรียญตอนลง ถ้าลงลึก–ยาว จะหนักของ
3. Trend Shock: ข่าวใหญ่/แตกโครงสร้าง ทำกรอบเดิมใช้ไม่ได้ทันที
4. ค่าธรรมเนียม–สลิปเพจ: ช่องสเปรดแคบเกิน กำไรสุทธิไม่พอ
5. Martingale Trap (DCA ถี่/คูณไม้): เงินหมดก่อนเทรนด์จบ
6. Futures Grid: เสี่ยง Funding และเลเวอเรจ—มือใหม่เลี่ยง เริ่มที่ Spot
7. API/Platform: จำกัดสิทธิ์ API เฉพาะอ่าน/เทรด ห้ามถอน ตรวจตารางบำรุงรักษา
8. Backtest Mirage: พารามิเตอร์สวยในอดีต แต่ใช้จริงคนละโลก → ต้องติดตาม–ปรับ
• มีจุดยกเลิกบอทชัดเจน, กันเงินสด, สเปรด > 2×fee, วัด KPI รายสัปดาห์, ใช้ Spot ก่อน, แยกบอทคู่ที่ลิควิดสูง
“ก่อนกด Start ต้องเช็ก”
• นิยามโซนยกเลิกบอท (เหนือ/ใต้กรอบกี่%)
• Max Capital at Risk ไม่เกิน X% ของพอร์ต
• กำไรต่อขั้นมากกว่า 2×ค่าธรรมเนียมรวมของคู่เหรียญนั้น
• มีแผนเคลียร์สต็อกถ้าหลุดกรอบ (ทยอยขาย/โยกเป็น DCA)
• บันทึก KPI: จำนวนรอบสำเร็จ, กำไรสุทธิหลัง fee, % เวลา Out-of-Range
[พรีเซ็ตเริ่มต้น 3 สไตล์”
• Conservative (มือใหม่):
— Grid: กรอบ ~8–12%, 20–25 เส้น, TP/ขั้น ~0.6%, เงินกระจายเท่าๆ กัน, Kill-switch หลุดกรอบ ~2%
— DCA: 50 ดอลลาร์/สัปดาห์, Dip −7%/−14%, จำกัด 2 ชั้น/เดือน
• Balanced:
— Grid: กรอบ ~12–18%, 25–35 เส้น, TP/ขั้น 0.7–0.9%, ถี่ด้านล่างเล็กน้อย
— DCA: 100 ดอลลาร์/สัปดาห์, Dip −5/−10/−15%, TP 12% + trailing 3%
• Aggressive (ชำนาญ):
— Grid: กรอบ ~18–25%, 35–45 เส้น, TP/ขั้น 1.0–1.2%, ใช้เฉพาะคู่ลิควิดสูง
— DCA: 150 ดอลลาร์/สัปดาห์ + “Bonus-Buy” ตอนย่อแรง (ต้องมีเงินสำรองเพิ่ม)
• เริ่มเล็ก ทดสอบ 1 บอท/1 คู่ก่อน ขยายเมื่อ KPI คงที่
• อย่าผูกชะตากับคู่เหรียญเดียว แยกความเสี่ยง
• รีวิวพารามิเตอร์ทุกสัปดาห์หลังปิดแท่งสัปดาห์
• แยกบอท “ทำเงินสดรายวัน” (Grid) ออกจาก “สะสมอนาคต” (DCA) ให้ชัด
สรุปสั้นๆ: ตลาดแกว่งในกรอบ—ใช้ Grid เพื่อเก็บค่าแกว่งอย่างมีวินัยและมีจุดยกเลิกชัดเจน ส่วนตลาดมีแนวโน้ม—ใช้ DCA เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยแบบต่อเนื่อง ถ้าไม่ชัวร์ ใช้ Hybrid เปิด Grid แคบกลางกรอบ แล้วให้ DCA รับช่วงเมื่อย่อ หลักสำคัญคือวินัยกับการจัดการความเสี่ยง
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง!
ถ้าอยากได้ “พรีเซ็ตบอทเฉพาะคู่ที่พีชเทรดจริง + โซนราคาปัจจุบัน + แผน Exit พร้อม KPI” คอมเมนต์คำว่า “BOT” หรือทักหา @peachcrypto ได้เลย เดี๋ยวจัดชุดพร้อมรันให้
บัญชีเทรดที่แนะนำ:
🔥 เปิดบัญชีเทรดคริปโต & ทองคำ พร้อมรับรีเบทสูงสุด!
🔹 Exness: เทรดคริปโต & ทองคำ 👉 สมัครเลย
🔹 Binance Global: เทรดคริปโตทั่วโลก 👉สมัครที่นี่
🔹 Binance TH: ซื้อขายคริปโต 👉 สมัครที่นี่
🔹 Bitkub: เทรดคริปโตไทย 👉 สมัครที่นี่
🔥 รีเบท Exness สูงสุดทุกการเทรด!
✅ Standard/Cent: $0.72/lot
✅ Pro/Zero/Raw Spread: $0.5625/lot
📌 วิธีเปิดบัญชี Exness ดูที่นี่ 👉 คลิกเพื่อรับชม
📢 เข้ากลุ่มไลน์ "ตามผมลงทุนคริปโต" รับสัญญาณเทรดก่อนใคร! 👉 เข้ากลุ่มที่นี่ @peachcrypto
📌 ติดตามเราเพื่ออัปเดตข่าวสารการลงทุน
📍 Facebook: ตามผมลงทุนคริปโต
📍 YouTube: ตามผมลงทุนคริปโต
📍 TikTok: @peachtamphomlongthun
ลิงก์เปิดบัญชี & ช่องทางเรียนรู้ (กดที่คำว่า “ตามผมลงทุนคริปโต” บนโปรไฟล์เพื่อดูลิงก์ทั้งหมด)
• LINE Official: @peachcrypto
• Facebook / YouTube / TikTok: “ตามผมลงทุนคริปโต”
เนื้อหานี้เพื่อการศึกษา ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลลัพธ์ขึ้นกับสภาวะตลาด ค่าธรรมเนียม และวินัยของผู้ใช้งาน โปรดบริหารความเสี่ยงและทดสอบให้เหมาะกับพอร์ตของคุณ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
