เมื่อวาน เวลา 06:45 • ปรัชญา
เรื่องราวในสมัยต้นพุทธกาล เราไม่รู้ว่า หมู่บ้าน นั่นมีสภาพ อย่างไร มันคงไม่เหมือน บ้านเมือวยุคสมันนี้ ที่มีถนนหนทาง ย้อนหลัง ไปประมาณแค่ร้อยปี ที่ว่า เป็นศาลากลาง ก็เป็นป่า ใครจะปลูกบ้าน เค้าก็ชวนก็กันไปข่วย ตัดไม้ มาปลูกบ้าน บ้านเมือง ก็เป็นตัวหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ได้มีเครื่องมือ เครื่องจักร ไปตัดต้นไม่ สมัยจอมพล ป มีการที่จะไปตั้งเิมืองหลวง แถวเพชรบูรณ์ ก็เกณฑ์คนไปต้ด ทำถนน ..ก็ไปเป็นไข้ป่า กลับมาตาย หญิงเป็นหม้ายกันหลายคน
เรื่องของพระพุทธเจ้า ..นั้นเป็นเรื่องราวของการ ยุติการเกิดเป็นชาติสุดท้าย ทิ้งความยึดถืออะไรต่างๆ ทิ้งพ่อ ทิ้งภรรยา ทรัพย์สมบัติ อาหารการกิน น้ำเลือดน้ำหนองของผู้มีกรรม จิตที่มาจุติ ก่อนจุติลงมา ท่านก็มาจากที่สูงๆ ท่านเลือกสถานที่เกิดได้
แล้วก็ยังมีเรื่องราวว่า สวรรค์ทุกห้องฟ้า ก็รู้ว่า จะมีผู้ที่สะสมบุญบารมี มาจุติตรัสรู้ เกิดเป็นชาติสุดท้าย ยุติการเกิด ก็ติดตามลงมาเกิด เหมือน ว่า พระอาทิตย์เกิดมา ส่องแสงสว่างให้แก่จิต ของผู้ที่สะสมบุญบารมีมาเป็นอเนกชาติ ก็จุติตามลงมา เพื่ออาศัยแสงพระอาทิตย์ ส่องทาง ให้เกิดปัญญาในธรรม ตัดขาดเรื่องราว ต่างที่เคยยึดถือ ไม่เอาใช้อีกเลย แม้แต่กายนี้ ก็ต้องทิ้ง
การไปนั่งกายนิ่ง จิตนิ่ง ในป่า ..เข้าป่าด้วยเสื้อขุดเดียว ไม่มีอะไรติดตัวมา มีแต่ธาตุุนะโม ขิงพ่อแม่ที่สงเคราะห์ ธาตุทั้งสี่ ที่สะสมบุญกุศลบารมี ก็ช่วยหนุนนำ นำพา ..เข้าป่า ไปชำระสะสาง ธาตุนะโม ธาตุทั้งสี่ง ส่งคืนให้หมด ไม่เอาใช้อีก . ก็ไปทำกายนิ่ง จิตนิ่ง พระอานนท์ ท่านเล่าให้ฟัง พระพุทธเจ้าท่าน นั่งกลางแจ้ง นั่งนิ่ง เป็นเหมือนเสา ท่านนั่งได้เป็นวันๆ ไม่ขยับเขยื้อนเลย วันหนึ่งพระพุทธเจ้า ก็สอนพระอานนท์ ให้ทำกายทำจิต อย่างพี่นะ พระอานนท์ ก็ไปฝึกหัด ท่านบอกว่า ฉันใช้เวลา กว่า สามวัน กว่าจะทำได้
พอท่านทำได้ พระพุทธเจ้า ก็ชวนนั่งกายนิ่ง จิตนิ่ง ..ก็ขึ้นไปชั้นดาวดึงส์ ไปสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ที่นั่น ..มีกายเป็นแก้ว จิตก็เป็นแก้ว แล้วเรื่องราวของการชำระสะสางธาตุทั้งสี่ นั่น เค้าไปทำกันในป่า .แม้พระกัสสปะ ก็ทิ้งทรัพย์สมบัติ ให้เป็นทาน สองมือ ประคองให้ผู้ที่อยากได้ เอาไปใช้
ท่านไม่ต้องการใข้อีกแล้ว สละทิ้งทั้งหมด ก็เข้าป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว อาศัยรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ร่างกายแก่เฒ่า เดินไม่ไหว ก็คลานจงกรม ไปตามพื้น ที่มีก้อนหิน ป่ายปีน ไป ..กายมันทุกข์ ท่านก็เพียรพยายามชนะทุกข์ คลานจงกรม ด้วยขันติเป็นบารมี จนจิตนั้น พ้นทุกข์ ชดใช้สิ่งที่เคยชิน ใช้ธาตุทั้งสี่ไปสร้างกรรม ปิดบัญชีกรรม ยุติการเกิด หมดภาระ กายเป็นธรรม จิตก็เป็นธรรม ตามรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การที่ต้องเข้าไปครั้งสุดท้าย เพื่อตัดขาด ความยึดถือต่างๆ เนื่องด้วยวิญญาณทั้งหก ที่นำเจ้ามา เมื่อไปอยู่ป่า วิญญาณทั้งหก ก็ไม่ไปสัมผัส ทรัพย์สินเงินทอง โต๊ะเก่้าอี้ ที่หลับที่นอน นอนจมหลงใหล ยึดอยู่ ..ยึดอยู่ก็ต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอีก
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะ ตัดขาดโลกเป็นชาติสุดท้าย ก็เดินเข้าป่า พระสาวกท่านก็เดินเข้า ที่เค้าว่าไปแล้วไม่กลับ ไม่กลับมาใช้วัตถุสิ่งของในโลกอีก กายก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นกายของพระอรหันต์ ไม่ต้องมาอาศัยอาหารกินน้ำเลือดน้ำหนองอะไรอีก ที่เข้าว่า กายเป็นแก้ว กายของผู้ที่ถึงธรรม ยุติการเกิด
พระที่เรานับถือ ท่านก็บอกว่า ฉันก็ต้องมาเกิดอีก ที่ฉันยืนสมาธิ ยืนนิ่ง กายนิ่ง จิตนิ่งได้ ทีละ 6 ชม.. ไม่กระดุกกระดิก ฉันไม่ได้ฝึกมาแค่ชาตินี้ ชาติเดียว ฉันฝึกมาหลายชาติ กว่าจะทำได้ ที่จริง ฉันยืนนิ่งๆได้เป็นวัน แต่เกรงใจหมู่คณะ ก่ิอนท่านละสังขาร ท่านก็มาบอกความลับให้ฟัง ว่า ฉันนั้นเป็นพระอเสขะ แต่ยังทำไม่ถึงพระอรหันต์ ต้องลงมาเกิดอีก เพราะยังชำระสะสางไม่หมด
ชาติต่อไป ฉันก็จะเจ้าป่า ไปชำระสะสางของฉัน ฉันเบื่อที่จะเกิดอีก มันมีแต่เรื่องของทุกข์ แล้วนี้ ท่านยังบอกว่า ให้เอาจิตรับทุกข์ให้มันถึงที่สุข ด้วยกายที่นิ่งจิตนิ่ง พอทุกข์ถึงสุด ก็จะรู้จักความสุข ไม่รู้จักทุกข์ แล้วจะรู้จักสุขนั้นได้อย่างไร
โฆษณา