ภาวะมีบุตรยาก แต่รักษาง่าย
โรคสูติ-นรีเวชวิทยาและภาวะมีบุตรยาก 27/6/2568 08:38 น. อ่าน 710 ครั้ง
ภาวะมีบุตรยาก หมายถึง การที่คู่รักพยายามตั้งครรภ์ตามธรรมชาติมาอย่างน้อย 1 ปีแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ไม่น้อย และไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์มีหลายด้าน โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องอายุ โดยเฉพาะของฝ่ายหญิง เพราะเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสตั้งครรภ์จะค่อย ๆ
ลดลง โดยเฉพาะหลังอายุ 40 ปี สาเหตุของภาวะมีบุตรยากสามารถมาจากทั้งสองฝ่าย หรือบางครั้งไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนเลยก็มี โดยประมาณ 30% มาจากร่างกาย
ฝ่ายหญิง เช่น การทำงานของไข่หรือท่อนำไข่มีปัญหา และประมาณ 30% มาจากฝ่ายชาย เช่น คุณภาพของเชื้ออสุจิลดลงจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งร่างกายและพฤติกรรม เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสูบบุหรี่ อีกประมาณ 40% เป็นกรณีที่ตรวจไม่พบสาเหตุแน่ชัด ซึ่งกลุ่มนี้อาจต้องใช้เวลาและวิธีการรักษาที่ละเอียดมากขึ้น
กรณีหากต้องการเข้ารับการรักษา คู่รักจะต้องมีทะเบียนสมรสตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์โดยการแพทย์เช่น การอุ้มบุญ
แนวทางการรักษาเริ่มจากการตรวจร่างกายทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายชายมีปริมาณเชื้อน้อย อาจเริ่มด้วยการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก โดยการกระตุ้นไข่ให้ตกอย่างเหมาะสม แล้วใส่น้ำเชื้อที่ผ่านการคัดเลือกในวันที่มีโอกาสปฏิสนธิสูง วิธีนี้สามารถทำได้หลายรอบ และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนักหากวิธีเบื้องต้นยังไม่สำเร็จ
ก็สามารถพิจารณาการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งเป็นการกระตุ้นร่างกายให้ไข่เจริญเติบโต แล้วเก็บไข่ออกมาผสมกับเชื้อนอกตัว จากนั้นจึงใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่เคยพยายามหลายครั้งแล้วไม่สำเร็จ
ในการทำเด็กหลอดแก้ว อาจเก็บไข่ได้เฉลี่ยประมาณ 12-15 ฟอง ซึ่งต้องอาศัยขั้นตอนที่ปลอดภัยและแม่นยำ เช่น การใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยระบุตำแหน่งไข่ การดูดไข่ และการเลี้ยงตัวอ่อนในห้องทดลอง ตัวอ่อนที่แข็งแรงและไม่ได้นำมาใช้ทันที จะถูกแช่แข็งเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำมาก เพื่อสามารถนำมาใช้ในภายหลังได้
ค่าใช้จ่ายของการทำเด็กหลอดแก้วต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 80,000–100,000 บาท ซึ่งรวมถึงยาต่าง ๆ และขั้นตอนทางการแพทย์หลายอย่าง โดยในบางกรณีอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการจากการกระตุ้นไข่มากเกินไป หรือความเสี่ยงเล็กน้อยจากการเจาะเก็บไข่ ซึ่งทีมแพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากวิธีการรักษาหลักแล้ว ปัจจุบันยังมีงานวิจัยใหม่ ๆ ที่มุ่งพัฒนาโอกาสในการตั้งครรภ์ เช่น การวิเคราะห์สารต่าง ๆ ภายในโพรงมดลูก เพื่อประเมินว่าร่างกายพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อนมากน้อยเพียงใด รวมถึงการทดลองใช้สเต็มเซลล์เพื่อสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกในผู้ที่มีปัญหาเฉพาะด้านนี้แม้การรักษาจะต้องอาศัยเวลา ความอดทน และการดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก และยังมีแนวทางใหม่ๆ ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเปิดใจคุยกันระหว่างคู่รัก และไม่ลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการเริ่มต้นตรวจและวางแผนที่ถูกต้อง จะช่วยให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
