17 ก.ย. เวลา 11:54 • การศึกษา

มิสเอ็ดนา ซารา โคล์ : ผู้ก่อตั้งโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย(โรงเรีนนกุลสตรีวังหลัง เดิม)

-------------
มิสเอ็ดนา ซารา โคล์ (Edna Sarah Cole) เกิดที่เมืองเซนต์โยเซฟ มลรัฐมิสซูรี่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ 2398 มาประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2421 ขณะมีอายุได้ 23 ปี หลังจาก โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตั้งขึ้นแล้วถึง 4 ปี ซ้ำงานของท่านก็มิได้อยู่ที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลังด้วย ที่ที่ท่านต้องไปทำงานอยู่คือที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่ระหว่างพักอยู่ที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง รอคอยเรือที่จะขึ้นไปเชียงใหม่นั้น มิสโคล์ ได้ไปช่วยสอนอยู่ชั่วระยะหนึ่งที่โรงเรียนคิงส์คอลเลจ ตำบลสวนอนันต์( เข้าใจว่าคือโรงเรียนชายสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งตั้งขึ้นที่พระราชวังนันทอุทยาน)
พ.ศ 2422 มิสโคล์เดินทางขึ้นไปถึงเชียงใหม่ ลงมือดำเนินงานในโรงเรียนสตรี ซึ่งขณะนั้น มิสซิสแมกกิลวารี เป็นผู้ดำเนินงานอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาโรงเรียนนี้ได้ชื่อว่าโรงเรียนพระราชชายา หรือ "โรงเรียนดาราวิทยาลัย"
ระหว่างที่มิสโคล์อยู่เชียงใหม่ 4 ปีนั้นโรงเรียนกุลสตรีวังหลังมีสตรีมิชชันนารีมาดำเนินงานถึง 8 คน แต่เพราะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแก่คนเหล่านี้บ่อยๆ โดยแต่งงานไปบ้าง กลับบ้านเกิดเมืองนอน เพราะทนอากาศไม่ได้บ้าง การงานของโรงเรียนจึงดำเนินไปอย่างกะปลกกะเปลี้ย จนจะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้ว ก็ได้มิสโคล์ ซึ่งย้ายมาจากเชียงใหม่มาช่วยชุบชีวิตขึ้น
อาคารโรงเรียนกุลสตรีวังหลังขณะนั้นทรุดโทรมเต็มที เครื่องมือเครื่องใช้ขาดแคลน รายได้ของโรงเรียนก็เพียงเดือนละ 9 บาท ด้วยความเด็ดขาดของมิสโคล์ จึงเปลี่ยนวิธีดำเนินงานของโรงเรียนเสียใหม่ โดยยกเลิกการให้นักเรียนเรียนและอยู่โดยไม่ต้องเสียเงิน มาเป็นเสียเงินเดือนละ 5 บาท รวมทั้งค่าเรียนและค่าอาหารเบ็ดเสร็จ ทั้งนี้ทำให้ผู้ปกครองโกรธเคืองมาก ถึงกับเอาบุตรหลานออกเสียหลายคน คงมีนักเรียนเหลืออยู่เพียง 16 คนเท่านั้น
แต่มิสโคล์ก็มิได้ย่อท้อ ยังคงยึดนโยบายนั้นมั่นคงอยู่ ในที่สุดโรงเรียนก็มีนักเรียนเพิ่มขึ้น จนกระทั่งมิสโคล์ขอร้องให้คณะมิชชันนารียกตึก 2 ชั้น กับบริเวณทั้งหมดให้เป็นโรงเรียน และให้มิชชันนารีทั้งหลายที่มีที่พักอยู่บริเวณนั้นออกไปเสียด้วย โรงเรียนจึงมีบริเวณเป็นของตัวเอง
มิสโคล์เปรียบประดุจแสงสว่างที่ฉายเข้าไปทุกซอกทุกมุมของโรงเรียน การงานทุกอย่างที่มอบให้ใครไปทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานทำด้วยมือ หรืองานสอน ท่านเป็นต้องติดตามดูผลอย่างใกล้ชิดทีเดียว และมิใช่แต่จะเฝ้าดูเท่านั้น ยังลงมือทำเองเสียด้วย กฎของโรงเรียนมีอยู่ว่า นักเรียนทุกคนจะต้องปฏิบัติงานกวาด ล้างจาน ซักฟอก ฯลฯ ด้วยตนเอง
โรงเรียนกุลสตรีวังหลังมีนักเรียนเพิ่มขึ้นจนไม่มีที่จะรับ แม้จะได้เช่าโรงบ่อน ตำบลบ้านขมิ้น เอามาดัดแปลงเป็นที่เรียน โดยใช้ชื่อว่า "โรงเรียนอุทิศสถาน" ก็ยังไม่พอกับจำนวนนักเรียน มิสโคล์วิ่งแสวงหาที่ขยับขยายโดยซื้อที่นาแปลงหนึ่งประมาณ 25 ไร่ จากพระอาจพิทยาคม ติดคลองแสนแสบ ห่างจากพระนครไปทางทิศตะวันออกราว 280 เส้น ไม่มีการคมนาคมทางอื่น นอกจากทางน้ำ
ด้วยประการฉะนี้ มิสโคล์จึงทำหนังสือขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานถนน ซึ่งพระองค์ท่านทรงรับว่าจะพระราชทานให้ พร้อมกับมีพระราชกระแสรับสั่งถามมาอีกว่า ต้องการให้ถนนอยู่ใกล้โรงเรียนเท่าใด ดังนั้นถนนสุขุมวิทตั้งแต่ทางรถไฟมาจนถึงถนนวัฒนาเข้าโรงเรียน ควรจะถือได้ว่าเป็นผลงานของมิสโคล์ อีกอย่างหนึ่งถนนวัฒนาควรจะได้ชื่อว่าถนนแหม่มโคล์ เพราะทุกคนเห็นพ้องกันดังนี้ แต่เจ้าของชื่อก็ไม่ยอมรับ แม้จะชราลงสักปานใดก็ตาม
มิสโคล์เฝ้าดูดินทีละก้อน อิฐทีละแผ่น เสาทีละต้น เพิ่มขึ้นมาบนที่ดินจนเป็นตึกเรียน ตึกอำนวยการได้ 2 หลัง ครั้นแล้วท่านก็กำกับการขนย้ายสรรพพัสดุออกจากโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง อันเป็นที่พำนักนักเรียนมาถึง 45 ปี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไปสู่ "#โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย" จนสำเร็จภายใน 2 สัปดาห์
มิสโคล์มาประเทศไทยตั้งแต่อายุ 23 ปีไม่เคยเก็บเงินเดือนไว้ใช้ส่วนตัวเลย จนกระทั่งอายุ 40 ปี ท่านต้องขายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีแม้แต่แมวที่เลี้ยงไว้ เพื่อเก็บเงินสร้างโรงเรียนทั้งต้องเรี่ยไรขายขนมน้ำชา ได้เงินจากเจ้านายข้าราชการและพ่อค้า
นอกจากนี้ มิสโคล์ยังได้ไปเรี่ยไรเงินสร้างโรงเรียนขณะที่ไปสหรัฐอเมริกาอีก จึงเป็นโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยขึ้นมาได้
มิสโคล์เคยบอกว่า ถ้าจะเป็นครูที่ดีต้องขยัน งานครูไม่ใช่งานที่เกี่ยงกันทำ ต้องตื่นนอนเวลา 5 นาฬิกาทุกวัน ดูแลนักเรียนประจำเอง จนกระทั่งครูไทยพร้อมที่จะดูเวรเองได้แล้ว ท่านก็ยังต้องช่วยคอยดูแลด้วย ท่านถือว่าการงานจะให้ครูน้อยทำทั้งหมดไม่ได้ ครูใหญ่จำเป็นต้องช่วยอยู่เสมอ ท่านต้องดูแลทั้งแผนกประจำ และดูแลการสอนด้วย แปลว่าท่านเป็นทั้งครูใหญ่ ผู้จัดการ ไปในตัวเสร็จ
มิสโคล์ตกลงใจลาเมืองไทยกลับอเมริกาในพ.ศ 2466 เพราะได้ทราบข่าวพี่สาวคนโตถึงแก่กรรม ก็เศร้าโศกมาก ประจวบกับที่ท่านได้ก่อสร้างโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง จนย้ายมาเป็นโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยสำเร็จแล้ว พอที่จะให้คนอื่นทำงานนั้นสืบต่อไปได้ ท่านจึงลาออกเมื่ออายุ 68 ปี นับเวลาที่ท่านอยู่ในเมืองไทยมาได้ 48 ปี
มิสโคล์กลับไปอยู่บ้านที่มลรัฐมิสซูรี่สืบต่อมา จนถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ 2493 อายุได้ 95 ปี
เมื่อพูดถึงมิสโคล์ ผู้เฒ่าผู้แก่และผู้ที่ได้รับการสั่งสอนอบรมจากท่านจะเรียกท่านว่า "#แหม่มโคล์ ผู้ปิดทองหลังพระ" ข้อพิสูจน์คำกล่าวขวัญนี้คือ ที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยไม่มีแผ่นโลหะจารึกชื่อมิสโคล์ไว้เลยสักแห่งเดียว มีแต่ของ มิสซิส แฮเรียด เอ็ม. เฮ้าส์
1
โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ปัจจุบันนี้คือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มีกำเนิดมาตั้งแต่พ.ศ 2417 มิสซิส แฮเรียด เอ็ม. เฮ้าส์ ภรรยาของหมอเฮาส์ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในบรรดามิชชันนารีทั้งหลาย ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น
โดยได้ทุนจากสหรัฐอเมริกา 3,000 เหรียญ อเมริกายังกำหนดชื่อโรงเรียนนี้ให้ด้วยว่า "Hariret M. House School for Giirls" แต่ในเมืองไทยรู้จักกันแต่ในนามว่า "โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง" โดยเรียกตามสถานที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ คือตำบลซึ่งเคยเป็นที่ตั้งพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือพระราชวังหลัง
ต่อมาคำว่าโรงเรียนกุลสตรีวังหลังก็เป็นแค่ชื่อตามระเบียบราชการเท่านั้น ที่เรียกติดปากคนทั้งหลาย ในประเทศไทยก็คือ "#โรงเรียนแหม่มโคล์" ทั้งๆที่ มิสโคล์ มิได้เป็นผู้ริเริ่มขึ้น ท่านเป็นแต่ตัวจักรกลชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่จีกรกลชิ้นนี้จะต้องเป็นชิ้นสำคัญที่สุดทีเดียว คนทั้งหลายจึงทุ่มเทเกียรติยศไปให้แก่ท่านคนเดียว
ธเนศ ขำเกิด..เขียน
สรุปจากหนังสือประวัติครู คุรุสภาจัดพิมพ์ในวันครู 16 มกราคม 2502 (ติดตามรายละเอียดประวัติมิสโคล์จากหนังสือนี้ ความยาว 15 หน้า ศรีสอาด บุนนาค ศิษย์แหม่มโคล์ เป็นผู้เรียบเรียง)
โฆษณา