เมื่อวาน เวลา 09:05 • ไลฟ์สไตล์
กายนี้เป็นทุกข์ หรือ เป็นสุข
ความสุขที่แท้จริงนั้น เป็นเรื่องราวที่จิต นั้น เหมือนยากจะเข้าถึง ที่เค้า ว่า สุขของกายที่เป็นบุญ คือ กายเทพยดาอินทร์พรหม ที่มีแต่สุข ไม่มีอารมณ์ ปรุงแต่งด้วยโลภโกรธหลง อาศัยอยู่ด้วยกำลังบุญกุศล ที่สะสมมากับธาตุทั้งสี่ ไปประกอบขึ้นมา เป็นกายเทพยดาอินทร์พรหมหล่อเเลี้ยงด้วย บุญกุศล ไม่ต้องมีกายที่ต้องคอยหาอาหาร เบียดเบียนเอาน้ำเลือดน้ำหนองผู้อื่นมาเลี้ยงสังขาร
แต่เมื่อกายบุญนั้น หมดบุญกุศล เหมือนก้อนน้ำแข็งที่ละลายไป ก็ต้องมาเกิดใหม่ เริ่มต้นใหม่ สร้างบุญกุศลบารมี เพื่อกลับไปที่เก่า หากทำไม่ได้ ก็ตกต่ำกว่าเก่า ไปสู่คำว่าอบายภูมิได้เหมือนกัน
นั้นก็เป็นเรื่องราวที่เค้าศึกษา สร้างบุญกุศลบารมี เพื่อยุติการเกิด กายก็ไม่มีกรรม ไม่มีภาระที่จะต้องเกิด ที่ไปสู่คำว่า การเป็นแก้เจียรไน จิตก็เป็นแก้สบริสุทธิ์ พ้นทุกข์ ยุติการเกิด จิตก็เป็นสุข .กายก็ไม่มีภาระอีกแล้ว ไม่ต้องหาอาหารมีเลี้ยงกาย เป็นเรื่องของกายที่บรรลุไปถึงคำวว่าพระอรหันต์ บรรลุธรรม ตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คราวนี้ ชีวิตของเรานั้น เราหาความสุขให้แก่กาย กินอาหารนั่นนี้ เอร็ดอร่อย บำรุงกาย ให้กายนั้น มีบ้านมีช่อง มีที่นอนดีๆ มีปัจจัยบำเรอกาย ยึดว่าเป็นสุข เราใช้กายนี้ ไปเที่ยว ไปดื่มสุรายาเมา หลงไปกินเมามาย ก็ยึดว่าเป็นสุข มองไม่เห็นว่า มันจะทุกข์ตรงไหน นั้นก็คือ ทุกข์ที่ปกปิดจิตให้ไม่รู้จักทุกข์ได้เลย ก็ใช้กายไปตามอารมณ์อยาก อยากกิน อยากเที่ยว นานไปกายมีก็เสื่อมสภาพไป กายนั้นสะสมแต่ในสิ่งที่เรียกว่า กรรม เป็นกายกรรม ไม่เกิดเป็นกายบุญขึ้นมาได้เลย
แต่เมื่อเรานำกายนี้ มาทำสร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรมทำให้ถูกวิธี กายกรรม ก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นกายบุญเกิดขึ้น ร่างกายก็แข็งแรง เจ็บปวด เจ็บป๋วย มีเป็นปกติ แต่จิตก็ไม่ทุกข์ทรมานไปตามกาย กายเป็นสุข จิตอาศัยอยู่ในกายที่เป็นบุญ จิตก็มีความสุขอยู่ในกายที่เป็นบุญ แล้วยังเป็นกาย ที่สร้างขั้นมาเอง ที่จะหนุนนำให้จิตไปอาศัยต่อ เมื่อหมดกายที่จิตอาศัยในปัจจุบัน
เรื่องวัฎฏะของจิต จิตวนเวียนในวัฏฏะ เกิดเป็นมนุษย์ตกนรก ขึ้นจาดนรกไปเป็นเปรตอสุรกาย จากอสุรกาย ก็ไปเป็นสัตว์ . อีกด้านหนึ่ง จิตออกกายมนุษย์ ไปได้กายเป็นเทพยดาอินทร์พรหม แต่ก็ต้องมาเกิดอีก คราวนี้ จิตมาอาศัยกายมนุษย์ ออกจากกายมนุษย์ ไปโน้น เข้าแดนพระนิพพานได้ ก็อาศัยกายมนุษย์ สร้างขึ้นมาเอง ในคำว่าบุญกุศลบารมี
โฆษณา