Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Thai PBS - ไทยพีบีเอส
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
21 ก.ย. เวลา 03:30 • ไลฟ์สไตล์
‘น้ำหอมไทย’ กับอนาคตอันแสนหอมหวาน ? | The (Promising) Future of Thai Perfumes
เมื่อพูดถึงซอฟต์พาวเวอร์ไทย หลายคนคงนึกถึงอาหารหรือสื่อบันเทิงก่อนใครเพื่อน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ‘น้ำหอมไทย’ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ
When we talk about Thai soft power, many of us may first think of food or entertainment. However, Thai perfumes have also gained significant attention from both domestic and international customers.
📌 อ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่ | Read the article in English at:
www.thaipbs.or.th/now/content/3174
thaipbs.or.th
‘น้ำหอมไทย’ กับอนาคตอันแสนหอมหวาน ? | The (Promising) Future of Thai Perfumes | Thai PBS NOW
มองอนาคตวงการน้ำหอมไทย ในฐานะซอฟต์พาวเวอร์อีกอย่างหนึ่งที่เติบโตขึ้นนับตั้งแต่ช่วงหลังโควิด ในบทความ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ จาก Thai PBS
หากบอกว่า น้ำหอมเป็น ‘งานศิลปะใส่ขวดที่เราใช้ได้’ ก็คงจะไม่ผิดนัก การทำน้ำหอมถือเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน หากจิตรกรสักคนจะลอกเลียนแบบภาพวาดสักชิ้นให้เหมือนต้นฉบับก็คงจะเป็นไปแทบไม่ได้ กลิ่นของน้ำหอมเองก็เช่นกัน ที่สำคัญคือ น้ำหอมไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่ผู้คนต้อง ‘ใส่’ เพื่อความมั่นใจและความสวยหล่อของตัวเอง ภาษาอังกฤษจึงมีคำว่า ‘wear perfume (ใส่น้ำหอม)’ ต่างจากภาษาไทยที่มักใช้คำว่า ‘ฉีด’
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา น้ำหอมไทยกลายเป็นที่สนใจมากขึ้นโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ หากมองในแง่เศรษฐกิจ วงการน้ำหอมไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามตลาดโลก ข้อมูลจาก Euromonitor และกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าตลาดน้ำหอมในไทยประจำปี 2567 อยู่ที่ 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจเพิ่มขึ้นจนถึง 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2571 ขณะที่มูลค่าของอุตสาหกรรมน้ำหอมโลกนั้นก็อาจแตะหลัก 79,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2571 เช่นกัน
อย่างไรก็ดี คนไทยหลายคนยังอาจรู้สึกว่า ‘น้ำหอม’ ดูเป็นสิ่งไกลตัว ราคาแพง หรือเข้าถึงยาก อีกทั้งในปี 2568 ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้กลายเป็นความท้าทายใหญ่ต่อผู้ประกอบการน้ำหอมไทยทั้งหน้าเก่าและใหม่ คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า อนาคตของวงการน้ำหอมไทยยังคง ‘หอมหวาน’ ตามที่คาดการณ์อยู่หรือไม่ในภาวการณ์เช่นนี้ ?
น้ำหอมไทย กับการดัดแปลงลูกผสมระหว่างภูมิปัญญา-วิทยาศาสตร์
น้ำหอมอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนนำดอกไม้มาลอยกับน้ำเพื่อใช้ประพรมร่างกายให้หอมและคลายร้อน ข้ามมาสมัยรัชกาลที่ 5 น้ำลอยดอกไม้ก็ได้รับการพัฒนาให้มีกลิ่นหอมติดทนนานมากขึ้นผ่านการอบร่ำจนได้เป็น ‘น้ำอบ’ หากอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงหรือชาววังก็จะฝึกสกัดใบ้ไม้ดอกไม้จนเป็นเครื่องหอมที่เรียกว่า ‘น้ำปรุง’ พอกระแสโลกาวิวัฒน์มาเยือน สินค้าจากตะวันตกหลั่งไหลเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ในบางกอก คนไทยจึงได้เห็น ‘น้ำหอมสไตล์ฝรั่ง’ ในท้องตลาดกันจนถึงปัจจุบัน
ภาพจำที่ว่า น้ำหอมเป็น ‘สินค้าหรู’ นั้น อาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์แฟชั่นลักชัวรีต่างประเทศ หากใครซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ก็เป็นไปได้สูงที่จะต้องซื้อ ‘น้ำหอมดีไซน์เนอร์ (designer perfumes)’ ของแบรนด์นั้นติดไปด้วยเพื่อเติมเต็มรูปลักษณ์ของตัวเอง (และของแบรนด์) ให้สมบูรณ์ ยิ่งเมซงต่าง ๆ ใช้ดาราดังระดับภูมิภาคหรือระดับโลกเป็นพรีเซนเตอร์ ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของน้ำหอมเหล่านี้ ‘ดูแพง’ แต่น่าซื้อหามากยิ่งขึ้น
แล้วน้ำหอมไทยจะมีจุดขายอะไรที่พอสู้ได้ ? คำตอบหนึ่งคือการนำ ‘ภูมิปัญญาไทย’ และ ‘สมุนไพร’ มาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ “เรามีเครื่องหอมอย่างเช่นน้ำอบและน้ำปรุงไทยสมัยโบราณ ซึ่งดีมาก แต่เราลืมตรงนี้ไปหรือลืมใช้น้ำอบน้ำปรุง จริง ๆ เป็นเทคนิคการทำน้ำหอมที่ดีกว่าเมืองนอกอีก ผมเลยฝันว่า วัฒนธรรมที่มีอยู่ในบ้านเรา อาจจะจับลงขวด แล้วไปขายที่เมืองนอกได้” สุชิน แก้วอุดร นักปรุงน้ำหอมไทยเจ้าของแบรนด์ Butterfly Thai Perfume กล่าวในรายการวันใหม่ ไทยพีบีเอส เมื่อปี 2559
youtube.com
ลงทุนทำกิน : ”น้ำหอม” สะท้อนความเป็นไทย (22 ก.ย. 59)
ลงทุนทำกินวันนี้ฟังแนวคิดของผู้ประกอบการนำ ”กลิ่น”ของความเป็นไทยๆ ไปสกัดออกมาเป็นน้ำหอมฉีดพรมบนร่างกาย และก็ตั้งชื่อที่สะท้อนถึงความเป็นไทยจริงๆอย่างกลิ่นโคล…
นักปรุงน้ำหอมสามารถ ‘ดัดแปลง’ องค์ความรู้และวัตถุดิบแบบไทย ๆ ให้เกี่ยวโยงกับซอฟต์พาวเวอร์ไทยด้านอื่น ๆ เช่น อาหาร ศิลปะการต่อสู้ หรือแม้แต่จินตนาการกลิ่นตัวละครจากซีรีส์วายก็ได้ สุชินยกตัวอย่างการผลิตน้ำหอมกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วงของเขาไว้คร่าว ๆ ว่า “เราจะใช้มะพร้าวแก่ ๆ มาคั่วไฟ แล้วก็ดึงกลิ่นกะทิในมะพร้าวแก่มาดูดซับอีกทีโดยวิธีการทำน้ำอบน้ำปรุงสมัยโบราณ ก็จะเป็นกลิ่นกะทิบวกกับข้าวเหนียวมูนครับ ส่วนมะม่วงก็เจือจางโดยใช้องค์ประกอบทางเคมี ดึงกลิ่นของมะม่วงมหาชนกมาทำเป็นน้ำหอม”
นอกจากนี้ การนำเสนอภูมิปัญญา ‘แบบดั้งเดิม’ ก็อาจเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยดันทั้งวงการน้ำหอมไทยและอุตสาหกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี (wellness) อีกด้วย “การทำน้ำอบมันมีคุณค่าทางด้านจิตใจนะคะ [เพราะ] การทำของอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งใช้ความปรานีต มันทำให้จิตใจอ่อนโยน” ผู้สอนเครื่องหอมไทยในจ.พิษณุโลก กล่าวในรายการลุยไม่รู้โรย เมื่อปี 2564
ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหอมหรือคิดว่าน้ำอบเป็นของโบราณล้าหลัง แต่ว่าชีวิตหนึ่ง เราต้องการความสบาย ๆ ยึดกับธรรมชาติ สมุนไพรที่ใช้ดีกับตัวเราอย่างไร... มันเป็นความสบายใจและกาย [จาก] กลิ่นที่เราได้มา… เรา [จึง] อยากจะให้ใช้น้ำอบในชีวิตประจำวันมากขึ้น
อรอนงค์ เจนพาณิชย์
thaipbs.or.th
ลุยไม่รู้โรย Super Active - ปลุกตำนานน้ำอบไทย | Thai PBS รายการไทยพีบีเอส
พบกับ ”ป้าตุ๊ก” ผู้ที่ทำให้วิชาเครื่องหอมไทย กลับมาหอมฟุ้งอีกครั้ง ด้วยการอนุรักษ์และสืบสาน สอนให้แบบฟรี ๆ
ทั้งนี้ แม้จะชูวัตถุดิบจากธรรมชาติ แต่น้ำหอมไทยทุกกลิ่นทุกขวดก็ต้องได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 9235 ซึ่งรับรองคุณภาพสำหรับวัตถุดิบของสารสกัดจากธรรมชาติที่มีกลิ่นหอม ข้อกำหนดของสมาคมน้ำหอมนานาชาติ (IFRA) รวมถึงเกณฑ์ความปลอดภัยของประเทศเป้าหมาย
“[ต่างประเทศ] เขาจะมีการอัปเดตตลอด และมีหน่วยงานมานั่งทดสอบว่า [สารอะไร] ไปก่อให้เกิดการแพ้ของกลุ่มผู้บริโภคบางกลุ่ม เพราะฉะนั้น สารหอมในไทยหลายอย่างที่เราไม่เคยใช้หรือ เป็นพืชท้องถิ่น ก็อาจจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ เพราะว่ายังไม่ได้มีการจดทะเบียนหรือการวิจัยที่มันชัดเจน ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนค่ะ” มีมี่-ศรุตา จรูญเมธี คอนเทนต์ครีเอเตอร์อิสระด้านน้ำหอมในนาม @jamiefragrance_ ให้ความเห็นกับ Thai PBS
น้ำหอมไทย กับการเชื่อมโยงสยามเมืองยิ้มสู่โลก
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำหอมไทยเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ คือ ‘กระแสปากต่อปาก’ ในหมู่คนรักน้ำหอม “จริง ๆ ตอนแรก ไม่คิดว่าจะขายได้ครับ แต่ว่าทำน้ำหอมแจกเพื่อนวันเกิด ผ่านไปสัก 2 เดือน ปรากฏว่าเพื่อนสั่งจากสิบ เป็นร้อย เป็นพันขวดต่อเดือน เราก็… ‘เอ๊ะ ขายได้เงินด้วยเหรอ ?’ เราก็เลยลองมายืนแจกเทสเตอร์ที่สวนจตุจักร ถือถาดอยู่ใบหนึ่ง ไม่มีที่ด้วยครับเมื่อก่อน ไม่คิดว่าจะขายได้ครับ ใครมาคุยก็ให้เขาดมไป [และดู] คำติชมกลับมา” สุชินเล่าถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ตัวเองไว้เมื่อ 9 ปีก่อน
แม้ความสนใจของศรุตาจะเริ่มจากการเดินสำรวจน้ำหอมดีไซเนอร์แบรนด์ต่างประเทศ แต่เธอมา “ตก” กับวงการน้ำหอมไทยอย่างจริงจังเพราะเพื่อนชวน “ก็มีเพื่อนในมหา’ลัยที่รู้ว่าเราชอบน้ำหอม แล้วเขาก็ชอบน้ำหอมมานานมาก เขาก็เลยชวนพาไปร้านน้ำหอมไทย จนได้ลองดมน้ำหอมที่ปรุงโดยคนไทย เราก็รู้สึกว่า ‘โอ้มายก๊อด นี่มันอะไรเนี่ย!’ มันเหมือนเราหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง” ศรุตาอธิบาย
พอเป็นน้ำหอมไทย มันมี ‘มิติ’ บางอย่างที่เราไม่นึกถึง เวลาเราดม แวบแรกเราจะได้กลิ่นหนึ่ง พอแวบที่ 2 เราจะได้อีกกลิ่นหนึ่ง แล้วแวบที่ 3 ก็จะได้กลิ่น มันเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่อยู่กับผิวเรา
ศรุตา จรูญเมธี
กระแสปากต่อปากในหมู่ผู้บริโภคได้พัฒนามาเป็น ‘ชุมชนคนรักน้ำหอมไทย’ และโซเชียลมีเดียก็ช่วยให้ชุมชนที่ว่านี้ขยายใหญ่ยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าคนต่างชาติจะซื้อน้ำหอมไทยไปฝากคนรักเพียงแค่นั้น แต่หลายคนกลับมาเมืองไทยเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนกับคนรักน้ำหอมนานาชาติ อย่างศรุตาเองก็จัดงานรวมตัวคนรักน้ำหอมงานเล็ก ๆ เป็นครั้งแรกไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา แต่ชาวอเมริกัน ชาวออสเตรเลีย และชาวมาเลย์บางคนบินมาไทยเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
งานพบปะคนรักน้ำหอมครั้งแรกที่ศรุตาและเพื่อนร่วมกันจัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 (ภาพจาก: ศรุตา จรูญเมธี)
“ก็ดีใจที่โพสต์ [ประชาสัมพันธ์งาน] ของมี่ไปถึงต่างประเทศ มันทำให้เราเห็นว่า มีคนที่เขาหลงใหลกับสิ่งนี้จริง ๆ แล้วก็เราก็ได้เชิญแขกซึ่งเป็นนักปรุงคนไทยมาให้ข้อมูลเชิงลึกบางเกี่ยวกับวงการน้ำหอมไทยด้วย ก็ทำให้ [ชาวต่างชาติ] เขาเข้าใจมากขึ้น” ศรุตาเสริม “นอกจากการพูดคุยแล้ว ก็ให้ผู้ที่มาเข้าร่วมทดลองดมสารหอมที่มาจากประเทศไทยแท้ ๆ ค่ะ ก็เหมือนเป็นการแบ่งปันวัฒนธรรมกับความชอบ เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กันและกันด้วย”
งานพบปะคนรักน้ำหอมครั้งแรกที่ศรุตาและเพื่อนร่วมกันจัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 (ภาพจาก: ศรุตา จรูญเมธี)
ส่วนองค์กรภาครัฐก็พยายามผลักดันวงการน้ำหอมไทยมากขึ้น เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2568 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่และองค์กรด้านน้ำหอมของเอกชน ได้ร่วมมือกันจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับน้ำหอมในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งจากไทย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และไต้หวัน และจะมีการคัดเลือกผลงานน้ำหอมเพื่อจัดแสดงในงาน Chiang Mai Design Week 2025 ช่วงปลายปี
นอกจากจะเปิดพื้นที่ให้นักปรุงน้ำหอมได้แสดงฝีมือแล้ว ก็ยังช่วยส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรประจำท้องถิ่น – อย่างกาแฟอะราบิกาและตะไคร้ต้น – ให้เกิดมูลค่ามากยิ่งขึ้น
“[ภาครัฐ] เขาตื่นตัวมากขึ้น แล้วก็สร้างความตระหนักรู้ให้คนในชุมชนด้วย” ศรุตาให้ความเห็น “แต่ว่าเราสามารถทำอย่างอื่นได้มากกว่านี้ เช่น [การจัดการปัญหาเกี่ยวกับ] สรรพสามิตและการนำเข้าส่งออก [ที่ทำให้เกิด] ค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่มเติม [หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง] หน่วยงานรัฐหรือรัฐบาลสามารถจัดทำความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับวงการน้ำหอม พร้อมสร้างกฎหมายเพื่อส่งเสริมกันและกันค่ะ อันนี้ มี่รู้สึกว่าก็จะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะทำให้น้ำหอมไทยไปได้ไกลมาก ๆ”
งาน ‘The Sense of the Local : Collective Scents’ ที่จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2568 (ภาพจาก: Facebook TCDC Chiang Mai)
แม้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องชะงักตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่วงการน้ำหอมไทยยังคงโดดเด่นและมีศักยภาพแข่งขัน “ถ้าเทียบในอาเซียนนะคะ ประเทศไทยก็น่าจับตามองในเรื่องของการทำน้ำหอม เพราะว่าถือว่าก้าวหน้าไปมากแล้ว แล้วก็ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดด้วยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา” ศรุตาให้ความเห็น “[และ] ต่างประเทศมองไทยเป็นแหล่งผลิตน้ำหอมที่มีความดั้งเดิม กล้านำเสนอวัฒนธรรมของตัวเองออกมาและใส่ความโมเดิร์นเข้าไป กล้าที่จะสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา”
งาน ‘The Sense of the Local : Collective Scents’ ที่จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2568 (ภาพจาก: Facebook TCDC Chiang Mai)
นอกจากการสืบสานต่อยอดความเป็นไทยแล้ว นักปรุงน้ำหอมไทยมีแนวโน้มที่จะนำเสนอ ‘ตัวตน’ ของตัวเองมากขึ้น “เขากล้าที่จะก้าวผ่านความต้องการของผู้บริโภคหรือข้อเรียกร้องบางอย่างในตลาดใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ใส่ใจนะคะ แต่ผลงานที่เขาสร้างจะมาจากความเป็นตัวของตัวเอง ความจริงใจ และประสบการณ์ชีวิตของนักปรุงเอง” ศรุตาให้ความเห็น
น้ำหอมขวดหนึ่งจะ ‘ขายได้’ เมื่อกลิ่นของน้ำหอมขวดนั้นสะท้อนถึงรสนิยมที่ตรงกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ แต่น้ำหอมไทยไม่ได้เป็นแค่นั้น เพราะยังแฝงภูมิปัญญา อัตลักษณ์ และธรรมชาติของประเทศไว้ในขวดแก้ว 1 ขวด อีกทั้งยังทำให้ผู้คนหลากหลายได้มาพบพานเจอกัน หากได้รับการสนับสนุนต่อยอดจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง อนาคตของวงการน้ำหอมไทยก็จะยังคงหอมหวานอย่างที่หลายคนอยากให้เป็น
ติดตามบทความและเรื่องราวทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW:
www.thaipbs.or.th/now
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย