22 ก.ย. เวลา 00:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🦊 ไม่ใช่แค่นก นักวิทย์พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 14 ชนิดมี "ขนสีรุ้ง" ที่อาจเปลี่ยนมุมมองวิวัฒนาการ

เวลาคุณนึกถึงขนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คุณนึกถึงสีอะไรครับ? ส่วนใหญ่ก็คงเป็นสีน้ำตาล เทา ดำ หรือขาวใช่ไหมครับ... แล้วถ้าผมบอกว่า มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่าสิบชนิด ที่มีขนระยิบระยับเป็นประกายสีม่วงและเขียว ราวกับโอปอลล้ำค่า คุณจะเชื่อไหม?
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า การเหลือบแสง (Iridescence) ครับ คือการที่สีของวัตถุเปลี่ยนไปตามมุมที่เรามอง เหมือนที่เราเห็นบนปีกแมลงทับ หลังแผ่นซีดี หรือฟองสบู่ และล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่าคุณสมบัตินี้ พบได้ทั่วไปในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม... มากกว่าที่เราเคยรู้กันมาทั้งชีวิต
✨ เรื่องราวเริ่มต้นจาก “ประกายแสง” ที่ไม่มีใครสังเกต
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ เจสสิกา ลีห์ ด็อบสัน (Jessica Leigh Dobson) จากมหาวิทยาลัยเกนต์ ประเทศเบลเยียม กำลังศึกษาสีของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจากตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ ขณะนั้นเอง สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นประกายสีน้ำเงินไฟฟ้า บนขนของหนูนาชนิดหนึ่ง (tropical vlei rat)
“ฉันรีบกลับไปที่ออฟฟิศทันทีเพื่อดูว่ามีใครเคยบันทึกเรื่องนี้ไว้ไหม เพราะทุกอย่างที่ฉันเคยอ่านมาจนถึงตอนนั้นบอกฉันว่า การเหลือบแสงในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพบได้แค่ใน ตุ่นสีทอง (golden moles) เท่านั้น” ด็อบสันกล่าว ตุ่นสีทองเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในแอฟริกาที่ได้ชื่อมาจากขนที่แวววาวเหมือนดิ้นโลหะของมัน
เมื่อเธอเริ่มขุดลึกลงไป ก็พบว่ามีการกล่าวถึงขนที่แวววาวของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ อยู่บ้างแบบไม่เป็นทางการ ย้อนกลับไปได้ไกลถึงยุค 1890 เลยทีเดียว
ดังนั้น เธอและเพื่อนร่วมงานจึงเริ่มตรวจสอบขนของตัวอย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรายงานปากเปล่าว่ามีขนเหลือบแสง หรือเป็นญาติใกล้ชิดกับชนิดที่มีรายงานเหล่านั้น พวกเขาใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงส่องไปที่เส้นขนในมุมต่างๆ และวิเคราะห์ความยาวคลื่นของแสงที่สะท้อนออกมาเพื่อดูว่ามันเป็นสีอะไร
ผลการวิเคราะห์ได้เปิดเผยความจริงที่น่าทึ่งว่า มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 14 ชนิด ที่มีขนเหลือบแสง ซึ่งรวมถึงหนู 10 ชนิด และ หนูผีนากยักษ์ (giant otter shrew) นักล่ากึ่งสัตว์น้ำที่ไม่ใช่ทั้งนากและไม่ใช่ทั้งหนูผี และที่สำคัญคือ 6 ชนิดในนี้ ไม่เคยถูกระบุว่ามีขนเหลือบแสงมาก่อนในเอกสารทางวิทยาศาสตร์ใดๆ เลย
🌈 ความลับเบื้องหลังประกายรุ้ง
เมื่อนักวิจัยนำเส้นขนของสัตว์เหล่านี้ไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง พวกเขาพบว่าเส้นขนของพวกมันทั้งหมดมีลักษณะเรียบลื่นผิดปกติ และโครงสร้างภายในประกอบด้วยชั้นย่อยๆ ที่เรียงตัวขนานกันและถูกบีบอัดแน่นกว่าชั้นในเส้นขนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป
โครงสร้างที่เรียบและอัดแน่นเป็นชั้นๆ นี้เอง ที่ทำให้แสงเกิดการหักเหและแทรกสอด จนเกิดเป็นสีรุ้งระยิบระยับขึ้นมา เหมือนกับหลักการทำงานของปริซึมที่แยกแสงขาวออกเป็นสีต่างๆ
แล้วพวกมันมีขนแบบนี้ไปเพื่ออะไร? นักวิจัยคาดว่าความแวววาวนี้น่าจะเป็นเพียงผลพลอยได้ (by-product) จากการปรับตัวของเส้นขนเพื่อประโยชน์ด้านอื่น เช่น การกันน้ำ หรือการลดแรงเสียดทาน แต่ด็อบสันก็เสริมว่า “มันอาจทำหน้าที่อื่นก็ได้ เช่น เพื่อการสื่อสารด้วยภาพ เหมือนที่พบในนกหลายชนิด”
🏡 สมบัติที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติรอบตัวเรา
เรื่องราวการค้นพบนี้อาจเกิดขึ้นในเบลเยียมกับสัตว์จากแอฟริกา แต่สิ่งที่มันสอนเรานั้นมันคือการย้ำเตือนให้เรา “มองให้ใกล้ขึ้น” ธรรมชาติรอบตัวเราในประเทศไทยเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ที่รอการค้นพบ ไม่แน่ว่ากระรอกที่วิ่งอยู่บนสายไฟ หรือสัตว์เล็กๆ ที่คุณเห็นจนชินตา อาจมีความลับทางชีววิทยาที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ในตัวมันก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าการสังเกตเห็น “ประกายแสง” เล็กๆ ในวันนี้อาจนำไปสู่การค้นพบครั้งสำคัญในวันหน้า
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ไม่ใช่เรื่องหายากอีกต่อไป: นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างน้อย 14 ชนิดที่มีขนเหลือบแสง (Iridescent) ซึ่งมากกว่าที่เคยเชื่อกันว่ามีแค่ในตุ่นสีทอง
✅ ค้นพบโดยบังเอิญ: การค้นพบนี้เริ่มต้นจากการที่นักวิจัยสังเกตเห็นประกายแสงสีน้ำเงินบนขนของหนูนาธรรมดาๆ ในพิพิธภัณฑ์
✅ โครงสร้างขนสุดพิเศษ: ขนที่เหลือบแสงมีลักษณะทางกายภาพที่พิเศษ คือมีความเรียบลื่นและมีชั้นภายในที่อัดแน่นกว่าปกติ ทำให้เกิดการหักเหของแสงเป็นสีรุ้ง
✅ ปริศนาที่รอคำตอบ: หน้าที่ของขนเหลือบแสงนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด อาจเป็นแค่ผลพลอยได้ทางวิวัฒนาการ หรืออาจใช้เพื่อการสื่อสารก็เป็นได้
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
คุณคิดว่าประกายรุ้งบนขนสัตว์เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่ครับ ระหว่าง ‘ความสวยงามโดยบังเอิญ’ หรือ ‘เครื่องมือสื่อสารลับ’ ของพวกมัน? และคุณเคยสังเกตเห็นสีสันที่น่าทึ่งในสัตว์รอบตัวคุณบ้างไหม?
มาแบ่งปันเรื่องราวกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ ✨ อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มองสัตว์โลกในมุมใหม่ไปด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Dobson, J. L., et al. (2025). Multilayer thin-film produces recurrent evolution of iridescence in mammals. Journal of the Royal Society Interface. https://doi.org/g927zd
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีแบบนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานชิ้นนี้ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้ผมสามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพแบบนี้ต่อไปได้ เพื่อให้เราทุกคนได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้และเปิดโลกไปด้วยกัน
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา