21 ก.ย. เวลา 06:19 • ความคิดเห็น

จากหนี้ท่วมหัว สู่ชีวิตใหม่: บทเรียนชีวิตจากชายวัย 45 ปี (ใครก็ทำได้อย่าท้อ)

จากหนี้ท่วมหัว สู่ชีวิตใหม่: บทเรียนชีวิตจริงจากชายวัย 45 ปี
“จุดเริ่มต้นของหายนะทางการเงินในชีวิตผม คือคำว่า ‘เดี๋ยวค่อยจ่าย’” พี่เอก (นามสมมติ) ชายวัย 45 ปี พนักงานบริษัทเอกชน เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือความขมขื่นเมื่อนึกถึงอดีต บทเรียนราคาแพงที่เกือบทำให้เสาหลักของครอบครัวต้องพังทลายลง จากพนักงานที่เคยมั่นคง เขาสะสมหนี้สินจากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลรวมกว่า 2 ล้านบาท เพียงเพราะความชะล่าใจและการใช้จ่ายเกินตัวเพื่อรักษาหน้าตาทางสังคม
“ช่วงอายุ 30 ปลายๆ ถึง 40 ต้นๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีพร้อม มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่เบื้องหลังคือภาระที่มองไม่เห็น ผมมีบัตรเครดิต 5-6 ใบที่ใช้หมุนจ่ายขั้นต่ำมาตลอดเพื่อซื้อของอำนวยความสะดวก สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จนวันหนึ่งที่รายจ่ายประจำสูงกว่ารายรับ ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจนน่าตกใจ มันก็หมุนไม่ไหวอีกต่อไป”
เมื่อเผชิญหน้ากับทางตัน โทรศัพท์จากเจ้าหนี้ดังขึ้นทุกวัน ความเครียดเริ่มกัดกินชีวิตและความสัมพันธ์ในครอบครัว เขาตัดสินใจเปิดใจคุยกับภรรยาและเผชิญหน้ากับความจริง เขาเริ่มศึกษาหาทางออกอย่างจริงจัง ทางเลือกแรกที่เขาพบคือการ “รวมหนี้” (Debt Consolidation) เขาติดต่อธนาคารที่เขาเดินบัญชีหลัก เพื่อขอสินเชื่อส่วนบุคคลก้อนใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ามาชำระหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด แม้ขั้นตอนจะยุ่งยาก
ต้องเตรียมเอกสารมากมายและตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา แต่ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติ มันคือแสงสว่างแรกที่ปลายอุโมงค์ ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจาก 18-25% เหลือเพียง 10-12% และทำให้การผ่อนชำระง่ายขึ้น เหลือยอดจ่ายเพียงที่เดียว
แต่การรวมหนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือการปฏิวัติพฤติกรรมทางการเงินของตัวเอง เขาและภรรยาช่วยกันทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดทุกวัน ทำให้เห็นรูรั่วทางการเงินที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน พวกเขาตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแก้วละร้อย การสังสรรค์หลังเลิกงาน หรือการซื้อของออนไลน์ที่ไม่จำเป็น พี่เอกเริ่มหารายได้เสริมด้วยการขับรถส่งของในวันหยุด
นอกจากนี้ เขายังได้รู้จักกับ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำคัญสำหรับคนที่เป็นหนี้เสีย (NPL) แม้ในตอนนั้นเขาจะยังไม่เข้าเกณฑ์ แต่เขาก็ศึกษาเผื่อไว้และแนะนำเพื่อนที่สถานการณ์ย่ำแย่กว่าให้ลองปรึกษา ซึ่งโครงการนี้เสนอทางออกด้วยการผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากและระยะเวลายาวนานขึ้น ช่วยให้คนมีโอกาสกลับมายืนได้อีกครั้ง
“ผมใช้เวลาเกือบ 5 ปีในการต่อสู้ครั้งนี้ มันคือการยอมรับความจริง หยุดสร้างหนี้เพิ่ม และมีวินัยกับตัวเองอย่างถึงที่สุด ทุกเดือนที่เห็นยอดหนี้ลดลง มันคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” พี่เอกกล่าวทิ้งท้ายด้วยแววตาที่มุ่งมั่น วันนี้เขาปลอดหนี้และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง บทเรียนของเขาไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่คือการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนพื้นฐานของความเป็นจริง และเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนตระหนักถึงพลังของวินัยทางการเงิน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
โฆษณา