22 ก.ย. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

📌 ทอง - ดอลลาร์ - บาท จัดพอร์ตอย่างไรในยุคใหม่?

วันนี้ตลาดการเงินโลกเต็มไปด้วยความผันผวนและเกมการเมืองที่ซับซ้อน การคาดการณ์ทิศทางของสินทรัพย์ต่าง ๆ กลายเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม คุณสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคและค่าเงิน
ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของทองคำ ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินบาท ในงาน TFEX Station On ground 2025 x Trader KP "ฝ่าวิกฤต พิชิตทุกพอร์ต" โดยชี้ว่าราคาทองคำยังไม่แพงและมีโอกาสไปต่อได้อีกไกล ท่ามกลางจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของระบบการเงินโลก
------
🔸4 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของราคาทองคำ
คุณสุวัฒน์เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่าราคาทองคำในปัจจุบันยังไม่ถือว่าแพงเกินไป แม้จะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยมองว่าการขึ้นของราคาทองคำนั้นมีเหตุผลพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับอยู่เสมอ ซึ่งสรุปเป็น 4 ปัจจัยหลักที่นักลงทุนสามารถจดจำได้ง่าย
"หนึ่ง ดอกเบี้ยลง ทองคำก็จะขึ้น สอง สงครามเกิด ทองคำก็จะขึ้น สาม เงินเฟ้อระเบิด ทองคำก็จะขึ้น และสุดท้ายคือ ‘ดอลลาร์เลยเถิด’ หรือก็คือดอลลาร์ถลาลง ปัจจัยทั้งสี่เรื่องนี้จะต่างกรรมต่างวาระกันเข้ามา ‘แตะมือ’ ส่งไม้ให้กัน ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น นี่คือเหตุผลหลักในเชิงพื้นฐานที่ทำให้ผมมองว่าทองคำยังไม่จบ และมองเป้าหมายไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ"
ปัจจัยทั้งสี่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันเสมอไป แต่เป็นการรับ-ส่งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้ราคาทองคำมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และจากปัจจัยเหล่านี้ คุณสุวัฒน์ได้คาดการณ์เป้าหมายราคาทองคำไว้อย่างน่าสนใจว่าจะได้เห็นระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2027
🔸De-dollarization จุดเปลี่ยนโลกต่อการเสื่อมถอยของดอลลาร์
หัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ของคุณสุวัฒน์คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินโลก โดยปกติแล้วความยิ่งใหญ่ของดอลลาร์มาจาก 3 บทบาทหลัก ได้แก่ การเป็นสื่อกลางในการค้าโลก การซื้อขายพลังงาน (ปิโตรดอลลาร์) และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบันทั้งสามบทบาทนี้กำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก
จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ตัดสินใจยึดเงินทุนสำรองของรัสเซียในปี 2022 ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนานาประเทศ และเร่งให้เกิดกระบวนการ De-dollarization หรือการลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์อย่างชัดเจน โดยมีจีนเป็นผู้นำในการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
"อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้แก้เกมนี้ไว้แล้ว 3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการค้าพลังงาน ปัจจุบันสหรัฐฯ ขายพลังงานเยอะกว่าซาอุดีอาระเบียรวมกับกาตาร์เสียอีก เรื่องที่สองคือการค้า โดยใช้สงครามภาษีบังคับให้ทุกคนต้องมาซื้อสินค้าของตนเองมากขึ้น และเรื่องที่สามซึ่งซับซ้อนที่สุด คือการสูญเสียความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐฯ แก้เกมด้วยการใช้ Stablecoin ซึ่งเป็นเหรียญดิจิทัลที่นำดอลลาร์มาค้ำประกัน ยิ่ง Stablecoin เติบโต ความต้องการดอลลาร์เพื่อค้ำประกันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย"
กลยุทธ์ Stablecoin เป็นการสร้างกลไกทุนสำรองรูปแบบใหม่ในโลกดิจิทัล ทำให้ความต้องการดอลลาร์ยังคงอยู่ แม้ว่าบทบาทดั้งเดิมจะลดลงก็ตาม อย่างไรก็ตาม คุณสุวัฒน์มองว่าในระยะยาว ดอลลาร์จะยังคงมีทิศทางอ่อนค่าลง และอาจจะหลุดระดับ 90 จุดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
------
🔸ทิศทางค่าเงินบาท ความแข็งแกร่งท่ามกลางความอ่อนแอ
เมื่อกลับมาดูเรื่องค่าเงินบาท คุณสุวัฒน์ชี้ให้เห็นถึงความน่าสนใจที่ว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของไทยอาจจะยังไม่ดีนัก แต่เงินบาทยังคงแข็งค่า เหตุผลสำคัญคือ ประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูงเมื่อเทียบกับ GDP และมีสัดส่วนการถือครองทองคำเป็นทุนสำรองที่ค่อนข้างเยอะ สิ่งนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งจาก ‘งบดุล’ (Balance Sheet) ของประเทศ
ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าอย่างรุนแรงจึงมีน้อย ขณะเดียวกันการแข็งค่าหลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ก็เป็นไปได้ยาก เพราะจะถูกแทรกแซงจากธนาคารแห่งประเทศไทย
"โอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่ามาก ๆ นั้นเป็นไปได้ยาก แต่โอกาสที่จะแข็งค่าไปถึงระดับ 30 หรือ 29 ก็ยากเช่นกัน เพราะจะถูกแทรกแซงอย่างแน่นอน ดังนั้น มุมมองของผมคือในปีนี้ถึงปีหน้า เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 33-34 ซึ่งถือว่ามีเสถียรภาพสูง"
------
🔸 คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
คุณสุวัฒน์ทิ้งท้ายว่า การลงทุนในยุคนี้เปรียบเสมือนการชมซีรีส์ที่มีการวางโครงเรื่องอย่างซับซ้อน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของเกมการเงินและการเมืองระหว่างประเทศ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในฐานะตัวสะท้อนการเสื่อมค่าของเงินดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนที่สนใจทองคำ คุณสุวัฒน์ได้ให้คำแนะนำที่น่าจดจำว่า "ไม่ต้องรอให้ใครมาแจก เพราะสมัยนี้ไม่มีการแจกทองคำแล้ว ท่านต้องลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งต้องอาศัยทั้งความ ‘ตาถึง’ (มีสายตาแหลมคม) และ ‘เงินถึง’ (มีทุนทรัพย์เพียงพอ) แต่หากไม่มีสองอย่างนี้ ก็ควรนั่งเฉย ๆ ครับ"
นอกจากทุนทรัพย์และความรู้เรื่องการลงทุนแล้ว ก็ต้องเลือกใช้ "เครื่องมือที่ถูกต้อง" ในรูปแบบของแต่ละคนด้วย เช่น กองทุน ETF ทองคำ หรือสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียม ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือใหม่ในโลกปัจจุบัน’ เพราะท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีความรู้ความเข้าใจในภาพใหญ่และกลไกที่ขับเคลื่อนตลาด คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนอย่างยั่งยืน
คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ สามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้เลย
#BusinessTomorrow #ทองคำ #ดอลลาร์ #ค่าเงินบาท #เศรษฐกิจ #การเงิน #Dedollarization #TFEX
โฆษณา